คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

USDT ปลอดภัยไหม? ไขความลับสเตเบิลคอยน์ยอดนิยม ไขข้อกังวลก่อนลงทุน!

ช่วงนี้ไม่ว่าเพื่อนๆ ในวงการคริปโตฯ หรือแม้แต่คนนอกวงการที่แอบมองตลาดอยู่ห่างๆ ก็คงเคยได้ยินชื่อ “USDT” ผ่านหูผ่านตามาบ้างใช่ไหมครับ? บางคนอาจจะคุ้นๆ ว่ามันคือ `Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)` เจ้าตลาด ที่นักเทรดนิยมใช้เป็นเหมือนเงินสดดิจิทัล แต่พอมีข่าวประเด็นความปลอดภัย หรือการนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็น่าจะเกิดคำถามผุดขึ้นในใจไม่น้อยว่า “เอ๊ะ! แล้วเจ้า `USDT (ยูเอสดีที)` ตัวนี้ มัน `usdt ปลอดภัยไหม` กันแน่เนี่ย?” เหมือนมีเงินฝากอยู่ในกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล แต่ก็แอบหวั่นๆ ว่าเงินของเราจะปลอดภัยจริงหรือเปล่า? วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงิน จะพาทุกคนมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันแบบง่ายๆ สไตล์เล่าเรื่อง ให้เข้าใจถึงแก่นกันไปเลยครับ

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักเพื่อนซี้ของ `USDT (ยูเอสดีที)` กันก่อน นั่นก็คือ `Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)` ครับ ลองนึกภาพแบบนี้ครับ ถ้า `Bitcoin (บิตคอยน์)` หรือ `Ethereum (อีเธอเรียม)` คือม้าพยศที่วิ่งเร็วและราคาขึ้นลงหวือหวา `Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)` ก็เปรียบเสมือนรถเก๋งที่นุ่มนวลและควบคุมง่ายกว่าเยอะ เพราะมันถูกออกแบบมาให้มีมูลค่า `ตรึงค่า (Peg)` ไว้กับสินทรัพย์ที่มีความ `เสถียร (Stability)` อย่างเช่น `ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar)` ทองคำ หรือแม้แต่เงินสดที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ (เราเรียกเงินพวกนี้ว่า `เงินเฟียต (Fiat Currency)` ครับ) เป้าหมายหลักๆ ของมันก็คือลดอาการ “เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง” ของราคา `คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)` ทั่วไป ทำให้เราใช้งาน `เหรียญดิจิทัล (Digital Coin)` ได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องกลัวราคาจะแกว่งแรงๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกาครับ

แล้ว `Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)` เนี่ยมันมีกี่ประเภทกันนะ? หลักๆ ก็มีอยู่ 3 แบบครับ อย่างแรกคือ `Fiat-backed Stablecoin (สเตเบิลคอยน์ที่ใช้เงินเฟียตค้ำประกัน)` นี่แหละตัวเอกของเรา `USDT (ยูเอสดีที)` และ `USDC (ยูเอสดีซี)` ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ โดยมีเงิน `ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar)` หรือสินทรัพย์ที่เทียบเท่ากัน หนุนหลังอยู่แบบ `1:1 (หนึ่งต่อหนึ่ง)` ครับ พูดง่ายๆ คือมี `เงินสำรอง (Reserves)` จริงๆ รองรับทุกเหรียญที่หมุนเวียนในตลาด ซึ่งนี่ก็เป็นประเด็นสำคัญที่เดี๋ยวเราจะมาคุยกันครับว่า `usdt ปลอดภัยไหม` ในมุมนี้ ส่วนแบบที่สองคือ `Crypto-backed Stablecoin (สเตเบิลคอยน์ที่ใช้คริปโตค้ำประกัน)` อันนี้จะเอา `คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)` อื่นๆ มาค้ำประกันแทน อย่างเช่น `DAI (ดาย)` ที่ใช้ `Ethereum (อีเธอเรียม)` เป็นตัวค้ำประกัน ข้อดีคือมันกระจายศูนย์ แต่ก็มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงจาก `ความผันผวน (Volatility)` ของ `คริปโต (Crypto)` ที่นำมาค้ำประกันอยู่บ้าง และแบบสุดท้ายคือ `Algorithmic Stablecoin (สเตเบิลคอยน์ที่ใช้อัลกอริทึม)` ที่ใช้ `อัลกอริทึม (Algorithm)` หรือชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ในการรักษามูลค่า ไม่ได้มีสินทรัพย์มาค้ำประกันโดยตรง แต่อาศัยการปรับลดเพิ่มปริมาณเหรียญในระบบ ซึ่งถ้าใครติดตามข่าวสาร คงจำบทเรียนราคาแพงของ `Terra (เทอร์ร่า)` และ `UST (ยูเอสที)` ที่ล่มสลายไปในปี 2022 ได้ดีเลยใช่ไหมครับ นั่นแหละครับคือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการไม่มี `สินทรัพย์ค้ำประกัน (Collateral)` ที่จับต้องได้ อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่น่ากลัวแค่ไหน

ทีนี้มาเจาะลึกที่ `USDT (ยูเอสดีที)` กันบ้าง เจ้าเหรียญตัวนี้ถือกำเนิดในปี 2014 โดยบริษัท `Tether Limited (เทเธอร์ ลิมิเต็ด)` จากฮ่องกงครับ ตอนแรกใช้ชื่อว่า `Realcoin (เรียลคอยน์)` ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น `Tether (เทเธอร์)` ที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ โดยมีภารกิจหลักคือผูกมูลค่ากับ `ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar)` แบบ `1:1 (หนึ่งต่อหนึ่ง)` เป๊ะๆ ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณมี `1 USDT (หนึ่ง ยูเอสดีที)` ก็เหมือนมี `1 ดอลลาร์สหรัฐ (หนึ่ง ดอลลาร์สหรัฐ)` ในกระเป๋าดิจิทัลนั่นแหละครับ และด้วยความที่ราคาของมันนิ่งเหมือนเป็ดในบ่อน้ำ `USDT (ยูเอสดีที)` จึงไม่เหมาะกับการ `เก็งกำไร (Speculation)` เลยครับ เพราะราคาไม่ค่อยขยับเท่าไหร่ แต่เหมาะกับการใช้เป็นเครื่องมือ หรือเป็น `ตัวกลาง (Medium)` ใน `การซื้อขาย (Trading)` `คริปโต (Crypto)` อื่นๆ มากกว่าครับ

กลไกการทำงานของ `USDT (ยูเอสดีที)` นั้นใช้ระบบที่เรียกว่า `Proof of Reserves (หลักฐานเงินสำรอง)` ครับ หลักการง่ายๆ คือถ้ามี `USDT (ยูเอสดีที)` หมุนเวียนอยู่ใน `ตลาดคริปโต (Crypto Market)` เท่าไหร่ บริษัท `Tether (เทเธอร์)` ก็จะต้องมี `เงินสำรอง (Reserves)` ที่เป็น `ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar)` หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเท่ากันเก็บไว้ในคลัง เพื่อให้แน่ใจว่าราคา `USDT (ยูเอสดีที)` จะยังคง `ตรึงค่า (Peg)` อยู่ที่ `1 ดอลลาร์ (หนึ่ง ดอลลาร์)` เสมอ ลองจินตนาการว่าเหมือนคุณเอาเงินไปฝากธนาคาร แล้วธนาคารก็ออกสลิปให้คุณมา สลิปนั้นก็คือ `USDT (ยูเอสดีที)` นั่นแหละครับ แต่สลิปใบนี้จะเคลื่อนย้ายไปมาบน `บล็อกเชน (Blockchain)` ได้รวดเร็วสุดๆ โดยไม่ต้องผ่านระบบ `ธนาคาร (Bank)` แบบเก่า ที่อาจจะใช้เวลาเป็นวันๆ กว่าเงินจะถึงปลายทาง เหมือนเราส่งเงินผ่านระบบ `SWIFT (สวิฟท์)` นั่นแหละครับที่มักจะใช้เวลาและค่าธรรมเนียมสูงกว่ามาก

แล้ว `USDT (ยูเอสดีที)` มันวิ่งเล่นอยู่บน `บล็อกเชน (Blockchain)` ไหนบ้าง? แม้ `USDT (ยูเอสดีที)` จะไม่มี `บล็อกเชน (Blockchain)` ของตัวเอง แต่ก็เป็นนักเดินทางตัวยงที่ไปอยู่บน `บล็อกเชน (Blockchain)` ชื่อดังหลายแห่งครับ เริ่มแรกก็อยู่บน `Omni Layer (ออมนิ เลเยอร์)` ของ `Bitcoin (บิตคอยน์)` จากนั้นก็ขยายอาณาเขตไปอยู่บน `Ethereum (อีเธอเรียม)` (ซึ่งเป็น `บล็อกเชน (Blockchain)` ที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งาน `USDT (ยูเอสดีที)` มากที่สุด) รวมถึง `Tron (ทรอน)` `EOS (อีโอเอส)` `Algorand (อัลกอแรนด์)` `SLP (เอสแอลพี)` และ `OMG (โอเอ็มจี)` ด้วยครับ ทำให้ `USDT (ยูเอสดีที)` เป็น `เหรียญดิจิทัล (Digital Coin)` ที่เข้าถึงง่าย และมี `สภาพคล่อง (Liquidity)` สูงปรี๊ดเลยทีเดียว

มาดูประโยชน์ของการมี `USDT (ยูเอสดีที)` ในกระเป๋ากันบ้าง ทำไมมันถึงเป็นขวัญใจของนักลงทุนและนักเทรดทั่วโลก?
ประการแรกเลยคือเรื่อง `ความเสถียร (Stability)` ครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่า `USDT (ยูเอสดีที)` ราคาไม่ผันผวนเท่า `คริปโต (Crypto)` ตัวอื่น การที่เรามี `USDT (ยูเอสดีที)` ติดพอร์ตไว้ก็เหมือนมีเงินสดในมือ พร้อมจะช้อนซื้อ `เหรียญ (Coin)` อื่นๆ ตอนตลาด `ขาลง (Bear Market)` หรือใช้หลบ `ความผันผวน (Volatility)` ของราคา `คริปโต (Crypto)` ที่ชอบวิ่งขึ้นวิ่งลงเหมือนรถไฟเหาะ ประการที่สอง `USDT (ยูเอสดีที)` เป็น `ตัวกลาง (Medium)` ใน `การซื้อขาย (Trading)` `สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset)` ที่สำคัญมากๆ ครับ `เหรียญคริปโต (Crypto Coin)` ส่วนใหญ่จะมี `คู่เงิน (Trading Pair)` เป็น `USDT (ยูเอสดีที)` อย่างเช่น `BTC/USDT (บิตคอยน์ต่อยูเอสดีที)` ทำให้การคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้นเยอะเลย นักลงทุนสามารถวางแผน `การซื้อขาย (Trading)` ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ `USDT (ยูเอสดีที)` ยังเป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวในเรื่อง `การโอนเงินระหว่างประเทศ (International Money Transfer)` ครับ ปกติถ้าเราโอนเงินผ่าน `ระบบธนาคาร (Banking System)` แบบดั้งเดิมอย่าง `SWIFT (สวิฟท์)` อาจจะใช้เวลาหลายวัน แถม `ค่าธรรมเนียม (Fee)` ก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่ถ้าใช้ `USDT (ยูเอสดีที)` ล่ะก็ `การโอนเงิน (Money Transfer)` จะใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที และ `ค่าธรรมเนียม (Fee)` ก็ต่ำกว่ามากๆ ครับ เหมือนคุณกดส่งอีเมลให้เพื่อนต่างประเทศ ต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องส่งจดหมายหรือโทรเลขที่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก `USDT (ยูเอสดีที)` ยังมีบทบาทสำคัญในโลกของ `DeFi (ดีไฟ)` หรือ `การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance)` อีกด้วยครับ ผู้ใช้สามารถนำ `USDT (ยูเอสดีที)` ไป `ให้กู้ยืม (Lending)` บนแพลตฟอร์ม `DeFi (ดีไฟ)` เพื่อรับ `ผลตอบแทน (Return)` ได้อีกด้วย เป็นช่องทางทำเงินใหม่ๆ ที่น่าสนใจเลยทีเดียว และสุดท้าย `USDT (ยูเอสดีที)` ยังสามารถทำหน้าที่เป็น `เงินสดดิจิทัล (Digital Cash)` ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วยครับ คือถ้าคุณเจอร้านค้าที่รับชำระด้วย `คริปโต (Crypto)` คุณก็สามารถใช้ `USDT (ยูเอสดีที)` จ่ายได้เลย เพราะมูลค่ามันคงที่ ทำให้คำนวณ `ค่าใช้จ่าย (Expenses)` ได้ง่าย ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าราคาจะขึ้นจะลงเหมือน `Bitcoin (บิตคอยน์)` ครับ

แต่ก่อนจะตอบคำถามว่า `usdt ปลอดภัยไหม` อย่างฟันธง เราต้องมาดูด้านมืดหรือความเสี่ยงของ `USDT (ยูเอสดีที)` กันก่อนครับ เหมือนเหรียญสองด้านนั่นแหละครับ เรื่องแรกที่ถูกตั้งคำถามมากที่สุดคือ `ความโปร่งใส (Transparency)` ของ `เงินสำรอง (Reserves)` ครับ หลายครั้งที่ผ่านมามีข้อกังวลว่าบริษัท `Tether (เทเธอร์)` อาจจะไม่ได้ `ค้ำประกัน (Backed)` `เหรียญ (Coin)` ไว้ `100% (หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์)` ตามที่ควรจะเป็น และ `เงินสำรอง (Reserves)` ที่เก็บไว้ก็ไม่ใช่แค่ `ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar)` เพียวๆ เท่านั้น แต่อาจจะรวมถึง `หุ้น (Stocks)` `ตราสารหนี้ (Bonds)` หรือ `คริปโตฯ (Crypto)` อื่นๆ ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ `ความน่าเชื่อถือ (Credibility)` ของ `Tether (เทเธอร์)` ในระยะยาวถูกตั้งคำถามมาตลอดครับ เหมือนคุณเอาเงินไปฝากธนาคาร แต่ธนาคารไม่ยอมบอกว่าเอาเงินคุณไปลงทุนอะไรบ้าง มันก็อดกังวลไม่ได้ใช่ไหมครับ

และ `USDT (ยูเอสดีที)` เองก็เคยมีเรื่องราวฉาวโฉ่ในอดีตครับ อย่างในปี 2017 บริษัท `Tether Limited (เทเธอร์ ลิมิเต็ด)` ก็เคยถูก `แฮก (Hack)` ไปถึง 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สามสิบเอ็ดล้านดอลลาร์สหรัฐ) และในช่วงนั้นก็มีข่าวลือหนาหูว่า `เงินทุนสำรอง (Fund Reserves)` จำนวนมหาศาลของ `Tether (เทเธอร์)` อาจจะไป `ปั่นราคา (Price Manipulation)` ของ `Bitcoin (บิตคอยน์)` ด้วย แต่บริษัทก็ออกมายืนยันว่า `USDT (ยูเอสดีที)` ยังคง `ผูกติด (Pegged)` กับ `ดอลลาร์ (Dollar)` เหมือนเดิม

เรื่องที่หนักสุดและเป็นที่จับตาในหลายประเทศคือ `ข้อกังวลด้านกฎหมาย (Legal Concerns)` และ `การฟอกเงิน (Money Laundering)` ครับ `USDT (ยูเอสดีที)` ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่มี `ความเสี่ยง (Risk)` สูงในการใช้ `ฟอกเงิน (Money Laundering)` และ `กิจกรรมการเงินใต้ดิน (Underground Financial Activities)` ครับ รายงานของ `สหประชาชาติ (United Nations)` ถึงกับระบุเลยว่าด้วยความที่ `USDT (ยูเอสดีที)` `โอนเงิน (Transfer Money)` ง่าย `เป็นส่วนตัว (Private)` และ `ค่าธรรมเนียม (Fee)` ต่ำ ทำให้มันเป็นที่นิยมในหมู่ `อาชญากร (Criminals)` โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหมือน `รถสปอร์ต (Sports Car)` ที่ขับเร็วแรง แต่ก็อาจจะถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้ง่ายกว่า `รถยนต์ครอบครัว (Family Car)` ทั่วไป และหน่วยงาน `กฎหมาย (Law Enforcement)` ใน `ประเทศจีน (China)` เองก็เตือนเรื่องการใช้ `สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets)` อย่าง `USDT (ยูเอสดีที)` ใน `การโอนเงิน (Money Transfer)` ที่ได้มาอย่างผิด `กฎหมาย (Law)` ครับ

ในบริบทของ `ประเทศไทย (Thailand)` เราก็มีข่าวร้อนๆ ที่เกี่ยวกับ `USDT (ยูเอสดีที)` เหมือนกันครับ กรณีของบริษัท `ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Company Limited)` ที่มีข่าวเรื่อง `การฟอกเงิน (Money Laundering)` และ `การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ (Bribery to Government Officials)` โดยใช้ `USDT (ยูเอสดีที)` เป็นเครื่องมือ `คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ (Mr. Ekkaphop Lueangprasert)` เจ้าของ `เพจสายไหมต้องรอด (Saimai Tong Rot Page)` ได้ออกมาโพสต์ว่าพบ `เส้นทางการเงิน (Money Trail)` ที่ผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT (สองร้อยสี่สิบเจ็ดล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยสามสิบหก ยูเอสดีที) หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท (แปดพันสองร้อยยี่สิบสามล้านบาท) ถูกโอนออกไปก่อนที่ `โค้ชแล็บ (Coach Lab)` `ดิไอคอน (The iCon)` จะถูกจับกุม ซึ่งเป็นประเด็นที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มีการโต้แย้งจาก `นายปรมินทร์ อินสม (Mr. Parmin Inthasom)` ผู้บริหาร `สตางค์ คอร์ปอเรชั่น (Satang Corporation)` ที่ได้ตรวจสอบแล้วชี้แจงว่า `ธุรกรรม (Transaction)` บางส่วนถูกโอนเข้าไปยัง `Binance Hot Wallet (ไบแนนซ์ ฮอต วอลเล็ต)` ซึ่งอาจจะไม่ใช่ `ธุรกรรม (Transaction)` ที่ผิดปกติเสมอไป เพราะ `บล็อกเชน (Blockchain)` แม้จะมีความ `โปร่งใส (Transparency)` ใน `การบันทึกธุรกรรม (Transaction Recording)` แต่การตีความว่า `ธุรกรรม (Transaction)` นั้น `ผิดปกติ (Abnormal)` หรือไม่ ก็ยังต้องอาศัย `ผู้เชี่ยวชาญ (Experts)` และ `ความเข้าใจ (Understanding)` ใน `กลไก (Mechanism)` ของ `แพลตฟอร์ม (Platform)` ครับ เหมือนเราเห็นคนวิ่งเร็วๆ เราก็อาจจะสงสัยว่าเขาทำผิดอะไรหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเขาอาจจะแค่รีบไปทำงานก็ได้ครับ

ถ้าพูดถึง `USDT (ยูเอสดีที)` แล้ว ไม่พูดถึง `USDC (ยูเอสดีซี)` ก็คงไม่ได้ครับ เพราะ `USDC (ยูเอสดีซี)` ก็เป็น `Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)` ที่ `ตรึงค่า (Pegged)` กับ `ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar)` แบบ `1:1 (หนึ่งต่อหนึ่ง)` เหมือนกัน สร้างขึ้นในปี 2018 โดยบริษัท `Circle (เซอร์เคิล)` และ `Coinbase (คอยน์เบส)` ซึ่งเป็น `เหรียญ (Coin)` `ERC-20 (อีอาร์ซี-20)` บน `บล็อกเชน (Blockchain)` `Ethereum (อีเธอเรียม)` ที่เด่นกว่า `USDT (ยูเอสดีที)` อย่างชัดเจนเลยก็คือเรื่อง `ความโปร่งใส (Transparency)` ของ `เงินสำรอง (Reserves)` ครับ `USDC (ยูเอสดีซี)` มี `ความโปร่งใส (Transparency)` สูงกว่ามาก เพราะมีการ `ตรวจสอบบัญชี (Audit)` จากบริษัทภายนอก และรายงาน `การถือครองเงินสำรอง (Reserve Holdings)` อย่างสม่ำเสมอ ทำให้นักลงทุนหลายคนมองว่า `USDC (ยูเอสดีซี)` มี `ความปลอดภัย (Safety)` และ `ความน่าเชื่อถือ (Reliability)` มากกว่า `USDT (ยูเอสดีที)` อย่างมีนัยสำคัญครับ

แล้วอนาคตของ `USDT (ยูเอสดีที)` ล่ะ จะเป็นอย่างไรต่อไป? และ `usdt ปลอดภัยไหม` ในระยะยาว? แม้จะมีประเด็นร้อนๆ มาตลอด แต่ `USDT (ยูเอสดีที)` ก็ยังคงเป็น `เหรียญ (Coin)` ที่ได้รับ `ความไว้วางใจ (Trust)` จากนักลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะ `นักลงทุนหน้าใหม่ (New Investors)` ที่ต้องการเริ่มต้นใน `ตลาดคริปโต (Crypto Market)` ครับ ด้วย `ปริมาณ (Volume)` ที่มาก `เข้าถึงง่าย (Easy Access)` มีร้านค้าและ `ผู้แลกเปลี่ยน (Exchangers)` ยอมรับอย่างกว้างขวาง มี `ความมั่นคง (Stability)` (ในแง่ของราคาที่ `ตรึงค่า (Pegged)`) และสะดวกในการ `แลกเปลี่ยน (Exchange)` ผ่าน `บล็อกเชน (Blockchain)` ด้วย `ค่าธรรมเนียม (Fee)` ที่ต่ำ ทำให้ `USDT (ยูเอสดีที)` ยังคงเป็น `Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)` เบอร์หนึ่งในใจใครหลายคนครับ

ส่วนเรื่อง `การขุด USDT ฟรี (Free USDT Mining)` ที่เห็นกันบ่อยๆ ใน `แอปพลิเคชัน (Application)` บน `สมาร์ตโฟน (Smartphone)` ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่ `การขุดเหรียญ (Coin Mining)` แบบที่เราคุ้นเคยกัน ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงๆ นะครับ แต่เป็นเหมือนการสะสมเหรียญ หรือการทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อให้ได้ `USDT (ยูเอสดีที)` ฟรีๆ ซึ่งมักจะใช้เวลานาน และบาง `แอปพลิเคชัน (Application)` อาจมีเงื่อนไข `การถอนเหรียญ (Coin Withdrawal)` ที่ซับซ้อน หรือต้องให้เรา `ซื้อระบบ (Buy System)` เพิ่ม หรือ `อัปเกรด (Upgrade)` `ระดับ (Level)` เพื่อเร่ง `การขุด (Mining)` ซึ่งตรงนี้ต้องพิจารณา `ข้อดีข้อเสีย (Pros and Cons)` อย่างรอบคอบก่อนใช้งานนะครับ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ จนโดนหลอกล่ะครับ เหมือนเวลาเราเจอประกาศว่า “รับเงินง่ายๆ เพียงแค่คลิก” นั่นแหละครับ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลครับ

สรุปสุดท้าย `usdt ปลอดภัยไหม`? `USDT (ยูเอสดีที)` มีทั้งด้านที่ `ปลอดภัย (Safe)` และ `สะดวกสบาย (Convenient)` ในแง่ของ `ความเสถียร (Stability)` ของราคา `การซื้อขาย (Trading)` ที่คล่องตัว `การโอนเงิน (Money Transfer)` ที่รวดเร็ว และ `ค่าธรรมเนียม (Fee)` ที่ต่ำ แต่ก็มี `ความเสี่ยง (Risk)` ที่ต้องระวังอย่างมากในเรื่อง `ความโปร่งใส (Transparency)` ของ `เงินสำรอง (Reserves)` และ `ประเด็น (Issue)` `การฟอกเงิน (Money Laundering)` ครับ เหมือนเรามี `กระเป๋าเงิน (Wallet)` ที่ใบใหญ่ ใส่เงินได้เยอะ และหยิบใช้ได้ง่าย แต่ก็อาจจะมีช่องโหว่ที่เรามองไม่เห็นอยู่บ้าง

คำแนะนำจากผมในฐานะ `คอลัมนิสต์ (Columnist)` คือ หากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการ `ความเสถียร (Stability)` และ `สภาพคล่อง (Liquidity)` ใน `การซื้อขาย (Trading)` `คริปโต (Crypto)` หรือ `การโอนเงิน (Money Transfer)` `USDT (ยูเอสดีที)` ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีและตอบโจทย์ครับ แต่ `⚠️ หากคุณต้องการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลไว้เป็นจำนวนมากในระยะยาว หรือกังวลเรื่องความโปร่งใสของเงินสำรอง ผมแนะนำให้ศึกษา Stablecoin ตัวอื่นที่มีการตรวจสอบบัญชีที่เข้มงวดกว่า เช่น USDC หรือกระจายความเสี่ยงไปใน Stablecoin หลายๆ ตัว เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตครับ` เพราะในโลกของ `คริปโต (Crypto)` ที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ การ `ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง (Do Your Own Research – DYOR)` และ `ระมัดระวัง (Be Cautious)` ไว้ก่อน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอครับ

LEAVE A RESPONSE