เคยลองคิดเล่นๆ ไหมครับว่า เงิน 100 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าเราวันนี้ กับเงิน 100 บาทที่จะได้ในอีก 1 ปีข้างหน้า มันมีค่าเท่ากันจริงหรือเปล่า?
ถ้าคำตอบในใจคุณคือ “เงิน 100 บาทวันนี้มีค่ามากกว่าสิ” แสดงว่าคุณสัมผัสได้ถึงหลักการพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญมากๆ อย่างหนึ่งแล้วครับ นั่นก็คือ มูลค่าเงินตามเวลา (Time Value of Money) หรือที่เราอาจเคยได้ยินว่า **tvm คือ**… อะไรที่นักการเงิน นักลงทุน หรือแม้แต่คนธรรมดาอย่างเราๆ ควรทำความเข้าใจไว้ครับ
ทำไมเงินวันนี้ถึงมีค่ามากกว่าเงินในอนาคตล่ะ? เหตุผลหลักๆ มีอยู่ 2 อย่างครับ อย่างแรกคือ “โอกาสในการสร้างผลตอบแทน” เงินวันนี้เราสามารถนำไปลงทุน ฝากธนาคาร หรือทำธุรกิจให้งอกเงยได้ แต่ถ้าเป็นเงินที่จะได้ในอนาคต เราก็เสียโอกาสที่จะเอาเงินนั้นไปสร้างรายได้ในช่วงเวลาก่อนหน้าไปแล้วครับ

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ “เงินเฟ้อ” ตัวร้ายที่แอบกัดกินอำนาจซื้อของเงินเราไปเรื่อยๆ นึกภาพง่ายๆ ครับ สมัยก่อนเงิน 20 บาท อาจจะซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ชามนึงอิ่มๆ แต่ตอนนี้อาจจะต้องใช้ถึง 40-50 บาท เงินจำนวนเท่าเดิมในอนาคตจึงมีอำนาจซื้อที่ลดลงเมื่อเทียบกับวันนี้
หลักการ **tvm คือ** การตระหนักว่าเงินมีมูลค่าเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานี่แหละครับ และมันไม่ได้เป็นแค่ทฤษฎีนะครับ แต่มันมีวิธีการคำนวณที่ช่วยให้เราตัดสินใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
ทีนี้ เรามาดูกันว่าไอ้หลักการนี้มันทำงานยังไง และมีอะไรที่เราควรรู้บ้างครับ
หัวใจหลักของการคำนวณมูลค่าเงินตามเวลามีอยู่ 2 ส่วน คือ การหา “มูลค่าในอนาคต” และการหา “มูลค่าปัจจุบัน” ครับ
**1. มูลค่าในอนาคต (Future Value: FV)**
ลองนึกภาพว่าเรามีเงินก้อนนึงวันนี้ แล้วอยากรู้ว่าถ้าเอาไปลงทุนหรือฝากแบงก์ไว้ มันจะงอกเงยไปเป็นเท่าไหร่ในอนาคต นี่คือเรื่องของ มูลค่าในอนาคต (Future Value: FV) ครับ การคำนวณนี้จะรวมเอาผลตอบแทนที่เราจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย เงินปันผล หรือกำไรจากการลงทุน เข้าไปด้วย ทำให้เงินต้นของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ตัวอย่างง่ายๆ ครับ ถ้าเรามีเงิน 10,000 บาท เอาไปฝากประจำได้ดอกเบี้ย 2% ต่อปี พอครบ 1 ปี เงินเราจะกลายเป็น 10,200 บาท เห็นไหมครับว่า ‘มูลค่าในอนาคต’ ของเงิน 10,000 บาทในวันนี้ คือ 10,200 บาท ในอีก 1 ปีข้างหน้า
ถ้าเราฝากต่อไปอีกปี โดยดอกเบี้ยปีที่สองคำนวณจากเงิน 10,200 บาท (นี่แหละพลังของดอกเบี้ยทบต้น) เงินของเราก็จะกลายเป็น 10,200 x 1.02 = 10,404 บาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเห็นว่ายิ่งระยะเวลานานขึ้น และถ้ามีผลตอบแทน เงินของเราก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ
หลักการนี้มีประโยชน์มากในการวางแผนระยะยาว เช่น การวางแผนเกษียณครับ สมมติว่า นายรักออม ขยันลงทุน อายุ 24 ปี อยากเกษียณตอนอายุ 55 ปี (เหลือเวลาอีก 31 ปี) และคาดว่าจะต้องใช้เงินหลังเกษียณ เดือนละ 20,000 บาท ตามค่าครองชีพ ณ วันนี้ ถ้าสมมติว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ต่อปี เงิน 20,000 บาทในวันนี้ จะมีอำนาจซื้อเท่ากับเงินจำนวนเท่าไหร่ในอีก 31 ปีข้างหน้า? คำนวณตามหลักมูลค่าในอนาคต เงิน 20,000 บาทนี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นมากเมื่อถึงตอนเกษียณ (อาจจะราวๆ 50,000 บาทต่อเดือน) ทำให้เรารู้ว่าต้องเตรียมเงินก้อนใหญ่แค่ไหนเพื่อเป้าหมายในอีกหลายปีข้างหน้าครับ
**2. มูลค่าปัจจุบัน (Present Value: PV)**
ทีนี้กลับกันครับ สมมติว่าอีก 1 ปีข้างหน้า เรามีสิทธิ์ได้เงินก้อนนึง จำนวน 10,300 บาท เราอยากรู้ว่าไอ้เงินก้อนนี้ ถ้าคิดเป็น ‘มูลค่า ณ วันนี้’ มันจะมีค่าเท่าไหร่ นี่คือเรื่องของ มูลค่าปัจจุบัน (Present Value: PV) ครับ

ทำไมต้องคิดแบบนี้? ก็เพราะเงินที่เราจะได้ในอนาคต มันยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ สร้างผลตอบแทน หรือถูกกัดเซาะด้วยเงินเฟ้อ ณ วันนี้ได้ เราจึงต้อง “คิดลด” มูลค่าของมันกลับมา โดยใช้อัตราคิดลด (ซึ่งอาจเป็นอัตราผลตอบแทนที่เราคาดหวัง หรืออัตราเงินเฟ้อ)
ถ้าอัตราคิดลดอยู่ที่ 2% ต่อปี เงิน 10,300 บาทที่จะได้ปีหน้า จะมีมูลค่าปัจจุบันประมาณ 10,098 บาท เท่านั้นเองครับ ลองนึกภาพว่ามีคนเสนอให้คุณเลือกระหว่างรับเงิน 10,098 บาทวันนี้ กับรับเงิน 10,300 บาทปีหน้า โดยที่คุณสามารถนำเงินวันนี้ไปลงทุนได้ 2% คุณก็จะพบว่าทั้งสองทางเลือกมีค่าเท่ากันในทางทฤษฎี
หลักการมูลค่าปัจจุบันมีประโยชน์มากในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในอนาคต หรือการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ต่างๆ ที่จะสร้างกระแสเงินสดในอนาคต เช่น การซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า หรือการประเมินมูลค่าหุ้น เราต้องคำนวณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสด (ค่าเช่า หรือเงินปันผล) ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต กลับมาเป็นมูลค่า ณ วันนี้ เพื่อดูว่ามันคุ้มค่ากับเงินที่เราต้องจ่ายไปตอนนี้หรือไม่ครับ
แล้วปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่ทำให้มูลค่าเงินมันเปลี่ยนไปตามเวลานี้ได้?
* **อัตราดอกเบี้ย / อัตราผลตอบแทน / อัตราคิดลด:** ตัวเลขพวกนี้คือ ‘ค่าเช่า’ ของเงิน หรือ ‘รางวัล’ ที่เราจะได้จากการให้เงินเราทำงาน ถ้าอัตราพวกนี้สูง มูลค่าในอนาคตของเงินวันนี้ก็จะสูงขึ้นมาก ในทางกลับกัน มูลค่าปัจจุบันของเงินในอนาคตก็จะลดลงมากครับ
* **ระยะเวลา:** ยิ่งเวลายาวนานเท่าไหร่ พลังของดอกเบี้ยทบต้น (สำหรับมูลค่าในอนาคต) หรือพลังของการคิดลด (สำหรับมูลค่าปัจจุบัน) มันก็ยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้นครับ ผลกระทบมันจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงนะครับ แต่มันจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ยิ่งนาน ยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน
* **เงินเฟ้อ:** อย่างที่บอกไป ตัวนี้สำคัญมากในการตัดสินใจทางการเงินระยะยาว มันทำให้กำลังซื้อของเงินในอนาคตลดลง และมักถูกนำมาพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของอัตราคิดลดครับ
แล้วไอ้หลักการ **tvm คือ** สิ่งที่เราต้องรู้ไปทำไม? มันเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างในชีวิตจริง?
มันคือเข็มทิศช่วยตัดสินใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่สำคัญมากๆ ในชีวิตเราเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น…
* **การตัดสินใจรับเงิน:** ควรรับเงินก้อนวันนี้ หรือรับเป็นงวดๆ ในอนาคต? ควรเลือกรับเงินคืนภาษีเร็วๆ หรือรอ?
* **การลงทุน:** การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม หุ้นกู้ หรือแม้แต่ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซี อย่างการตัดสินใจว่าจะถือเหรียญ Bitcoin หรือ Ethereum ไว้เฉยๆ หรือนำไป Staking เพื่อรับผลตอบแทน หลักการ TVM ช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าของผลตอบแทนในอนาคต เมื่อเทียบกับความเสี่ยงและเงินต้นที่เราลงไปวันนี้ได้ครับ
* **การวางแผนการเงินส่วนบุคคล:** ตั้งแต่การออมเงินเพื่อเป้าหมายระยะสั้น ไปจนถึงการวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณที่เราคุยกันไป การเข้าใจว่าเงินที่เราต้องใช้ในอนาคตจะมีมูลค่าเท่าใดในปัจจุบัน หรือเงินที่เราออมวันนี้จะเติบโตไปได้ถึงไหน ช่วยให้เราตั้งเป้าหมายและวางแผนได้อย่างเหมาะสมครับ
* **การบริหารหนี้สิน:** การเข้าใจ TVM ยังช่วยให้เราเข้าใจ ‘ต้นทุน’ ที่แท้จริงของการเป็นหนี้ได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะเรากำลังจ่ายเงินในอนาคต (ซึ่งมีค่าน้อยกว่า) เพื่อชดเชยเงินที่เราใช้ไปแล้วในวันนี้ (ซึ่งมีค่ามากกว่า)

ฟังดูซับซ้อนใช่ไหมครับ? ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมานั่งกดสูตรยกกำลังเองนะครับ โลกนี้มีตัวช่วยดีๆ อย่าง เครื่องคิดเลขทางการเงิน (Financial Calculator) หรือบางทีก็เรียกตรงๆ ว่า TVM Calculator
เจ้าเครื่องนี้ (หรือแอปพลิเคชัน/เว็บไซต์) ช่วยให้เราหาค่าต่างๆ ที่สัมพันธ์กันได้ง่ายๆ แค่กรอกข้อมูลที่เรามีลงไป เช่น เรามีเงินเท่าไหร่ (PV), อยากให้เงินงอกไปเป็นเท่าไหร่ (FV), ในระยะเวลากี่ปี (Periods), ด้วยอัตราผลตอบแทนเท่าไหร่ (Annual Rate) เครื่องคิดเลขก็จะช่วยคำนวณส่วนที่เราต้องการหาให้ทันที ซึ่งสะดวกมากๆ สำหรับการวางแผนและการตัดสินใจอย่างรวดเร็วครับ เครื่องมือเหล่านี้หาได้ทั่วไป ทั้งบนเว็บไซต์ (อย่าง fncalculator.com) หรือในรูปแบบแอปพลิเคชันบนมือถือต่างๆ ครับ
สรุปง่ายๆ ครับ มูลค่าเงินตามเวลา ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือเป็นแค่ทฤษฎีในห้องเรียนการเงิน แต่มันคือหลักการพื้นฐานที่เราทุกคนควรทำความเข้าใจ เพื่อให้เราใช้เงินที่เราหามาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และวางแผนอนาคตทางการเงินของเราได้อย่างมั่นคง
ลองเริ่มคิดถึงเงินที่เรามี หรือเงินที่เราคาดว่าจะได้ ในมุมของมูลค่าตามเวลาดูนะครับ มันจะเปิดมุมมองใหม่ๆ และช่วยให้คุณตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาดขึ้นเยอะเลยครับ
⚠️ อย่างไรก็ตาม การคำนวณเหล่านี้เป็นการใช้สมมติฐานเรื่องอัตราผลตอบแทน หรืออัตราเงินเฟ้อในอนาคต ซึ่งอาจไม่เป็นจริงตามคาดเสมอไป และการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง มูลค่าของการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ก่อนตัดสินใจเรื่องเงินก้อนใหญ่ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เข้าใจความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละประเภท หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ