คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

ETH ราคา ขึ้นๆลงๆ ซื้อดีไหม? ไขความลับ Ethereum ที่มือใหม่ต้องรู้!

ช่วงนี้ เพื่อนซี้อย่าง “น้องฟิล์ม” ที่ปกติสนใจแต่เรื่องแฟชั่นกับซีรีส์เกาหลี จู่ๆ ก็ทักมาถามว่า “พี่คะๆ ตอนนี้ตลาดคริปโตเป็นยังไงบ้างคะ? แล้วไอ้เจ้า เหรียญ ETH ราคา มันขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ซื้อตอนนี้ดีไหมคะ?”

แหม… ได้ยินคำถามนี้แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ว่าตลาดจะผันผวนแค่ไหน “คริปโตเคอร์เรนซี” หรือ “สกุลเงินดิจิทัล” ก็ยังเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะเจ้า “อีเธอเรียม” หรือที่เรียกกันติดปากว่า ETH ที่ไม่ได้เป็นแค่ “เหรียญ” แต่เป็นหัวใจสำคัญของโลกดิจิทัลยุคใหม่เลยก็ว่าได้

ถ้าลองนึกภาพตลาดสกุลเงินดิจิทัลให้เหมือนกับสภาพอากาศ มันก็มักจะมีทั้งวันฟ้าใส แดดจ้า และวันที่มืดครึ้ม พายุเข้า อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index) ซึ่งเป็นเหมือนเทอร์โมมิเตอร์วัดอารมณ์ตลาด ก็มักจะแกว่งไปมาระหว่าง “กลัวสุดขีด” (ราคาตก) กับ “โลภสุดขีด” (ราคาสูงปรี๊ด) การติดตามภาพรวมเหล่านี้ ทั้งจากเว็บไซต์ดังๆ อย่าง CoinMarketCap จะช่วยให้เราพอจับทิศทางได้ว่าตอนนี้ตลาดกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

ช่วงที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเพิ่งเจอข่าวใหญ่เขย่าขวัญมาหมาดๆ ครับ โดยเฉพาะเรื่องที่ Mt. Gox กระดานซื้อขายคริปโตในตำนานที่เคยล่มไปเมื่อนานมาแล้ว เริ่มทำการคืนเงินให้กับลูกค้าเก่า ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีแรงเทขาย “บิตคอยน์” ซึ่งเป็นหัวหอกของตลาดออกมาจำนวนมาก ดันให้ราคาของบิตคอยน์ร่วงกราวรูดลงไปต่ำกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) และลาก “อีเธอร์”, “โซลานา” และ “โดชคอยน์” ดิ่งลงตามกันเป็นระลอก สร้างความเจ็บปวดให้กับ “กลุ่มนักลงทุนกระทิง” (Bull Investors) หรือคนที่แทงว่าราคาจะขึ้น ไปมูลค่ามหาศาลกว่า 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว นี่คือสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าตลาดอาจกำลังเข้าสู่ช่วง “การปรับฐาน” (Correction) หรือการปรับราคาลงเพื่อหาจุดสมดุลใหม่นั่นเอง

แต่ถึงแม้ตลาดจะผันผวน มีทั้ง “เหรียญราคาเพิ่มขึ้น” และ “เหรียญราคาลดลง” ในแต่ละวัน อีเธอเรียมก็ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความสนใจสูง และยังครองอันดับ 2 ในตลาดคริปโตตาม “มูลค่าตามราคาตลาด” (Market Capitalization) มาอย่างต่อเนื่อง ถ้ามองในระยะยาว อีเธอเรียมมีการเติบโตที่น่าทึ่งมากๆ เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา ราคาของมันเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 800-900% เลยทีเดียว ส่วนข้อมูล “ราคาปัจจุบัน” ของ เหรียญ ETH ราคา อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามแหล่งข้อมูลที่ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว เราจะเห็นได้ว่าอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์ที่มี “ปริมาณการซื้อขาย” (Trading Volume) สูงมากในแต่ละวัน ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพคล่องและความคึกคักในการซื้อขาย และด้วย “อุปทานหมุนเวียน” (Circulating Supply) ที่อยู่ในระบบกว่า 120 ล้าน ETH ก็สะท้อนให้เห็นถึงปริมาณเหรียญที่สามารถซื้อขายได้ในปัจจุบัน

คราวนี้ ลองมาเจาะลึกที่ “อีเธอเรียม” (Ethereum) กันสักหน่อยดีกว่าครับ ว่าทำไมมันถึงได้มีความสำคัญขนาดนี้? ถ้าบิตคอยน์เปรียบเสมือนทองคำดิจิทัล อีเธอเรียมก็คือ “แพลตฟอร์ม” อัจฉริยะที่เปิดประตูสู่โลกใหม่ๆ ของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้

อีเธอเรียมถูกสร้างขึ้นโดยนักโปรแกรมเมอร์หนุ่มอัจฉริยะนามว่า “วิตาลิก บูเทริน” เมื่อปี 2013 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2015 จุดเด่นของมันคือการเป็น “บล็อกเชน” (Blockchain) แบบเปิด หรือ “โอเพนซอร์ส” (Open-Source) ที่อนุญาตให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้ามาสร้าง “สัญญาอัจฉริยะ” (Smart Contract) และ “แอปพลิเคชันกระจายอำนาจ” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “แดปป์” (dApps) ได้อย่างอิสระ ลองจินตนาการว่ามีคอมพิวเตอร์ขนาดมหึมาเครื่องหนึ่งที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันปิด ไม่มีการเซ็นเซอร์ และไม่มีใครเป็นเจ้าของควบคุมได้เบ็ดเสร็จ นี่แหละคือ “เครื่องเสมือนอีเธอเรียม” (Ethereum Virtual Machine – EVM) ที่เป็นหัวใจของการประมวลผลคำสั่งต่างๆ บนเครือข่าย

แล้ว “อีเธอร์” (ETH) ซึ่งเป็น เหรียญ ETH ราคา ที่เราพูดถึงกันบ่อยๆ ล่ะ มีหน้าที่อะไร? เจ้า ETH เนี่ย มันไม่ใช่แค่สกุลเงินธรรมดาๆ แต่มันคือ “เชื้อเพลิง” ของเครือข่ายอีเธอเรียมครับ ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม หรือใช้งาน “แดปป์” ใดๆ บนเครือข่าย เราจะต้องจ่าย “ค่าแก๊ส” (Gas Fee) เป็น ETH เพื่อให้การดำเนินการนั้นๆ สำเร็จ เหมือนกับการที่เราเติมน้ำมันให้รถยนต์เพื่อจะขับเคลื่อนไปได้นั่นแหละครับ นอกจากนี้ ETH ยังสามารถใช้เป็นหลักประกัน หรือเป็นเครื่องมือสำคัญในระบบ “การเงินกระจายอำนาจ” (Decentralized Finance – DeFi) ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในตอนนี้อีกด้วย

ความเจ๋งของอีเธอเรียมยังไม่หมดแค่นั้นครับ แพลตฟอร์มนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของ “โทเค็น” (Token) มาตรฐานอย่าง “ERC20” ซึ่งเป็นเหมือนพิมพ์เขียวที่ทำให้สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกนับพันเหรียญสามารถถือกำเนิดขึ้นมาบนเครือข่ายอีเธอเรียมได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น “ยูเอสดีที” (USDT) หรือเหรียญอื่นๆ ที่เราเห็นกันทั่วไป ก็มักจะถูกสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานนี้ นอกจากนี้ อีเธอเรียมยังได้มีการพัฒนาเครือข่ายครั้งสำคัญจากระบบ “พิสูจน์การทำงาน” (Proof of Work – PoW) ไปสู่ระบบ “พิสูจน์การถือครอง” (Proof of Stake – PoS) เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับการใช้งานที่มากขึ้น หรือ “Scalability” และยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย

ด้วยความสามารถเหล่านี้เอง อีเธอเรียมจึงกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมมากมายในโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น:
* **การเงินกระจายอำนาจ (DeFi):** ระบบการเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาสถาบันตัวกลางอย่างธนาคาร หรือโบรกเกอร์ ทำให้เราสามารถกู้ยืม ฝาก หรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ได้โดยตรงผ่าน “สัญญาอัจฉริยะ”
* **เกมที่เล่นแล้วได้เงิน (Play-to-Earn Gaming):** เกมที่ผู้เล่นสามารถสร้างรายได้หรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลจริงๆ จากการเล่นเกม
* **งานศิลปะเอ็นเอฟที (NFT Art):** การสร้างสรรค์และซื้อขายผลงานศิลปะดิจิทัล ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และไม่สามารถปลอมแปลงได้ ซึ่งล้วนแต่พัฒนาอยู่บนเครือข่ายของอีเธอเรียมทั้งสิ้น

จะเห็นได้ว่าอีเธอเรียมไม่ได้เป็นเพียงแค่ “เหรียญ” ที่มี เหรียญ ETH ราคา ขึ้นลงตามตลาดเท่านั้น แต่มันคือ “แพลตฟอร์ม” ที่สร้างมูลค่าและโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้คนมากมายทั่วโลก เปรียบเสมือนอินเทอร์เน็ตในยุคแรกๆ ที่เปิดโลกของข้อมูลและการเชื่อมต่อ

สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองศึกษาหรือลงทุนใน “อีเธอร์” หรือ “สกุลเงินคริปโต” อื่นๆ ก็มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือมากมายให้ใช้ครับ เช่น เว็บไซต์อย่าง CoinMarketCap ที่ให้ข้อมูลภาพรวมตลาด “การจัดอันดับ” เหรียญต่างๆ หรือแม้แต่ “ดัชนีฤดูกาลอัลท์คอยน์” ที่บ่งบอกว่าช่วงไหนที่อัลท์คอยน์ (เหรียญอื่นๆ ที่ไม่ใช่บิตคอยน์) มีแนวโน้มจะทำผลงานได้ดีกว่าบิตคอยน์

นอกจากนี้ ยังมี “เครื่องมือสำรวจบล็อกเชน” (Blockchain Explorer) อย่าง Etherscan.io ที่เราสามารถเข้าไปตรวจสอบทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายได้แบบโปร่งใส หรือถ้าอยากรู้ข่าวสารอัปเดต ก็มี “จดหมายข่าว” (Newsletter) และ “สถาบันความรู้” (Academy) ของแพลตฟอร์มต่างๆ ที่คอยให้ความรู้และบทวิเคราะห์เชิงลึกอีกด้วย

ส่วนเรื่องการจัดเก็บ “เหรียญอีเธอร์” หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ก็มีทางเลือกหลากหลาย ทั้ง “วอลเล็ต” (Wallet) ที่อยู่บนกระดานซื้อขาย “แบบมีคนกลาง” (Centralized Exchanges – CEX) เช่น Binance ซึ่งดูแลจัดการให้เรา หรือ “วอลเล็ตที่ดูแลด้วยตนเอง” (Self-Custody Wallet) อย่าง Trust Wallet หรือฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Hardware Wallet) ที่เราเป็นผู้เก็บ “กุญแจส่วนตัว” (Private Key) เองทั้งหมด ซึ่งถือว่าปลอดภัยสูงสุดครับ และเมื่อเราต้องการเปลี่ยน “อีเธอร์” เป็น “เงินเฟียต” (Fiat Money) หรือเงินที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ก็สามารถทำได้ผ่าน “ตลาดสปอต” (Spot Market) บนกระดานซื้อขาย หรือใช้บริการ “พีทูพี” (Peer-to-Peer – P2P) ในการแลกเปลี่ยนได้เลยครับ

**สรุปส่งท้ายสำหรับน้องฟิล์มและทุกคน:**

โลกของคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะ “อีเธอเรียม” เป็นโลกที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยนวัตกรรมครับ แม้ เหรียญ ETH ราคา จะมีความผันผวนสูงตามข่าวสารและอารมณ์ตลาด แต่ในระยะยาว อีเธอเรียมก็ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเทคโนโลยี “บล็อกเชน” และ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ในอนาคต

ดังนั้น หากน้องฟิล์มหรือนักลงทุนท่านใดสนใจที่จะเข้าสู่โลกนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การศึกษาข้อมูล” ให้รอบด้าน ทำความเข้าใจในเทคโนโลยี การใช้งาน และความเสี่ยงของมันให้ดีก่อนเสมอ อย่าเพิ่งรีบกระโดดเข้าสู่ตลาดเพียงเพราะเห็นกระแส หรือเพราะเพื่อนบอกว่าดีนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง และไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงแบบนี้นะครับ

⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง และอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนด้วยเงินที่พร้อมจะสูญเสียเท่านั้น รวมถึงควรพิจารณาเรื่อง “สภาพคล่อง” ของเงินลงทุน หากเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินที่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาอันใกล้ อาจจะต้องพิจารณาให้รอบคอบเป็นพิเศษ.

LEAVE A RESPONSE