คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

LOVEPOTION: ยาเสน่ห์ธุรกิจหมื่นล้าน สร้างแบรนด์ดังด้วยใจและโซเชียล

เคยไหมครับที่สงสัยว่า ธุรกิจที่เริ่มต้นจากศูนย์ หรือบางทีก็แค่ความฝันเล็กๆ น้อยๆ ในวันนั้น จะสามารถเติบโตระเบิดเถิดเทิงได้ราวกับมีเวทมนตร์ เหมือนเรื่องราวในเทพนิยาย หรือเหมือน “ยาเสน่ห์” ที่ดึงดูดทั้งลูกค้าและเม็ดเงินเข้ามาได้อย่างน่าอัศจรรย์? เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง ที่กำลังพยายามปั้นธุรกิจออนไลน์ของตัวเองอยู่ ก็เพิ่งจะบ่นมาหมาดๆ ว่า “อยากรู้จริงๆ ว่าเขาทำกันได้ยังไง ถึงโตเร็วขนาดนี้?”

เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในนิยาย แต่เกิดขึ้นจริงในโลกธุรกิจบ้านเราครับ และหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ คือ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด หรือที่เราอาจจะคุ้นเคยกันในชื่อ “LOVEPOTION” แบรนด์เครื่องสำอางที่แจ้งเกิดอย่างโดดเด่นบนโลกโซเชียลมีเดีย ลองมาดูกันครับว่า บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด นี้มี “สูตรลับ” อะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดได้อย่างรวดเร็ว

ว่ากันตามตรงนะครับ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด ก่อตั้งมาได้ยังไม่ถึง 6 ปีเต็มเลยครับ เพราะจดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ฟังดูเป็นตัวเลขที่เยอะใช่ไหมครับ แต่เชื่อหรือไม่ว่า วันนี้มูลค่ากิจการจากส่วนของผู้ถือหุ้นของ บริษัท เลิฟโพชั่น พุ่งทะยานไปแตะ 140.44 ล้านบาทแล้ว! เรียกว่าเติบโตเกือบสามเท่าตัวของทุนจดทะเบียนเลยทีเดียว พวกเขาดำเนินธุรกิจหลักในการค้าปลีกเครื่องสำอาง โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพมหานคร และที่สำคัญคือมีหัวเรือใหญ่เป็นสองผู้บริหารที่เปรียบเสมือนภาพลักษณ์ของแบรนด์ นั่นก็คือ คุณณัฐชยานันท์ สุขวัฒนาพร หรือที่เรารู้จักกันในนาม “ซ้อการ์ด” และคุณณัฐชยานนท์ สุขวัฒนาพร หรือ “ซุง ศตาวิน นาคทองเพชร” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์การตลาดอันแพรวพราว

แล้วอะไรล่ะครับที่ทำให้ บริษัท เลิฟโพชั่น เติบโตได้ถึงขั้นถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของหมวดบริการ? ตัวเลขผลประกอบการของพวกเขานี่แหละครับคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ลองดูการเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้สิครับ

* **ปี 2563:** บริษัทมีรายได้รวม 7.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพียง 4,795 บาท (ใช่ครับ หลักพันบาทจริงๆ!)
* **ปี 2564:** รายได้ขยับขึ้นเป็น 12.6 ล้านบาท และกำไรโตเป็น 1.06 ล้านบาท
* **ปี 2565:** กราฟพุ่งฉิว! รายได้กระโดดไปที่ 55.7 ล้านบาท พร้อมกำไร 14.3 ล้านบาท
* **ปี 2566:** แรงไม่หยุด! รายได้ทะลุ 154.4 ล้านบาท และกำไรแตะ 34.6 ล้านบาท
* **ปี 2567 (ข้อมูลล่าสุดที่มี):** พุ่งทะลุเพดาน! รายได้สูงถึง 454.4 ล้านบาท และกำไร 84.2 ล้านบาท

หากดูจากปี 2565-2567 จะเห็นว่า บริษัท เลิฟโพชั่น มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้สูงถึง 185.4% ต่อปี และกำไรเติบโตเฉลี่ยถึง 142.7% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธุรกิจน้อยรายนักจะทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้โกหกนะครับ แต่มันบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จที่เกิดจากกลยุทธ์ที่คมคาย

แน่นอนครับว่าเบื้องหลังตัวเลขสวยหรูเหล่านี้ ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่มาจากกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลเป็นอย่างดี หัวใจสำคัญคือ **Personal Branding** หรือการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล โดยมี “ซ้อการ์ด” เป็นภาพลักษณ์หลักของแบรนด์ เธอใช้ตัวตน ประสบการณ์ และเรื่องราวชีวิตจริงมาสร้างความผูกพันกับผู้คน ทำให้แบรนด์ไม่ได้เป็นเพียงสินค้า แต่เป็นเหมือนเพื่อนที่จับต้องได้ นอกจากนี้ บริษัท เลิฟโพชั่น ยังใช้กลยุทธ์ **Social First Marketing** หรือการตลาดที่ให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร สร้างคอนเทนต์ และขับเคลื่อนยอดขาย ด้วยฐานผู้ติดตามของคุณซ้อการ์ดบน TikTok ที่มีกว่า 9.8 ล้านคน ลองจินตนาการดูสิครับว่าพลังของการเข้าถึงผู้คนจำนวนมหาศาลขนาดนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากขนาดไหน

และไม่ใช่แค่ปริมาณผู้ติดตามเท่านั้นนะครับ แต่เนื้อหาที่นำเสนอผ่านกลยุทธ์ **Storytelling** หรือการเล่าเรื่องราว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ พวกเขาไม่ได้ขายแค่เครื่องสำอาง แต่ขายเรื่องราวชีวิตเบื้องหลังการทำธุรกิจ ความมุ่งมั่น และแรงบันดาลใจต่างๆ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกร่วมและผูกพันกับแบรนด์อย่างลึกซึ้ง แคมเปญการตลาดที่โดดเด่นและสร้างกระแส “ไวรัล” ได้อย่างน่าทึ่งก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เช่น การไลฟ์ขายสินค้าราคาถูกชนิดที่เรียกว่า “แจกฟรี” ในราคา 5-10 บาท เพื่อดึงดูดความสนใจ หรือแม้แต่การเลือก “พี่กร ไม้กวาด” มาเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอม ซึ่งขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาแค่ 11 วินาที! สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความเข้าใจในจิตวิทยาผู้บริโภค และความสามารถในการสร้างสรรค์แคมเปญที่เหนือความคาดหมาย

จุดเริ่มต้นของ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด มาจากผลิตภัณฑ์สบู่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่าง Grape Soap แต่ในปัจจุบันพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่สินค้าความงามอย่างเซรั่ม ครีม กันแดด น้ำหอม หรือลิปออยล์แล้วนะครับ เพราะล่าสุดได้ขยายไลน์ธุรกิจไปสู่สินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง “น้ำดื่มเลิฟโพชั่น” ถึง 5 รสชาติ แถมยังจับมือกับ CJ More เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น นี่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ไม่หยุดนิ่ง และความพร้อมที่จะขยายอาณาจักรธุรกิจให้กว้างขวางออกไปอีก

ความสำเร็จของ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวเลขรายได้และกำไรที่น่าทึ่งเท่านั้นนะครับ แต่ยังรวมถึงการให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร จากข้อมูลที่ค้นพบ บริษัทแห่งนี้มีสวัสดิการที่หลากหลายและน่าสนใจทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเงินเดือนประจำปี โบนัสตามผลประกอบการ วันหยุดพิเศษในเดือนเกิดพร้อมเค้กวันเกิด ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเบี้ยขยัน ไปจนถึงประกันสุขภาพกลุ่ม ประกันอุบัติเหตุ และที่น่าสนใจคือพนักงานสามารถเบิกสินค้าของบริษัทได้ฟรีอีกด้วย สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาลงทุนในบุคลากร และให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เพื่อดึงดูดและรักษาคนเก่งๆ ไว้กับองค์กร

เรื่องราวของ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด สอนอะไรเราหลายอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นพลังของการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล การเข้าใจและใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างถูกจุด การเล่าเรื่องราวที่เข้าถึงใจผู้คน และการกล้าที่จะแตกต่างเพื่อสร้างความโดดเด่นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าในยุคดิจิทัล ใครที่มองเห็นโอกาสและกล้าที่จะลงมือทำอย่างจริงใจและสร้างสรรค์ ก็สามารถสร้างความสำเร็จได้อย่างเหลือเชื่อ

อย่างไรก็ตามครับ ในฐานะนักเขียนคอลัมน์ด้านการเงิน เราต้องไม่ลืมที่จะมองเห็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญเสมอ โลกของธุรกิจออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากครับ เทรนด์ต่างๆ เกิดขึ้นและดับไปในพริบตา การพึ่งพา Personal Branding เป็นหลัก แม้จะสร้างความสำเร็จได้อย่างมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน หากภาพลักษณ์ของบุคคลนั้นๆ เกิดได้รับผลกระทบทางลบ ก็อาจส่งผลกระทบต่อแบรนด์ได้โดยตรง การแข่งขันในตลาดเครื่องสำอางก็ยังคงดุเดือดและมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาตลอดเวลา การที่ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด เริ่มขยายไลน์สินค้าไปยังหมวดอื่นๆ อย่างน้ำดื่ม ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่น่าจับตามองในระยะยาว

สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือใครที่กำลังคิดจะเริ่มต้นธุรกิจในยุคนี้ เรื่องราวของ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด คือบทเรียนที่สำคัญครับ มันไม่ได้บอกให้คุณลอกเลียนแบบทุกอย่าง แต่สอนให้คุณมองเห็นว่าความจริงใจ การสร้างคุณค่า การใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการปรับตัวให้เข้ากับช่องทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาธุรกิจของคุณให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วย “ยาเสน่ห์” แห่งกลยุทธ์ที่เฉียบคม ผสมผสานกับการดูแลบุคลากรอย่างใส่ใจ ก็น่าจะทำให้ บริษัท เลิฟโพชั่น จำกัด ยังคงเป็นดาวเด่นในวงการธุรกิจต่อไปอีกนานครับ

LEAVE A RESPONSE