คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

DAPP US หุ้น: เจาะลึกโอกาสทอง บล็อกเชนมาแรง นักลงทุนไทยคว้าได้!

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน! วันนี้ผมมีเรื่องน่าสนใจที่จะชวนคุยกัน เป็นเรื่องที่ได้ยินเพื่อนนักลงทุนหลายคนถามมาเยอะมากว่า “พี่ครับ/คะ ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างบล็อกเชน (Blockchain) และคริปโทฯ นี่มันมีอะไรน่าจับตาเป็นพิเศษไหมครับ/คะ?” คำตอบคือ “มีสิครับ!” และหนึ่งในนั้นก็คือ “กองทุน DAPP” หรือชื่อเต็มๆ ว่า VanEck Digital Transformation ETF ที่ช่วงนี้กำลังเป็นดาวเด่นทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ บทความนี้ผมจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟคุยกัน จะได้เห็นภาพว่าเจ้ากองทุนตัวนี้คืออะไร มีดีอะไร ทำไมถึงน่าสนใจ และที่สำคัญ นักลงทุนอย่างเราจะหาโอกาสจากมันได้อย่างไรบ้างในตลาดหุ้นบ้านเรา

ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับ DAPP กันก่อนครับ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ETF มาบ้างแล้ว ใช่ครับ DAPP ก็คือ กองทุนรวมดัชนี (Exchange Traded Fund) ชนิดหนึ่ง ที่เปรียบเสมือนตะกร้าที่รวบรวมหุ้นของบริษัทชั้นนำที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่เรารู้จักกันในนาม คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) นั่นเองครับ แต่ขอเน้นย้ำตรงนี้เลยนะครับว่า กองทุน DAPP ไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin (บิตคอยน์) หรือ Ethereum (อีเทอเรียม) โดยตรงนะครับ แต่จะไปลงทุนใน “หุ้น” ของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น บริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับการขุดคริปโทฯ หรือบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์บล็อกเชนต่างๆ เป็นต้น พูดง่ายๆ คือ เหมือนเราไปซื้อหุ้นบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ทำเหมืองทองคำ แทนที่จะซื้อทองคำโดยตรงนั่นแหละครับ กองทุน DAPP เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ “us หุ้น” นั้นมีโอกาสใหม่ๆ ให้เราได้สำรวจอยู่เสมอ

แล้วทำไมช่วงนี้ DAPP ถึงเนื้อหอมเป็นพิเศษล่ะครับ? ปัจจัยแรกเลยคือเรื่องของ “เงินเฟ้อ” ในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าใกล้เป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed (เฟด) ซึ่งเป็นข่าวดีมากๆ ครับ เพราะเมื่อเงินเฟ้อลดลง Fed ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงอีกต่อไป หรืออาจจะถึงจุดสูงสุดแล้วก็ได้ ซึ่งประธาน Fed เองก็ส่งสัญญาณในทำนองนี้มาบ้างแล้วครับ เมื่อต้นทุนทางการเงินลดลง ดอกเบี้ยไม่แพงเหมือนเดิม บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงก็กลับมาคึกคักอีกครั้งครับ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เคยโดนกดดันอย่างหนักในช่วงที่ดอกเบี้ยสูงๆ ก็กลับมาหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น และเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Bond Yield) ก็ปรับตัวลดลงมาด้วย ยิ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนเริ่มกลับมามองหาสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงขึ้นครับ

อีกปัจจัยสำคัญที่จุดพลุให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาโดดเด่นก็คือ “ข่าวดีจากการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF” ครับ เมื่อบริษัท Grayscale Investments (เกรย์สเกล อินเวสต์เมนต์) ชนะคดีต่อ SEC (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา มันเหมือนกับการจุดประกายความหวังครั้งใหญ่ให้กับตลาดคริปโทฯ เพราะการมี Spot Bitcoin ETF (กองทุนบิตคอยน์สปอตอีทีเอฟ) จะทำให้การลงทุนใน Bitcoin เข้าถึงง่ายขึ้น ถูกกฎหมายมากขึ้น และอาจดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาในตลาดได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลโดยตรงต่อราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่กองทุน DAPP เข้าไปลงทุนครับ

มาดูผลงานของกองทุน DAPP กันบ้างดีกว่าครับ จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 กองทุน DAPP มีราคาอยู่ที่ 17.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) หรือขนาดของกองทุนอยู่ที่ 244.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) อยู่ที่ 17.22 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่น่าสนใจคือผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของกองทุน DAPP ที่พุ่งสูงถึง +44.71% ซึ่งถือว่าโดดเด่นมากๆ ครับ ส่วนอัตราส่วน P/E (ราคาต่อกำไร) ของหุ้นที่กองทุนถืออยู่เฉลี่ยอยู่ที่ 23.73 เท่า และมีอัตราค่าใช้จ่าย (Expense Ratio) เพียง 0.51% เท่านั้นเองครับ สำหรับบริษัทที่ DAPP เข้าไปถือหุ้นเป็นสัดส่วนสูงสุดก็มีอย่างเช่น Coinbase Global (คอยน์เบส โกลบอล) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ชื่อดัง, MicroStrategy Incorporated (ไมโครสตราทีจี อินคอร์ปอเรตเต็ด) บริษัทซอฟต์แวร์ที่มีนโยบายถือ Bitcoin จำนวนมาก, และ Block Inc (บล็อก อินคอร์ปอเรตเต็ด) บริษัทฟินเทคของ Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Twitter (ทวิตเตอร์) หรือ X (เอ็กซ์) นั่นเองครับ นอกจากนี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจากตัวชี้วัดต่างๆ ของ DAPP ก็ยังแสดงสัญญาณ “ซื้อทันที” ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางอีกด้วยครับ เรียกว่าหลายๆ อย่างเป็นใจกันไปหมด

แล้วนักลงทุนชาวไทยอย่างเราล่ะ จะเข้าถึงโอกาสการลงทุนในกองทุน DAPP นี้ได้อย่างไร? คำตอบคือผ่าน “กองทุน ASP-DIGIBLOC” หรือกองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน ครับ กองทุนนี้เป็นของ บลจ.แอสเซท พลัส ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน และที่สำคัญคือ กองทุน ASP-DIGIBLOC นี้มีการลงทุนหลักในหน่วยลงทุนของ DAPP ETF ถึงประมาณ 78% เลยทีเดียวครับ ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ค่า Correlation (ค่าสหสัมพันธ์) หรือค่าความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวราคาระหว่าง ASP-DIGIBLOC กับ DAPP ETF อยู่ที่สูงถึง 0.97 ซึ่งหมายความว่า กองทุนทั้งสองตัวนี้เคลื่อนไหวตามกันอย่างใกล้ชิดมากๆ ครับ เหมือนฝาแฝดกันเลยก็ว่าได้ ถ้า DAPP ไปทางไหน ASP-DIGIBLOC ก็มักจะไปทางนั้นด้วย ทำให้ ASP-DIGIBLOC เป็นช่องทางที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการลงทุนในกองทุน DAPP ครับ

และนี่คือที่มาของคำแนะนำ “Tactical Call” (แทคติคอล คอล) หรือคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ระยะสั้นจากทีม FINNOMENA FUNDS (ฟินโนมีนา ฟันด์) ครับ สมมติว่าคุณเป็นนักลงทุนที่ชอบความตื่นเต้นนิดๆ และอยากลองคว้าโอกาสระยะสั้นๆ ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่กำลังคึกคักแบบนี้ FINNOMENA FUNDS ได้เคยแนะนำให้เข้าลงทุนในกองทุน ASP-DIGIBLOC เพื่อเก็งกำไรใน DAPP ETF โดยมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนครับ

จากคำแนะนำแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ทีม FINNOMENA FUNDS มองเห็นว่าราคาของ DAPP ETF มีการทำ Higher High (จุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น) และทะลุยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average หรือ MA) 100 วันได้ จึงแนะนำให้เข้าลงทุนใน DAPP ETF ที่ราคาไม่เกิน 6.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีจุดทำกำไร (Take Profit) แรกอยู่ที่ 7.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci หรือ ฟีโบนักชี 50% ของรอบขาลงก่อนหน้า) และมีจุดตัดขาดทุน (Limit Loss) ที่ชัดเจนคือ หากราคา DAPP ETF ปิดตลาดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ก็ให้ตัดขาดทุนทันทีเพื่อควบคุมความเสี่ยง

จากนั้นไม่นาน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ราคา DAPP ETF ก็ปรับตัวขึ้นไปถึงจุดทำกำไรที่ 7.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ จริงๆ ครับ ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นถึง 16.25% นับตั้งแต่เริ่มแนะนำ ทำให้ FINNOMENA FUNDS แนะนำให้ขายทำกำไรออกไปทั้งหมดสำหรับผู้ที่ทำตามคำแนะนำแรกครับ แต่สำหรับนักลงทุนที่อยากลุ้นต่อ หรือคนที่ยังไม่ได้ลงทุนแต่เห็นโอกาส ทีมก็ยังคงให้คำแนะนำเพิ่มเติม โดยสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไรต่อ ก็อาจจะพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนไปก่อนเพื่อบริหารความเสี่ยง ส่วนที่เหลือก็ถือต่อและตั้งเป้าทำกำไรที่ 9.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิม หรือ Fibonacci 100%) พร้อมกำหนด Trailing Stop (หยุดขาดทุนแบบเลื่อนตาม) โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน หรือใช้ระดับราคา 6.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นจุดตัดขาดทุนครับ

สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้เข้าลงทุนแต่เห็นโอกาสใหม่ๆ ทีม FINNOMENA FUNDS ก็ยังคงเปิดโอกาสให้เข้าลงทุนใหม่ใน DAPP ETF ที่ราคาไม่เกิน 8.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 9.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีจุดตัดขาดทุนที่ 6.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือใช้ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันครับ จะเห็นได้ว่าเป็นการลงทุนที่ต้องจับจังหวะและมีการวางแผนจุดเข้า-ออกที่ชัดเจนมากๆ ครับ

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกลยุทธ์แบบ Tactical Call นี้ สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำเลยคือ คุณสมบัติของนักลงทุนที่เหมาะสมครับ กลยุทธ์แบบนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินสดหรือสภาพคล่องส่วนเกิน และสามารถรับความผันผวนของตลาดได้สูง เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลและหุ้นที่เกี่ยวข้องนั้นมีความผันผวนสูงกว่าสินทรัพย์ทั่วไปมากครับ นอกจากนี้ ควรใช้เงินลงทุนในสัดส่วนที่ไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องสามารถยอมรับการ Limit Loss หรือการตัดขาดทุนได้ทันทีเมื่อราคาเป็นไปในทิศทางที่ไม่คาดคิดครับ เพราะไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง และการควบคุมความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จครับ

สรุปง่ายๆ ครับ กองทุน DAPP และโอกาสการลงทุนในหุ้นบล็อกเชนผ่าน ASP-DIGIBLOC ในบ้านเรา กำลังเป็นดาวรุ่งที่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาคเชิงบวกหลายอย่าง ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัว แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่อาจถึงจุดสูงสุด และข่าวดีจากการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ครับ แต่ถึงแม้จะมีแนวโน้มที่ดี ผลตอบแทนที่โดดเด่น และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

⚠️ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้ มีความเสี่ยงที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ หากเงินลงทุนของคุณมีสภาพคล่องไม่สูงนัก หรือเป็นเงินที่คุณต้องใช้ในอนาคตอันใกล้ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในกลยุทธ์ที่มีความผันผวนสูงแบบนี้ครับ อย่าลืมกระจายความเสี่ยง และหมั่นศึกษาข้อมูลอยู่เสมอ เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดครับ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจลงทุนของทุกท่านนะครับ!

LEAVE A RESPONSE