
ช่วงนี้ไม่ว่าเดินไปไหน หรือจะไถฟีดโซเชียลมีเดีย ก็มักจะได้ยินหรือเห็นคำว่า “บิทคอยน์” กันอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมครับ ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่เฝ้าติดตามเรื่องราวเหล่านี้มานาน ผมเข้าใจดีว่าหลายคนอาจจะยังงงๆ ว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วที่เขาพูดๆ กันว่าราคาแพงลิบลิ่วนี่ มันแพงขนาดไหนกันเชียว โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตตลอดกาลที่เพื่อนฝูงชอบมาถามไถ่คือ “เนี่ยๆ เห็นข่าวว่าบิทคอยน์ราคาพุ่ง แล้วตกลง 1 btc เท่ากับกี่บาทไทยกันแน่?”
เอาจริงๆ นะครับ คำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้! เพราะราคาของบิทคอยน์มันไม่ได้นิ่งเหมือนราคาทองคำที่เราเช็คกันตอนเช้าแล้วอยู่ได้ทั้งวัน แต่บิทคอยน์นี่ราคาขยับตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ตามกลไกตลาดแบบเรียลไทม์ทั่วโลกเลยครับ
แต่ถ้าจะให้ตอบแบบเกาะติดสถานการณ์ล่าสุด เพื่อให้เห็นภาพว่าตอนนี้ 1 btc เท่ากับกี่บาท ประมาณการณ์จากข้อมูล ณ วันที่ผมกำลังนั่งเขียนบทความนี้ ตัวเลขกลมๆ ที่หลายแหล่งอ้างอิงใกล้เคียงกันก็อยู่แถวๆ 3.4 ล้านบาท ถึง 3.5 ล้านบาทครับ (ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น CoinGecko, BeInCrypto ก็จะให้ตัวเลขที่แตกต่างกันเล็กน้อยตามเวลาที่อัปเดตนะครับ) จะเห็นว่าแค่ตัวเลขจากแหล่งข้อมูลต่างกันนิดหน่อยก็มีผลแล้ว
เมื่อเทียบเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสกุลหลักในการซื้อขายทั่วโลก ราคาบิทคอยน์ก็วนเวียนอยู่ราวๆ แสนดอลลาร์นิดๆ ครับ อย่างข้อมูลล่าสุดที่เห็นคือประมาณ 103,779 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าแลกเป็นเงินบาทไทย ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันก็จะได้ราวๆ ตัวเลข 3.5 ล้านบาทนี่แหละครับ ตัวเลขพวกนี้มีการขยับอยู่ตลอดเวลาครับ บางช่วงอาจจะเห็นราคาวิ่งขึ้นวิ่งลงหลักหมื่นหลักแสนบาทในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ นี่แหละคือธรรมชาติของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency – สกุลเงินดิจิทัล) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนสูงปี๊ด

แล้วทำไมราคา 1 บิทคอยน์ถึงได้สูงขนาดนี้ล่ะ? ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 สมัยที่มันเพิ่งเกิดใหม่ๆ ราคานี่แทบไม่ถึง 100 บาทเลยด้วยซ้ำครับ บางช่วงเคยลงไปแตะแค่ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 70 กว่าบาท) เท่านั้นเอง แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มันได้เดินทางมาไกลมากๆ เคยสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไว้ที่กว่า 108,364 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 3.6 ล้านบาทไทย (อ้างอิงตามข้อมูลเมื่อปลายปี 2024) ก่อนที่จะย่อตัวลงมาบ้าง แล้วก็ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาอีกครั้งในช่วงหลังๆ
ปัจจัยที่ทำให้ราคาบิทคอยน์พุ่งกระฉูดขนาดนี้มีหลายอย่างรวมกันครับ หนึ่งในนั้นคือการที่ผู้คนเริ่มมองว่ามันคือ “ทองคำดิจิทัล” (Digital Gold) คือเป็นสินทรัพย์ที่น่าจะรักษามูลค่าได้ดีในระยะยาว เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ก็เพราะบิทคอยน์ถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัดมากๆ ครับ ทั้งโลกนี้จะมีบิทคอยน์ได้ไม่เกิน 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเงินบาทไทยหรือดอลลาร์สหรัฐฯ ที่รัฐบาลสามารถพิมพ์เพิ่มเท่าไหร่ก็ได้ การมีอุปทาน (Supply – ปริมาณเหรียญที่มีอยู่) ที่จำกัดนี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มันมีมูลค่าในระยะยาว เมื่อความต้องการ (Demand – ความต้องการซื้อ) มีมากขึ้น แต่ของมีจำกัด ราคาก็ย่อมสูงขึ้นเป็นธรรมดา
นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทใหม่ที่ทำงานบนเทคโนโลยีที่เรียกว่า บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเหมือนสมุดบัญชีดิจิทัลขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ไม่ได้มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่ไหนควบคุม ทำให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใส ปลอดภัย และไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างธนาคาร ระบบนี้ใช้กลไกที่เรียกว่า Proof-of-Work ในการตรวจสอบและบันทึกธุรกรรมโดยกลุ่มคนที่เรียกว่า “นักขุด” (Miners) ที่ต้องใช้พลังงานคอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันการทำรายการ ฟังดูซับซ้อนใช่ไหมครับ? เอาเป็นว่าหลักการคือมันทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยโดยไม่ต้องมีใครมาควบคุมจากส่วนกลางนั่นแหละครับ
ผู้คนใช้บิทคอยน์ทำอะไรบ้างนอกจากการเก็งกำไรให้รู้ว่า 1 btc เท่ากับกี่บาท? จริงๆ แล้วมันมีหลายบทบาทครับ บางคนใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange) หรือโอนเงินไปมาระหว่างประเทศ ซึ่งบางครั้งอาจมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าการโอนเงินผ่านธนาคารแบบดั้งเดิมด้วยซ้ำ บางคนก็ซื้อเก็บไว้เป็นสินทรัพย์เก็บรักษามูลค่า (Store of Value) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และแน่นอนว่าอีกกลุ่มใหญ่คือผู้ที่เข้ามาเพื่อการลงทุนและเก็งกำไรจากความผันผวนของราคา

มองในมุมของประเทศไทยเอง ตลาดบิทคอยน์ก็คึกคักไม่แพ้ที่อื่น การแปลง 1 บิทคอยน์เป็นเงินบาทไทย (BTC/THB) มีให้เห็นตลอดเวลา และอย่างที่บอกว่ามันผันผวนมากๆ หากดูจากข้อมูลในอดีต อัตราแลกเปลี่ยนนี้เคยแกว่งตัวอย่างมีนัยสำคัญ อย่างที่เคยมีช่วงเวลาที่ 1 บิทคอยน์อาจมีมูลค่าเพียงราวๆ 1.8 ล้านบาท (ประมาณช่วงเดือนกันยายน 2024) แต่ก็เคยพุ่งสูงไปถึง 3.6 ล้านบาทกว่าๆ (ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม 2025 ตามข้อมูลที่เห็น) ซึ่งตัวเลขพวกนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงช่วงของการเคลื่อนไหวที่กว้างมาก ไม่ใช่แค่การขยับรายวันเท่านั้น
ในแต่ละวัน มีปริมาณการซื้อขายบิทคอยน์มหาศาลทั่วโลกครับ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีปริมาณการซื้อขายในรอบ 24 ชั่วโมงสูงถึงกว่า 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ทะลุ 1 ล้านล้านบาทไปแล้ว ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพคล่องในตลาดที่สูงมาก ทำให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงการซื้อขายได้ค่อนข้างสะดวกครับ
สำหรับใครที่กำลังคิดว่า “เอ๊ะ แล้วฉันจะซื้อบิทคอยน์ได้ยังไงนะ ถ้าอยากรู้ว่า 1 btc เท่ากับกี่บาท แล้วลองซื้อดูบ้าง?” ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือการใช้บริการจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือครับ ในระดับโลกก็มีหลายแพลตฟอร์มที่เป็นที่รู้จัก เช่น ไบแนนซ์ (Binance), คอยน์เบส (Coinbase), คราเคน (Kraken) ส่วนในประเทศไทยเองก็มีผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐเช่นกันครับ ขั้นตอนก็มักจะเริ่มจากการเปิดบัญชี ยืนยันตัวตน และฝากเงินเข้าไปเพื่อใช้ในการซื้อขาย
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ก็เป็นอีกเครื่องมือที่นักลงทุนหลายคนใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งข้อมูลล่าสุดก็แสดงให้เห็นสัญญาณเชิงบวกในระยะสั้นถึงกลาง อย่างการให้เรตติ้งเป็น “ซื้อ” หรือ “มีแรงซื้อรุนแรง” ในกรอบเวลารายวันไปจนถึงรายเดือนครับ แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นเพียงมุมมองหนึ่งในการวิเคราะห์เท่านั้น ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าราคาจะเป็นไปตามนั้นเสมอไป
สรุปแล้ว คำถามที่ว่า 1 btc เท่ากับกี่บาท เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัวครับ มันคือตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สะท้อนถึงการทำงานของกลไกตลาดโลกที่มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งอุปสงค์ อุปทาน ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ข่าวสารต่างๆ รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีบล็อกเชนเองด้วย
สำหรับคนที่สนใจอยากจะลองเข้าสู่โลกของบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลนี้ ผมขอให้คำแนะนำง่ายๆ ในฐานะคอลัมนิสต์ที่อยากให้ทุกคนลงทุนอย่างมีความรู้ครับ
1. **ศึกษาให้เยอะๆ:** ก่อนจะตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะบิทคอยน์ซึ่งมีความผันผวนสูง ควรใช้เวลาศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ความเสี่ยง โอกาส และวิธีการซื้อขายที่ปลอดภัย
2. **เริ่มต้นจากน้อยๆ:** ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินก้อนใหญ่ในครั้งแรก ลองใช้เงินจำนวนน้อยที่คุณพร้อมจะ “เสียได้” ในกรณีที่ตลาดไม่เป็นใจ เพื่อเรียนรู้กลไกและทำความคุ้นเคยกับตลาด
3. **ใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้:** เลือกใช้บริการจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตและมีประวัติที่ดี เพื่อความปลอดภัยของเงินลงทุนของคุณ
4. **กระจายความเสี่ยง:** อย่าเพิ่งใส่เงินทั้งหมดที่มีไว้ในสินทรัพย์เดียว การกระจายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ก็เป็นหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่ดี
5. **จับตาดูความผันผวน:** เตรียมใจไว้เลยว่าราคาบิทคอยน์มีการขยับขึ้นลงที่น่าตกใจได้ตลอดเวลา อย่าเพิ่งตกใจหรือดีใจจนเกินไปเมื่อเห็นราคาผันผวนครับ
⚠️ สิ่งสำคัญที่สุดที่อยากจะเน้นย้ำคือ การลงทุนในบิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงมากครับ มูลค่าอาจเพิ่มขึ้นสูงลิ่ว หรือลดลงฮวบฮาบจนถึงขั้นสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ คุณควรลงทุนด้วยเงินที่คุณแน่ใจว่าหากต้องเสียไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินหรือการใช้ชีวิตประจำวันของคุณนะครับ การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับทุกคน และไม่ใช่เงินเก็บก้อนสุดท้ายหรือเงินที่ต้องการใช้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายคนที่สงสัยว่า “1 btc เท่ากับกี่บาท” และสนใจเรื่องบิทคอยน์ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีความสุขและรอบคอบครับ!