
โอเคครับ! ในฐานะนักเขียนคอลัมน์การเงินที่คลุกคลีกับเรื่องนี้มานาน ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของอีเธอร์เลียมในแบบที่เข้าใจง่าย เหมือนนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟเลยครับ
—
คุณสมชาย เพื่อนซี้ของผมที่ปกติสนใจแต่หุ้นปันผลกับกองทุนรวม วันก่อนอยู่ๆ ก็เดินมาตบไหล่ผมปุๆ พร้อมกับแววตาเป็นประกายแล้วถามว่า “เฮ้ย! แกๆ 1อีเธอร์เลียม กี่บาท วะตอนนี้?” ผมยิ้มกว้าง ตอบไปว่า “ใจเย็นๆ เพื่อน! ก่อนจะถามว่า 1อีเธอร์เลียม กี่บาท เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่ามันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมคนถึงได้ให้ความสนใจมันนัก”
เรื่องของคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอีเธอร์เลียม (Ethereum หรือชื่อย่อ ETH) เนี่ย มันเหมือนมีมนต์ขลังดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงคนไทยอย่างเราๆ ด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดเทรดหรือเซียนเก๋าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในตลาดมานับไม่ถ้วน ทุกคนต่างจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของเจ้าเหรียญนี้ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ “เงินดิจิทัล” ธรรมดาๆ แต่มันเป็นเหมือน “ระบบปฏิบัติการ” แห่งอนาคตของโลกการเงินเลยก็ว่าได้
### **อีเธอร์เลียมคืออะไร? ทำไมมันถึงสำคัญกว่าแค่ “ราคา”**
ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ นะครับ สมัยก่อนเรามีอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เราส่งอีเมล เล่นเว็บไซต์ได้ใช่มั้ยครับ แต่โลกของอีเธอร์เลียมเนี่ย มันก้าวไปไกลกว่านั้นเยอะ ลองจินตนาการว่าอีเธอร์เลียมคือ “อินเทอร์เน็ตของเงิน” หรือ “อินเทอร์เน็ตแห่งมูลค่า” ที่คุณสามารถสร้างสรรค์อะไรต่อมิอะไรบนนั้นได้มากมายมหาศาล โดยมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า “บล็อกเชน” (Blockchain) เป็นหัวใจสำคัญ
เจ้าบล็อกเชนของอีเธอร์เลียมนี่แหละครับ ที่ทำให้มันไม่เหมือนบิทคอยน์ (Bitcoin) ที่เน้นเป็น “ทองคำดิจิทัล” หรือแค่สกุลเงินดิจิทัลทั่วไป แต่อีเธอร์เลียมเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างให้ใครก็ได้มาสร้างสรรค์ “แอปพลิเคชันกระจายอำนาจ” (Decentralized Applications หรือ DApp) และ “สัญญาอัจฉริยะ” (Smart Contracts) ซึ่งก็คือโค้ดโปรแกรมที่จะทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ เมื่อเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ครบถ้วน โดยไม่ต้องมีคนกลางมาคอยกำกับดูแลเลยแม้แต่น้อย
คิดดูสิครับว่ามันเจ๋งแค่ไหน! จากที่นักโปรแกรมเมอร์หนุ่มไฟแรงนามว่า “วิทาลิก บูเตริน” (Vitalik Buterin) ได้เริ่มก่อตั้งมันขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน อีเธอร์เลียมก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นรากฐานสำคัญของโลกการเงินแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Finance หรือ DeFi) ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในตอนนี้
แล้ว 1อีเธอร์เลียม กี่บาท ล่ะ? คำตอบคือมันไม่เคยหยุดนิ่งเลยครับ!

### **สถานการณ์ตลาด 1อีเธอร์เลียม เป็นอย่างไรบ้าง?**
ราคาของ 1อีเธอร์เลียม เนี่ย ต้องบอกว่าเป็น “ของร้อน” ที่ผันผวนได้ตลอดเวลาครับ เหมือนลูกบอลที่เด้งขึ้นเด้งลงตามแรงซื้อแรงขายของนักลงทุนทั่วโลก และยังขึ้นอยู่กับข่าวสาร การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงนโยบายต่างๆ ด้วย
อย่างข้อมูลล่าสุดที่ผมเพิ่งเช็กมาเนี่ย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาของ 1อีเธอร์เลียม อาจจะย่อตัวลงมานิดหน่อย เมื่อเทียบกับเงินบาทไทย และเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เช่นกัน แต่! ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วง 30 วันที่ผ่านมา คุณสมชายคงต้องร้องว้าวครับ เพราะราคา 1อีเธอร์เลียม พุ่งทะยานขึ้นไปเกือบ 30% เมื่อเทียบกับเงินบาทไทยเลยทีเดียว! นี่แสดงให้เห็นถึงความผันผวนในระยะสั้น แต่มีแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางที่น่าสนใจมากๆ ครับ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ 1อีเธอร์เลียม ยังคงน่าจับตามองอย่างต่อเนื่อง คือการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่งครับ เมื่อปี 2565 อีเธอร์เลียมได้มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “เดอะเมิร์จ” (The Merge) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกลไกการทำงานจากการใช้พลังงานสูง มาเป็นการใช้พลังงานที่น้อยลงมหาศาล (กลไก “พิสูจน์การมีส่วนร่วม” หรือ Proof-of-Stake) แถมในปี 2566 ยังมีการอัปเกรด “เซี่ยงไฮ้” (Shanghai) และ “คาเปลลา” (Capella) ที่ทำให้ผู้ที่นำอีเธอร์ไปวางค้ำประกันไว้ สามารถถอนคืนได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าอีเธอร์เลียมมุ่งมั่นที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว
### **เมื่อ 1อีเธอร์เลียม มาเจอกับ “นโยบายการเงินไทย”**
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วนโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับเงินบาท มีผลต่อราคา 1อีเธอร์เลียม กี่บาท หรือการซื้อขายคริปโตฯ ในบ้านเรามากน้อยแค่ไหน?
ต้องบอกว่ารัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินบาท โดยเฉพาะการซื้อขายเงินบาทกับสกุลเงินต่างประเทศนอกประเทศไทย เพื่อจำกัดการเก็งกำไรในค่าเงินบาท สิ่งนี้อาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับการซื้อขาย 1อีเธอร์เลียม ในกระดานเทรดคริปโตฯ ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย แต่ก็อาจส่งผลทางอ้อมต่อนักลงทุนที่ต้องการแลกเปลี่ยนคริปโตฯ เป็นเงินบาท หรือในทางกลับกันผ่านช่องทางนอกประเทศไทย ซึ่งอาจทำให้สภาพคล่องและวิธีการเข้าถึงแพลตฟอร์มบางแห่งแตกต่างไปจากเดิม
สรุปง่ายๆ คือ รัฐบาลไทยไม่ได้มาสั่งตรงๆ ว่าห้ามซื้อขาย 1อีเธอร์เลียม หรือสกุลเงินดิจิทัลใดๆ แต่จะเน้นควบคุมการไหลเข้าออกของเงินบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งก็อาจมีผลกระทบข้างเคียงต่อตลาดคริปโตฯ บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นล็อกดาวน์ทั้งหมดอย่างที่เราเห็นแพลตฟอร์มซื้อขายที่ยังเปิดให้บริการตามปกติในบ้านเรา
### **ถอดรหัสตัวเลข: 1อีเธอร์เลียม มีค่าเท่าไรในตลาด?**
มาถึงเรื่องตัวเลขที่ทุกคนอยากรู้กันแล้วครับ! ณ ตอนที่ผมเขียนบทความนี้ (ซึ่งต้องย้ำว่าราคาคริปโตฯ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกวินาทีนะครับ!) ราคา 1อีเธอร์เลียม มีค่าประมาณ 81,000 – 82,000 บาทไทย โดยมีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) ของอีเธอร์เลียมทั่วโลกสูงถึงประมาณ 9.96 ล้านล้านบาทเลยทีเดียวครับ คิดเป็นปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาประมาณ 578.2 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องในตลาดที่สูงลิบลิ่ว

สำหรับนักลงทุนที่ชอบดูสถิติ อีเธอร์เลียมก็เคยสร้างสถิติราคาสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่ประมาณ 159,716.61 บาท (เทียบกับราคาดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดที่ $4,878.26) ส่วนราคาต่ำสุดตลอดกาลก็อยู่ที่ประมาณ $0.4329 (ซึ่งปัจจุบันคงเป็นราคาในฝันของใครหลายคน)
เวลาที่เราทำธุรกรรมบนเครือข่ายอีเธอร์เลียม ไม่ว่าจะเป็นการโอนเหรียญ หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ก็จะมี “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” หรือที่เรียกกันว่า “ค่าแก๊ส” (Gas Fee) ซึ่งคิดเป็นหน่วยที่เรียกว่า “กเวย” (Gwei) โดย 1 กเวย มีค่าเท่ากับ 0.000000001 อีเธอร์ ซึ่งเปรียบง่ายๆ ก็เหมือนค่าแท็กซี่ที่เราต้องจ่ายให้นักขุด หรือผู้ที่ดูแลเครือข่าย เพื่อให้การทำธุรกรรมของเราสำเร็จนั่นแหละครับ ถ้าช่วงไหนคนใช้เยอะ ค่าแก๊สก็แพงขึ้นตามกลไกตลาด เหมือนช่วงฝนตก รถติด ค่าแท็กซี่ก็แพงขึ้นนั่นเอง
### **บทสรุปสำหรับนักลงทุนมือใหม่ (และมือเก๋า)**
โลกของคริปโตฯ โดยเฉพาะ 1อีเธอร์เลียม เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น มีโอกาสเติบโตสูง และกำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการลงทุนทุกประเภท มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกันครับ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาที่อาจทำให้คุณยิ้มกว้างในเช้าวันหนึ่ง และต้องกุมขมับในอีกวันหนึ่งได้เลย
ดังนั้น หากคุณสนใจที่จะลงทุนใน 1อีเธอร์เลียม หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ผมขอฝากข้อคิดไว้เล็กน้อยครับ:
1. **ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน:** อย่าเพิ่งเชื่อกระแส หรือคำบอกเล่าจากใครคนใดคนหนึ่ง ควรศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และแนวโน้มของตลาด
2. **ลงทุนเท่าที่เสียได้:** 🚨 จำไว้ว่า “เงินเย็น” เท่านั้น! อย่าเอาเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเงินเก็บก้อนสุดท้ายมาลงทุนเด็ดขาด เพราะหากเกิดความผันผวนรุนแรงจนเงินทุนหายไป คุณอาจจะลำบากได้
3. **กระจายความเสี่ยง:** อย่าใส่เงินทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว การแบ่งเงินลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมได้ดีกว่า
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะสงสัยว่า 1อีเธอร์เลียม กี่บาท ในวันนี้ หรือ 1อีเธอร์เลียม กี่บาท ในวันพรุ่งนี้ สิ่งสำคัญคือความเข้าใจในตัวสินทรัพย์นั้นอย่างถ่องแท้ และการเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาด ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ!