เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมครับ/คะ ว่าช่วงนี้เห็นคำว่า “ไบแนนซ์” หรือ “BINANCE TH” บ่อยจัง แล้วไอ้เจ้า binance คืออะไรกันแน่? มันเกี่ยวข้องอะไรกับการลงทุน หรือว่าเป็นแค่แอปพลิเคชันใหม่ๆ ทั่วไป? ถ้าคุณกำลังมีคำถามเหล่านี้ในใจ ไม่ต้องกังวลครับ เพราะวันนี้ผมในฐานะคนที่ติดตามเรื่องราวการเงิน การลงทุนมาพอสมควร จะพาไปแกะกล่องทำความเข้าใจเรื่องนี้แบบง่ายๆ สไตล์เพื่อนคุยกัน ไม่ต้องกลัวคำศัพท์ยากๆ นะครับ เราจะค่อยๆ ทำความรู้จักไปพร้อมกัน
เอาล่ะ… ลองนึกภาพตามนะครับ ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่หลายคนเรียกว่า “ตลาดคริปโทฯ” เนี่ย มันก็เหมือนตลาดหุ้นนี่แหละครับ แต่เปลี่ยนจากหุ้นของบริษัทต่างๆ มาเป็น “เหรียญดิจิทัล” หรือ “คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)” แทน ซึ่งตลาดนี้มีการซื้อขายกันมหาศาลทั่วโลก แล้วจะมีตลาดกลางที่ไหนล่ะที่คนจะไปแลกเปลี่ยน ซื้อขายเหรียญพวกนี้กันได้? คำตอบก็คือ “กระดานแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี” หรือที่เรียกว่า “Exchange” ครับ และถ้าพูดถึง Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขาย ชื่อแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาเลยก็คือ “ไบแนนซ์” หรือ Binance Global นี่แหละครับ

Binance Global ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 โดยคุณฉางเผิง เจ้า (Changpeng Zhao) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า CZ แพลตฟอร์มนี้เขาให้บริการครอบคลุมไปทั่วโลกเลยนะครับ (ยกเว้นบางประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ที่มีข้อกำหนดเฉพาะ) เขาไม่ได้มีแค่กระดานให้ซื้อขายเหรียญอย่างเดียวนะครับ แต่ยังแตกแขนงไปทำอะไรอีกสารพัดในโลกคริปโทฯ ทั้งพัฒนาเหรียญของตัวเองชื่อ BNB (บีเอ็นบี) พัฒนาเหรียญ Stablecoin (สเตเบิลคอยน์ คือเหรียญที่มีมูลค่าค่อนข้างคงที่ มักจะผูกกับค่าเงินจริง อย่าง USD) อย่าง BUSD (บีUSD) หรือแม้แต่บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลอีกมากมาย เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ในวงการเลยก็ว่าได้
แต่ก่อนที่เราจะไปลุย Binance Global กันยาวๆ หลายคนในประเทศไทยน่าจะเคยเห็นชื่อ “BINANCE TH BY GULF BINANCE” กันมาบ้าง นี่คือสิ่งที่แตกต่างและสำคัญสำหรับคนไทยครับ BINANCE TH ไม่ใช่ Binance Global โดยตรงนะครับ แต่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทใหญ่ของไทยอย่าง กัลฟ์ อินโนวา (Gulf Innova) ซึ่งอยู่ในเครือ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (Gulf Energy Development) กับ ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ (Binance Capital Management) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Binance Global อีกที การร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนมาก นั่นคือการสร้างแพลตฟอร์มให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยที่ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานไทยโดยเฉพาะ
แล้ว BINANCE TH เขาได้ใบอนุญาตอะไรบ้าง? เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ข้อมูลจากกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทย ยืนยันว่า BINANCE TH BY GULF BINANCE ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” และ “นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” อย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ประมาณกลางปี พ.ศ. 2566 นี่หมายความว่า แพลตฟอร์มนี้ถูกกฎหมายในไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ก.ล.ต. เรื่องความปลอดภัย ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามกฎหมายไทย เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากๆ ครับ ถ้าจะถามว่า binance คืออะไรในบริบทของประเทศไทย ก็ต้องบอกว่า BINANCE TH BY GULF BINANCE นี่แหละคือแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องและเป็นทางการสำหรับคนไทย

ทีนี้ เรามาทำความรู้จักกับ “BNB” กันบ้างครับ หลายคนเห็นชื่อนี้บ่อยๆ เวลาพูดถึงไบแนนซ์ แล้วเจ้าเหรียญ BNB ที่ว่าเนี่ย binance คืออะไรทำไมต้องมีเหรียญนี้? BNB ย่อมาจาก Binance Coin (เหรียญไบแนนซ์) ครับ มันคือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นโดย Binance เองนี่แหละ เปิดตัวพร้อมๆ กับแพลตฟอร์มในปี 2017 ตอนแรก BNB สร้างอยู่บนบล็อกเชนของอีเธอเรียม (Ethereum) โดยเป็นเหรียญประเภท ERC-20 แต่ต่อมา Binance ก็พัฒนาบล็อกเชนของตัวเองขึ้นมาชื่อ Binance Chain (ไบแนนซ์เชน) (ใช้มาตรฐาน BEP2) และย้ายเหรียญ BNB มาอยู่บนบล็อกเชนของตัวเอง ก่อนที่จะพัฒนาต่อมาเป็น BNB Chain (บีเอ็นบีเชน) ในปัจจุบัน วัตถุประสงค์หลักของการสร้างเหรียญ BNB ก็คือการนำมาใช้ในระบบนิเวศ (Ecosystem) ของ Binance และขยายไปสู่การใช้งานอื่นๆ นอกแพลตฟอร์มด้วย
แล้วเราเอาเหรียญ BNB ไปทำอะไรได้บ้าง? ประโยชน์ของมันนี่หลากหลายทีเดียวครับ ที่ชัดเจนและนักเทรดบน Binance รู้ดีก็คือ การใช้ BNB ชำระค่าธรรมเนียมการซื้อขายบนกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งจะได้ส่วนลดพิเศษด้วย อันนี้เหมือนกับการที่เราใช้เหรียญของตลาดนั้นๆ เพื่อรับสิทธิประโยชน์นั่นแหละครับ นอกจากนี้ BNB ยังสามารถนำไปใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าที่รองรับได้ (อันนี้อาจจะต้องเช็คว่าร้านไหนรับบ้างนะครับ) บางทีก็นำไปใช้จองที่พัก โรงแรม หรือแม้แต่ตั๋วเครื่องบินได้ด้วยนะ! หรือแม้แต่ใช้ซื้อ Virtual Gifts (ของขวัญเสมือนจริง) ในบางแพลตฟอร์มก็มี
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ BNB สามารถนำไปใช้ในด้านการลงทุนหรือสร้างผลตอบแทนได้ด้วยครับ เช่น การนำไปฝากไว้ในบริการต่างๆ ของ Binance เพื่อรับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเพิ่มเติม เช่น Binance Saving (ทั้งแบบ Flexible Saving ที่ถอนได้ตลอด กับ Locked Staking (ล็อก สเตกกิ้ง) ที่ต้องฝากไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด), Launchpool (ลอนช์พูล) ที่ให้เรานำ BNB ไปล็อกไว้เพื่อรับเหรียญใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัว หรือ BNB Vault (บีเอ็นบี วอลท์) ที่รวมเอาหลายๆ บริการเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น อันนี้เหมือนเอาเงินฝากแบงก์แล้วได้ดอกเบี้ย แต่ความเสี่ยงอาจจะสูงกว่า เพราะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลนะครับ
และอีกกลไกหนึ่งที่ทำให้เหรียญ BNB น่าสนใจ คือกลไก “การเผาเหรียญ” ครับ ฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วมันคือกระบวนการลดจำนวนเหรียญ BNB ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดนั่นเอง เหรียญ BNB ถูกสร้างขึ้นมาในจำนวนจำกัดที่ 200 ล้านเหรียญ และ Binance ตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนเหรียญลงเรื่อยๆ ให้เหลือแค่ 100 ล้านเหรียญ ผ่านกระบวนการเผาเหรียญเป็นประจำทุกไตรมาส วิธีการก็คือ Binance จะนำกำไรส่วนหนึ่งจากการดำเนินงานไปซื้อเหรียญ BNB ในตลาดกลับคืนมา แล้วโอนเหรียญเหล่านั้นไปยัง Wallet (วอลเล็ต หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล) ที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้อีกเลย ทำให้เหรียญเหล่านั้นถูกนำออกจากระบบไปตลอดกาล การเผาเหรียญมีเป้าหมายคล้ายๆ กับกลไก Bitcoin Halving (บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง) หรือกลไกค่า Gas fee (ค่าแก๊ส) ของอีเธอเรียม ที่ทำให้เหรียญหายากขึ้น ซึ่งตามหลักอุปสงค์-อุปทาน เมื่อเหรียญหายากขึ้น มูลค่าของเหรียญที่เหลืออยู่ในตลาดก็มีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้ครับ
ในเชิงของสถานะตลาด ย้อนกลับไปปี 2021 ข้อมูลจาก Coinmarketcap.com (เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลและราคาเหรียญคริปโทฯ ทั่วโลก) บอกว่า BNB เคยติดอันดับต้นๆ ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีโลกเลยนะครับ ตอนนั้นอยู่ที่อันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 3.19% และมีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงถึง 44.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า BNB เป็นเหรียญที่มีความสำคัญและได้รับการยอมรับในตลาดโลก แต่ข้อมูลนี้เป็นของปี 2021 นะครับ สถานะและอันดับในตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสภาวะตลาดคริปโทฯ ที่มีความผันผวนสูง

ทีนี้ กลับมาที่เรื่องความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในประเทศไทยครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่า BINANCE TH BY GULF BINANCE ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. อย่างถูกต้อง นี่คือจุดแข็งที่สำคัญมากๆ สำหรับนักลงทุนในไทย เพราะการดำเนินงานอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐ ทำให้เรามั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าแพลตฟอร์มจะมีการบริหารจัดการที่เป็นไปตามมาตรฐาน มีระบบความปลอดภัยที่ได้คุณภาพ และมีการคุ้มครองนักลงทุนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งแตกต่างจากการไปซื้อขายบนแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ไม่ได้มาขออนุญาตในไทย ที่อาจมีความเสี่ยงด้านกฎหมายและการคุ้มครองนักลงทุนที่ไม่ชัดเจนเท่า
แต่! ก็ต้องยอมรับว่า Binance Global ที่เป็นบริษัทแม่ เขาก็เคยมีประเด็นเรื่องกฎหมายและการตรวจสอบอยู่บ้างนะครับ อย่างที่ข้อมูลบอกว่า Binance Global เคยถูกตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการหนีภาษี นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Binance Global ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ดำเนินงานทั่วโลก และเป็นสิ่งที่เราควรรับทราบไว้ อย่างไรก็ตาม สำหรับ BINANCE TH ในประเทศไทย เขาเน้นย้ำชัดเจนว่าดำเนินงานภายใต้กฎหมายและหลักเกณฑ์ของไทยอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับคนไทยครับ
พอเข้าใจแล้วว่า binance คืออะไร มีทั้ง Global และ TH ในไทย แล้วถ้าเราอยากจะลองเริ่มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบน BINANCE TH ต้องทำยังไงบ้าง? ขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อนครับ คล้ายๆ กับการเปิดบัญชีออนไลน์ทั่วไปเลย
1. **สร้าง Account (บัญชีผู้ใช้งาน):** เข้าไปที่เว็บไซต์หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน BINANCE TH มาก่อน จากนั้นก็สมัครสมาชิกด้วยอีเมลและตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย อย่าลืมยืนยันอีเมลด้วยรหัส OTP (โอทีพี) ที่ระบบส่งมานะครับ ขั้นตอนนี้ง่ายมาก ใช้เวลาไม่นาน
2. **Verified Account (ยืนยันตัวตน):** ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพื่อให้บัญชีของเราปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนดของ ก.ล.ต. (ที่เรียกว่า KYC – Know Your Customer) ให้เปิดแอปฯ BINANCE TH เข้าสู่ระบบ แล้วทำตามขั้นตอนการยืนยันตัวตนครับ หลักๆ ก็คือการกรอกข้อมูลส่วนตัว ถ่ายรูปบัตรประชาชนของเรา (ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง) และถ่ายเซลฟี่ (ถ่ายรูปตัวเอง) ครับ เคล็ดลับคือตอนถ่ายเซลฟี่ให้ถอดแว่นตา หมวก หรืออะไรที่ปิดบังใบหน้าออก อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์แต่งรูปนะครับ รูปจะได้ชัดเจนและยืนยันง่าย
3. **รอการอนุมัติและเริ่มฝากเงิน:** หลังจากส่งเอกสารยืนยันตัวตนครบถ้วนแล้ว ระบบจะทำการตรวจสอบ ซึ่งตามข้อมูลบอกว่าใช้เวลาอนุมัติไม่เกิน 60 นาทีครับ ถือว่ารวดเร็วมากๆ พอได้รับการอนุมัติแล้ว เราก็สามารถทำการโอนเงินบาทเข้าไปในบัญชี BINANCE TH ของเราเพื่อใช้ในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ทันที การฝากเงินเข้าเทรดก็ทำได้รวดเร็วเช่นกัน อาจจะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที เงินบาทของเราก็พร้อมสำหรับการซื้อขายเหรียญดิจิทัลต่างๆ แล้วครับ
สรุปแล้ว ถ้ามีคนถามว่า binance คืออะไรในมุมมองของนักลงทุนไทยที่อยากจะเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ต้องบอกว่า BINANCE TH BY GULF BINANCE คือหนึ่งใน “แพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” ที่ได้รับ “ใบอนุญาต” อย่างถูกต้องจาก “กระทรวงการคลัง” และอยู่ภายใต้การ “กำกับดูแล” ของ “ก.ล.ต.” ในประเทศไทย เป็นเสมือน “ตลาด” กลางที่เราจะเข้าไป “ซื้อขาย” หรือ “เทรด” “คริปโทเคอร์เรนซี” หรือ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจในระดับหนึ่งภายใต้กรอบของกฎหมายไทย และยังมีเหรียญประจำแพลตฟอร์มอย่าง “BNB” ซึ่งมีประโยชน์หลากหลายในการใช้งานและ “การลงทุน” ในระบบของไบแนนซ์ด้วยครับ
การเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ แต่ก็เหมือนกับการลงทุนอื่นๆ ทั่วไปครับ นั่นคือ “มีความเสี่ยงสูง” ราคาเหรียญคริปโทฯ มีความผันผวนสูงมาก อาจขึ้นแรงและลงแรงได้ในเวลาอันสั้น แถมยังมีความเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงจากตัวแพลตฟอร์มเอง (ถึงแม้ BINANCE TH จะถูกกำกับดูแลแล้ว แต่ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีหรือการโจมตีทางไซเบอร์ก็ยังมีอยู่) หรือความเสี่ยงที่เราอาจถูกหลอกลวงถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ
**⚠️ คำแนะนำสำหรับมือใหม่ครับ:** หากคุณสนใจโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและอยากลองใช้ BINANCE TH ให้เริ่มต้นศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ ทำความเข้าใจว่า binance คืออะไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง อย่าลงทุนในจำนวนเงินที่คุณเดือดร้อนหากต้องสูญเสียไปทั้งหมด และลองเริ่มต้นจากจำนวนน้อยๆ ก่อน เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจกับระบบและสภาวะตลาดจริงๆ ครับ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ช่องทางรวยทางลัด แต่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และการบริหารความเสี่ยงที่ดีครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการเดินทางในโลกคริปโทฯ ครับ!