โอ้โห! เรื่องเหรียญคริปโตนี่มันมีอะไรให้คุยให้ตื่นเต้นได้ตลอดจริงๆ นะครับ เหมือนล่าสุดเพื่อนสนิทผมก็ทักมาถามด้วยความสงสัยว่า “เฮ้ย ไอ้เหรียญ XRP ที่เห็นในข่าวน่ะ มันคืออะไร แล้วที่เขาเคยบอกว่าราคา xrp ราคาสูงสุดกี่บาท มันจริงรึเปล่า แล้วตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง น่าสนใจไหม?” แหม เจอคำถามชุดใหญ่มาแบบนี้ ในฐานะคนเขียนคอลัมน์การเงินที่คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มานาน ผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องขอเล่าให้ฟังแบบเจาะลึกแต่เข้าใจง่ายๆ สไตล์เราๆ นี่แหละครับ
จะบอกว่า XRP มันคือสกุลเงินดิจิทัลที่มาจากค่าย Ripple (ริปเปิล) ครับ ซึ่ง Ripple เนี่ย เขาตั้งบริษัทขึ้นมาตั้งแต่ปี 2012 โน่น โดยคุณ Chris Larsen (คริส ลาร์เซน) กับคุณ Jed McCaleb (เจ็ด แม็คเคเล็บ) โดยอ้างอิงแนวคิดมาจากงานเก่าของคุณ Ryan Fugger (ไรอัน ฟักเกอร์) เป้าหมายหลักๆ ของ XRP และระบบของ Ripple (RippleNet) คือการทำให้การโอนเงินทั่วโลกมันง่ายขึ้น เร็วขึ้น และถูกลงกว่าระบบธนาคารแบบเดิมๆ ที่บางทีก็ช้าเป็นเต่า ค่านู่นค่านี่เยอะไปหมด
ลองนึกภาพดูนะครับ เวลาเราจะโอนเงินไปต่างประเทศให้เพื่อนหรือครอบครัว บางทีต้องรอเป็นวันๆ หรืออาจจะหลายวันเลย แถมค่าธรรมเนียมก็ไม่ใช่น้อยใช่ไหมครับ Ripple กับ XRP นี่แหละที่เขาอยากจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ จุดเด่นที่เขาชูสุดๆ ก็คือ “ความเร็ว” ครับ ทำธุรกรรมเสร็จสิ้นได้ในเวลาไม่ถึง 5 วินาทีเท่านั้น! แถมค่าธรรมเนียมก็จิ๊บจ้อยมากๆ ต่ำกว่า 0.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ เสียอีก ซึ่งถ้าเทียบกับค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศแบบเดิมๆ นี่ ถือว่าถูกกว่าเยอะมากครับ

เบื้องหลังความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำนี้ ก็คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า XRP Ledger ครับ มันเป็นเหมือนสมุดบัญชีแยกประเภทแบบดิจิทัล ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาตรวจสอบได้ (โอเพนซอร์ส) และทำงานด้วยกลไกที่ชื่อว่า Federated Consensus (กลไกฉันทามติแบบรวมกลุ่ม) ซึ่งเจ้ากลไกนี้มันประหยัดพลังงานกว่ากลไกแบบที่ Bitcoin (บิตคอยน์) ใช้เยอะเลยครับ และที่สำคัญคือมันถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำธุรกรรมปริมาณมหาศาลได้รวดเร็วสุดๆ เคยมีการทดสอบว่ามันรองรับได้ถึง 1,500 ธุรกรรมต่อวินาทีเลยทีเดียว คิดดูว่าถ้าเป็นระบบธนาคารแบบเดิมๆ จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะประมวลผลได้ขนาดนี้
แล้วเอา XRP ไปทำอะไรได้บ้างนอกจากโอนเงิน? หลักๆ ก็อย่างที่บอกครับ คือใช้เป็นตัวกลางในการโอนเงินระหว่างประเทศ เหมือนเป็น “สะพาน” ที่เชื่อมสกุลเงินต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินสามารถแลกเปลี่ยนเงินข้ามประเทศได้โดยใช้ XRP เป็นตัวกลาง ลดขั้นตอน ลดต้นทุน และลดความซับซ้อนลงไปได้เยอะเลยครับ ซึ่ง Ripple ก็ไปจับมือเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินใหญ่ๆ ทั่วโลกกว่า 300 แห่งแล้วนะครับ อย่าง Bank of America (แบงก์ออฟอเมริกา), Santander (ซานแทนเดร์), MUFG (เอ็มยูเอฟจี) หรือแม้แต่ AMEX (อเมริกัน เอ็กซ์เพรส) ก็เคยมีข่าวว่าร่วมงานกัน นี่ก็เป็นจุดแข็งที่ทำให้ XRP มีความน่าเชื่อถือและมีโอกาสถูกนำไปใช้งานจริงในวงกว้าง
มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ “ราคา XRP เป็นยังไงบ้าง แล้วราคา xrp ราคาสูงสุดกี่บาท?” คำถามยอดฮิตเลย!

ถ้าพูดถึงราคา xrp ราคาสูงสุดกี่บาท หรือ All-Time High (ATH) เนี่ย มันมีตัวเลขที่คนอ้างอิงกันอยู่หลายแหล่งครับ ตัวเลขที่โด่งดังที่สุดและมักจะเห็นตาม CoinMarketCap (คอยน์มาร์เก็ตแคป) คือประมาณ 3.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ ซึ่งจุดสูงสุดนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมปี 2018 ตอนนั้นตลาดคริปโตบูมมากๆ อะไรๆ ก็พุ่งแรงไปหมด
แต่ก็มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งครับ อย่างคุณ David Schwartz (เดวิด ชวาร์ตซ) ซึ่งเป็น CTO ของ Ripple Labs (ริปเปิล แล็ปส์) เคยอธิบายว่า ตัวเลข ATH ในอดีตบางส่วนอาจจะดูสูงเกินจริงไปหน่อย เพราะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Kimchi Premium” (คิมชิ พรีเมียม) คือราคาเหรียญในตลาดเกาหลีใต้ตอนนั้นมันสูงกว่าตลาดอื่นทั่วโลกมาก ทำให้ตัวเลข ATH ที่คำนวณจากราคาตลาดรวมๆ อาจจะดูสูงผิดปกติไปบ้าง โดยส่วนตัวเขาอ้างอิงราคา ATH ที่เห็นบนแพลตฟอร์มอย่าง Bitfinex (บิทฟิเน็กซ์) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ และล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม ปี 2568 ที่ผ่านมา มีรายงานจาก BeInCrypto (บีอินคริปโต) ระบุว่า XRP ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ เอาเป็นว่าไม่ว่าจะอ้างอิงจากแหล่งไหน ตัวเลขมันก็อยู่ในช่วง 3 ดอลลาร์กว่าๆ ซึ่งถือว่าเป็นราคาสูงสุดที่ XRP เคยไปถึงมาแล้วนั่นเองครับ
ส่วนราคาต่ำสุดตลอดกาลของ XRP เนี่ย อยู่ที่ประมาณ 0.1055 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปี 2563 ครับ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ตลาดตื่นตระหนกจากสถานการณ์ทั่วโลกหลายอย่าง ราคาคริปโตแทบทุกตัวดิ่งหนักมาก
แล้วสถานการณ์ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 22 เมษายน 2568) เป็นยังไง? ราคา XRP อยู่ที่ประมาณ 2.10150 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 122.12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้มันเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ติดอันดับ Top 5 โดยอยู่ที่อันดับสี่ (รองจาก Bitcoin, Ethereum, Tether) เคยมีช่วงสั้นๆ ในปี 2561 ที่ XRP แซง Ethereum (อีเธอเรียม) ขึ้นไปอยู่อันดับสองมาแล้วด้วยนะครับ ปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมงก็อยู่ที่ราวๆ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และถ้าย้อนดูการเปลี่ยนแปลงราคาในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ราคา XRP พุ่งขึ้นมาถึง +233.71% เลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่ยังมีต่อเหรียญนี้ครับ
แต่ชีวิต XRP มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะครับ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาและอนาคตของ XRP ผันผวนสุดๆ ก็คือเรื่องคดีความกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ หรือ SEC (ก.ล.ต. สหรัฐฯ) นี่แหละครับ SEC ยื่นฟ้อง Ripple ตั้งแต่ปลายปี 2020 โดยกล่าวหาว่าการที่ Ripple ขาย XRP ให้กับนักลงทุนนั้น ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเรื่องนี้มันสร้างความไม่แน่นอนและกดดันราคา XRP มาอย่างยาวนานเลยครับ

คดีความนี้มันยืดเยื้อมาหลายปีครับ แต่ในปี 2566 ก็มีข่าวดีที่ทำให้แฟนๆ XRP เฮกันลั่นโลก เพราะศาลได้ตัดสินบางส่วนว่า การขาย XRP ให้กับนักลงทุนรายย่อยผ่านตลาดซื้อขายทั่วไปนั้น *ไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์* ตามกฎหมาย นี่เป็นชัยชนะบางส่วนที่สำคัญมากๆ ของ Ripple และส่งผลให้ราคา XRP พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 ที่ผ่านมาครับ แม้คดีความทั้งหมดจะยังไม่ถึงที่สุด แต่ชัยชนะส่วนนี้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีครับ
นอกจากเรื่องคดีความแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อ XRP ก็อย่างเช่นเรื่อง “การรวมศูนย์” ครับ อย่างที่บอกว่า Ripple Labs ถือเหรียญ XRP จำนวนมาก (ประมาณ 60% จากอุปทานสูงสุด 100 พันล้านเหรียญ) ซึ่งต่างจาก Bitcoin ที่เน้นการกระจายศูนย์อย่างแท้จริง ตรงนี้ก็เป็นประเด็นที่หลายคนในวงการคริปโตพูดถึงครับ อีกเรื่องก็คือ “การแข่งขัน” ในตลาดคริปโตที่สูงมากครับ มีเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา อย่าง BNB (บีเอ็นบี), Solana (โซลานา) หรืออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งพวกนี้ก็เป็นคู่แข่งทางอ้อมในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลครับ
มองในมุมข้อดีข้อเสียโดยรวมแล้ว XRP ก็เหมือนเหรียญสองด้านครับ
**ข้อดี:**
* **ทำธุรกรรมเร็วสุดๆ:** ไม่ถึง 5 วินาที เร็วกว่าระบบธนาคารแบบเดิมๆ เทียบกันไม่ได้เลย
* **ค่าธรรมเนียมถูกมาก:** แทบจะฟรีเลยถ้าเทียบกับการโอนเงินระหว่างประเทศแบบเก่าๆ
* **มีพาร์ทเนอร์แข็งแกร่ง:** การได้จับมือกับสถาบันการเงินใหญ่ๆ ทั่วโลก ถือเป็นใบเบิกทางสำคัญสำหรับการนำไปใช้งานจริงในอนาคต
**ข้อเสีย:**
* **ค่อนข้างรวมศูนย์:** การที่ Ripple ถือเหรียญจำนวนมาก ทำให้ถูกวิจารณ์เรื่องการรวมศูนย์อำนาจ
* **คดีความยังสร้างความปวดหัว:** แม้จะชนะบางส่วน แต่คดีความที่เหลือก็ยังเป็นดาบที่ค้างอยู่เหนือราคาและอนาคตของ XRP
* **คู่แข่งเพียบ:** ตลาดคริปโตมันกว้างใหญ่ การแข่งขันสูงมาก
ทีนี้ ถามว่ามองไปข้างหน้า XRP จะเป็นยังไงต่อ? นักวิเคราะห์หลายคนก็มองว่า XRP ยังมีศักยภาพสูงทีเดียวครับ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวที่เน้นการใช้งานจริงในการชำระเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากๆ การที่สถาบันการเงินเริ่มยอมรับและร่วมงานด้วยก็เป็นสัญญาณที่ดีครับ อย่างการคาดการณ์จาก Binance (ไบแนนซ์) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชื่อดัง ก็มองว่าราคาอาจจะไปถึง 4.021563 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 เลยทีเดียว หรือนักวิเคราะห์บางคนอย่าง Ash Crypto (แอช คริปโต) ก็มองว่าหลังทำจุดสูงสุดใหม่ ราคาอาจจะพุ่งไปถึง 5-10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในอนาคตอันใกล้ จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค (เช่น การที่กราฟกำลังฟอร์มตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมรอการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน)
XRP เป็นเหรียญที่มีอายุในตลาดคริปโตค่อนข้างนานแล้วครับ อายุ 12 ปี ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะมาก การที่ยังคงอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดและมีมูลค่ามหาศาลแบบนี้ ก็สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งเลยครับ แม้ปริมาณการซื้อขายจะสูงขึ้นมากในช่วงที่ราคาปรับตัวลง ก็แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังมีความสนใจในศักยภาพระยะยาวของมันอยู่
**บทสรุปสำหรับนักลงทุนและคนที่สนใจ:**
XRP เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าสนใจมากๆ ตัวหนึ่งครับ ด้วยจุดแข็งเรื่องความเร็ว ค่าธรรมเนียม และพันธมิตร แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่สำคัญ ทั้งเรื่องคดีความที่ยังไม่จบ ปัญหาเรื่องการรวมศูนย์ และความผันผวนของตลาดคริปโตโดยรวม
สำหรับเพื่อนๆ หรือใครที่สนใจ XRP หรือกำลังคิดจะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอะไรก็ตาม รวมถึง XRP ด้วยนะครับ ไม่ว่าคุณจะสงสัยว่า xrp ราคาสูงสุดกี่บาท หรือราคาปัจจุบันเป็นยังไง สิ่งสำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจคือ:
* **ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองให้ดีที่สุด:** อย่าเพิ่งเชื่อตามข่าวลือ หรือตามเพื่อนนะครับ อ่านข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ทำความเข้าใจโปรเจกต์ เทคโนโลยี และความเสี่ยงของมันจริงๆ จังๆ
* **เข้าใจความเสี่ยง:** ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงมาก ราคาอาจขึ้นแรงลงแรงได้ตลอดเวลา ต้องยอมรับความเสี่ยงนี้ให้ได้
* **ลงทุนเท่าที่รับความเสี่ยงได้:** อย่าเอาเงินที่จำเป็นต้องใช้ หรือเงินเก็บทั้งหมดมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ครับ
* **พิจารณาเรื่องการกระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปทุ่มกับเหรียญเดียวครับ
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงสูงเช่นกันครับ
⚠️ **คำเตือนความเสี่ยง:** การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ราคาอาจขึ้นหรือลงได้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนด้วยเงินที่พร้อมจะสูญเสียได้เท่านั้น โดยเฉพาะสำหรับ XRP ยังมีความเสี่ยงจากประเด็นทางกฎหมายที่ยังไม่สิ้นสุด ผู้ลงทุนควรประเมินเป้าหมายการลงทุนและสภาพคล่องของตัวเองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจใดๆ