คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

X คืออะไร? ไขข้อสงสัย ทำไม Twitter กลายเป็น X!

เอาล่ะทุกคน วันนี้ขอเม้าท์เรื่องที่หลายคนอาจจะยังคาใจกันอยู่หน่อย เรื่องของเรื่องก็คือ เจ้าแอปพลิเคชันนกฟ้าในตำนาน หรือ ทวิตเตอร์ (Twitter) ที่เราคุ้นเคยกันดีเนี่ย จู่ๆ วันดีคืนดีก็สลัดขนสีฟ้าทิ้งไป กลายร่างเป็นตัวอักษร “X” สีดำทะมึนซะอย่างนั้น! เพื่อนผมคนนึงถึงกับไลน์มาถาม “เฮ้ย! แอปทวิตเตอร์กูหายไปไหนวะ กลายเป็น X เฉยเลย มันคืออะไรเนี่ย?” เชื่อว่าหลายคนคงเกาหัวแกรกๆ เหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วเจ้า X ที่ว่านี่ **คือ** อะไร ทำไมต้องเปลี่ยน แล้วมันต่างจากของเดิมยังไงบ้าง วันนี้เราจะมาคลายปมสงสัยนี้กันแบบง่ายๆ สบายๆ สไตล์คนคุยกัน

เรื่องมันเริ่มมาจากมหาเศรษฐีสุดจี๊ดอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าพ่อเทสลา (Tesla) และสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) นั่นแหละครับ หลังจากที่เขาตัดสินใจทุ่มเงินมหาศาลเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ (Twitter) มาไว้ในมือกุมบังเหียนได้ไม่นาน พี่แกก็ประกาศเปรี้ยง! เปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก Twitter ที่คนทั้งโลกรู้จัก มาเป็น “X” พร้อมเปลี่ยนโลโก้นกสีฟ้าแสนน่ารัก เป็นตัวอักษร X แบบมินิมอลแทน ทำเอาชาวเน็ตทั่วโลก รวมถึงในไทยบ้านเราด้วย ถึงกับช็อกตาตั้ง เกิดคำถามมากมายว่าทำไปเพื่ออะไร? บ้างก็ว่าเท่ดี ดูล้ำสมัย บ้างก็ว่าไม่คุ้นเคยเลย เรียกยาก จำยาก เอาโลโก้นกฟ้าคืนมา! กลายเป็นดราม่าหย่อมๆ ในโลกโซเชียลอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว

ทีนี้พอเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้ไปแล้ว คำถามต่อมาก็คือ แล้วข้างในแอปมันเปลี่ยนไปเยอะไหม? ไอ้ที่เราเคยเรียกว่า “ทวีต” (Tweet) ข้อความสั้นๆ เนี่ย มันยังเหมือนเดิมหรือเปล่า? คำตอบคือ ฟังก์ชันหลักๆ ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ครับ การโพสต์ข้อความสั้นๆ รูปภาพ วิดีโอ หรือลิงก์ต่างๆ ยังทำได้เหมือนเดิมเป๊ะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป **คือ** ชื่อเรียกฟีเจอร์บางอย่าง และการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาพอสมควรเลย

อย่างแรกเลยคือ คำว่า “ทวีต” (Tweet) กับ “รีทวีต” (Retweet) ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “โพสต์” (Post) กับ “รีโพสต์” (Repost) แทน อันนี้ก็อาจจะต้องปรับความคุ้นเคยกันนิดหน่อย ส่วนฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจก็มีหลายตัว เช่น “Community Notes” ที่เปิดให้ผู้ใช้งานช่วยกันตรวจสอบข้อมูลและเพิ่มบริบทให้กับโพสต์ที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ คล้ายๆ กับการช่วยกันแฟ็กต์เช็ก (Fact Check) นั่นเอง ถือเป็นฟีเจอร์ที่ดีเลยนะ ในยุคที่ข่าวปลอมมันเยอะซะเหลือเกิน

นอกจากนี้ ยังมีการปรับหน้าตาแท็บ (Tab) จากเดิมที่เป็น “Home” กับ “Notifications” ก็เปลี่ยนเป็น “For You” (สำหรับคุณ) กับ “Following” (กำลังติดตาม) ซึ่งแท็บ For You เนี่ย อัลกอริทึม (Algorithm) มันจะเลือกโพสต์ที่เราน่าจะสนใจมาให้ดู ส่วน Following ก็จะเป็นโพสต์จากบัญชีที่เรากดติดตามไว้เท่านั้น อันนี้ก็ช่วยให้เราเลือกเสพเนื้อหาได้ตรงใจมากขึ้น สำหรับใครที่อยากดูข้อมูลเชิงลึกของโพสต์ตัวเอง แอป X ก็มีตัวชี้วัดที่ละเอียดขึ้นกว่าเดิมให้ดูด้วยนะ เหมาะสำหรับคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หรือใช้ X ในการทำการตลาด

อีกอย่างที่เปลี่ยนไปแบบเห็นได้ชัด **คือ** ระบบสมาชิกแบบเสียเงินที่เรียกว่า “X Premium” (หรือชื่อเดิมคือ Twitter Blue) ใครที่สมัครเป็นสมาชิกพรีเมียม ก็จะได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง เช่น เครื่องหมายถูกสีฟ้าข้างชื่อ (อันนี้เดี๋ยวนี้ใครจ่ายเงินก็ได้แล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องเป็นบุคคลสาธารณะจริงๆ) สามารถแก้ไขโพสต์ได้หลังจากกดส่งไปแล้ว โพสต์ข้อความได้ยาวขึ้น เห็นโฆษณาน้อยลง หรือแม้กระทั่งมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ลองใช้ก่อนใครเพื่อน ซึ่งอันนี้ก็เป็นโมเดลธุรกิจ (Business Model) ใหม่ที่ X พยายามหารายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าโฆษณานั่นเอง เขายังเพิ่มฟีเจอร์อย่าง โฟลเดอร์สำหรับจัดเก็บบุ๊กมาร์ก (Bookmark Folders) และมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบให้ครีเอเตอร์ (Creator) สามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ของตัวเองได้โดยตรงบนแพลตฟอร์มด้วย

แน่นอนว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ X ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ต้องชั่งน้ำหนักกันดู ข้อดีที่ยังคงอยู่และหลายคนยังรัก **คือ** ความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบในการรับรู้ข่าวสารและกระแสสังคม อะไรกำลังฮิต อะไรกำลังเป็นประเด็นดราม่า เปิด X แป๊บเดียวรู้เรื่อง! มันยังเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างเปิดกว้างให้เราได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ได้อย่างอิสระ (แต่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายและกฎชุมชนนะ) ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของคนที่น่าสนใจ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นช่องทางในการระบายความรู้สึกส่วนตัวได้เหมือนเดิม

แต่ในขณะเดียวกัน ข้อจำกัดหรือข้อควรระวังก็มีไม่น้อยเลย อย่างแรกเลยคือเรื่อง “ข่าวลวง ข้อมูลเท็จ” หรือ เฟคนิวส์ (Fake News) ที่แพร่กระจายได้เร็วมากบน X การกรองข้อมูลเลยกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายพอสมควร เพราะใครๆ ก็โพสต์ได้ บางทีข้อมูลที่แชร์ต่อๆ กันมาก็ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ หรืออาจจะเป็นข้อมูลที่สร้างขึ้นมาเพื่อปั่นกระแสโดยเฉพาะเลยก็ได้ เรื่อง “ดราม่า” ก็เป็นอีกสิ่งที่เลี่ยงได้ยากใน X ด้วยความที่มันเปิดกว้างและรวดเร็ว การปะทะคารม การแสดงความเห็นที่รุนแรง หรือการล่าแม่มดออนไลน์ (Cyberbullying) ก็เกิดขึ้นได้ง่าย ใครที่จิตใจไม่ค่อยเข้มแข็งก็อาจจะได้รับผลกระทบทางลบได้เหมือนกัน

แล้วก็มาถึงประเด็นสำคัญที่หลายคนกังวลไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” (Privacy) เคยสงสัยกันไหมครับว่าแอปที่เราเล่นกันฟรีๆ เนี่ย เขาเอาข้อมูลอะไรของเราไปทำอะไรบ้าง? จากข้อมูลที่แอป X แจ้งไว้ใน App Store (แอปสโตร์) เขาก็ยอมรับตรงๆ เลยว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานหลายประเภทพอสมควรเลยนะ ทั้งข้อมูลที่ใช้ติดตามคุณ เช่น ประวัติการซื้อ ตำแหน่งที่ตั้ง ข้อมูลติดต่อ รายชื่อติดต่อ เนื้อหาของผู้ใช้ ประวัติการค้นหา ตัวระบุต่างๆ ข้อมูลการใช้งาน ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และข้อมูลการวินิจฉัย ไปจนถึงข้อมูลที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณ และข้อมูลที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณโดยตรง

การเก็บข้อมูลเหล่านี้ **คือ** สิ่งที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (Social Media) ส่วนใหญ่ทำกัน เพื่อนำไปวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน พัฒนาบริการ และที่สำคัญคือการยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของแพลตฟอร์ม แต่สำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา การที่ข้อมูลส่วนตัวถูกเก็บและนำไปใช้เยอะขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญเหมือนกัน เราควรจะเข้าไปอ่านและทำความเข้าใจนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ของแอปที่เราใช้ รวมถึงเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ในแอป เพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลบางอย่างที่เราไม่ต้องการเปิดเผยได้บ้าง อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันตัวเองในระดับหนึ่ง

นอกเหนือจากเรื่องของแอปพลิเคชันแล้ว ตัวอักษร “X” เองก็มีความน่าสนใจในตัวมันเองนะ ทำไมหลายๆ ธุรกิจ หลายๆ แบรนด์ ถึงชอบใช้ตัวอักษร X ในชื่อกันจังเลย? เราจะเห็นชื่ออย่าง SCBX (เอสซีบี เอกซ์) ของไทยพาณิชย์ หรือแม้แต่ชื่อบริษัทของ อีลอน มัสก์ เองอย่าง SpaceX (สเปซเอ็กซ์) เหตุผลหนึ่งที่คนนิยมใช้ X **คือ** มันสื่อถึง “ตัวแปรที่ไม่ทราบค่า” ในทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมันให้ความรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด การค้นหาสิ่งใหม่ๆ หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง บางครั้ง X ก็ถูกใช้เพื่อย่อมาจากคำที่ขึ้นต้นด้วย Ex… เช่น Exponential (เอ็กซ์โพเนนเชียล) ที่แปลว่า การเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือ Extra (เอ็กซ์ตรา) ที่แปลว่า พิเศษ หรือ Excellent (เอ็กเซลเลนท์) ที่แปลว่า ยอดเยี่ยม

นอกจากนี้ รูปทรงของตัว X ที่มีจุดตัดอยู่ตรงกลาง ก็สื่อถึงการเป็นศูนย์กลาง การเชื่อมต่อ หรือการบรรจบกันได้เหมือนกัน แถมยังดูทันสมัย เขียนง่าย จำง่าย มีพลังบางอย่างในตัวเอง การที่ อีลอน มัสก์ เลือกใช้ชื่อ “X” กับอดีตทวิตเตอร์ ก็อาจจะมองไปถึงภาพที่ใหญ่กว่าแค่แอปโซเชียลมีเดีย แต่เป็น “Everything App” หรือแอปที่ทำได้ทุกอย่างในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การเงิน ความบันเทิง ตามวิสัยทัศน์ที่เขาเคยพูดไว้นั่นเอง ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปยาวๆ ว่า X จะไปถึงจุดนั้นได้จริงหรือไม่

สรุปแล้ว การเปลี่ยนผ่านจาก Twitter สู่ X ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานอย่างเราๆ ทุกคน ทั้งในแง่ของความคุ้นเคย ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา และประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ต้องใส่ใจมากขึ้น แม้ว่าแก่นหลักของการเป็นพื้นที่สำหรับข่าวสาร การแสดงความเห็น และการเชื่อมต่อกับผู้คนจะยังคงอยู่ แต่รูปแบบและนโยบายบางอย่างก็เปลี่ยนไป

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราในฐานะผู้ใช้งาน **คือ** การปรับตัวและรู้เท่าทันแพลตฟอร์มที่เราใช้งานอยู่เสมอครับ มีข้อแนะนำง่ายๆ ที่อยากฝากไว้สัก 3 ข้อ:

1. **เช็กก่อนแชร์:** ในยุคข้อมูลท่วมท้นแบบนี้ การตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อนกดโพสต์หรือรีโพสต์เป็นสิ่งสำคัญมาก อย่าเพิ่งเชื่อทุกอย่างที่เห็นในไทม์ไลน์ (Timeline) ลองค้นหาข้อมูลจากแหล่งอื่นเปรียบเทียบดูก่อนเสมอ
2. **ส่องการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว:** ลองหาเวลาเข้าไปดูเมนูการตั้งค่า (Settings) ในแอป X บ้าง มันจะมีหัวข้อเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอยู่ ลองอ่านดูว่าเราอนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลอะไรได้บ้าง และเราสามารถปรับแต่งอะไรได้เพื่อปกป้องข้อมูลของเรามากขึ้น
3. **เสพอย่างมีสติ:** โลกโซเชียลมีทั้งเรื่องดีและเรื่องชวนปวดหัว พยายามใช้ X อย่างมีสติ รู้จักแบ่งเวลา อย่าให้ตัวเองจมอยู่กับดราม่าหรือข้อมูลด้านลบมากเกินไปจนกระทบกับสุขภาพจิตของเรานะครับ

⚠️ ทิ้งท้ายไว้นิดนึงครับ จำไว้เสมอว่าข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์มีทั้งเรื่องจริง เรื่องเท็จ เรื่องที่ตั้งใจบิดเบือน การที่เราจะท่องไปในแพลตฟอร์มอย่าง X หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุดนั้น การมีวิจารณญาณในการรับสารจึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดครับผม!

LEAVE A RESPONSE