คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

ไขความลับ ค่าธรรมเนียม Binance: เทรดคริปโตให้คุ้มค่า ไม่เสียเปรียบ!

**ค่าธรรมเนียม Binance: เจาะลึกค่าใช้จ่ายในโลกคริปโทฯ ที่นักลงทุนควรรู้**

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่กลับมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องของราคาบิตคอยน์ที่พุ่งพรวดหรือเหรียญน้องใหม่ที่ทำกำไรมหาศาล นั่นก็คือ “ค่าธรรมเนียม” ครับ ลองนึกภาพตามนะครับ เวลาเราไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือจะโอนเงินผ่านแอปธนาคาร เราก็มักจะเจอค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ แอบแฝงอยู่เสมอใช่ไหมครับ? ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่เรียกกันติดปากว่า “คริปโทฯ” ก็เช่นกันครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ใช้งานแพลตฟอร์มซื้อขายขนาดใหญ่อย่าง Binance (ไบแนนซ์) แล้วล่ะก็ การเข้าใจโครงสร้าง ค่าธรรมเนียม Binance อย่างถ่องแท้ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะครับ เพราะมันคือ “ต้นทุน” ที่จะกัดกินกำไรของคุณได้ทุกเมื่อ หากคุณไม่รู้เท่าทัน!

วันนี้เราจะมาแกะรหัสลับของเรื่องค่าธรรมเนียมกันแบบไม่ให้มีอะไรซับซ้อน เหมือนคุยกับเพื่อนสนิท รับรองว่าเข้าใจง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐานการเงินก็หายห่วงครับ

**เมื่อ Binance TH มาอยู่ใกล้แค่เอื้อม: ค่าธรรมเนียมที่เราต้องเจอ**

สำหรับนักลงทุนในประเทศไทยที่ใช้บริการของ Binance TH (ไบแนนซ์ ทีเอช) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องในบ้านเรา เรื่องของ ค่าธรรมเนียม Binance ถือเป็นหัวใจสำคัญที่คุณต้องรู้เลยล่ะครับ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อเงินในกระเป๋าเราทุกการเคลื่อนไหว ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง:

* **ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Trading Fees):** นี่คือค่าธรรมเนียมหลักที่คุณจะเจอเวลาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลครับ
* **คู่เงินบาท (THB) กับสินทรัพย์ดิจิทัล:** ถ้าคุณซื้อขายโดยใช้เงินบาทไทยเป็นหลัก เช่น ซื้อบิตคอยน์ (Bitcoin) ด้วยเงินบาท หรือขายอีเธอเรียม (Ethereum) เป็นเงินบาท คุณจะเสีย ค่าธรรมเนียม Binance ในอัตรา 0.25% ของมูลค่าธุรกรรมนั้นๆ ครับ (ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้วนะ) ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณซื้อบิตคอยน์มูลค่า 10,000 บาท คุณก็จะเสียค่าธรรมเนียม 25 บาท นั่นเองครับ
* **คู่สินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกัน:** แต่ถ้าคุณซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกันเอง เช่น แลกอีเธอเรียมเป็นยูเอสดีที (USDT) อัตรา ค่าธรรมเนียม Binance จะถูกลงมาหน่อยครับ อยู่ที่ 0.1% ของมูลค่าธุรกรรม (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นกัน) สำหรับลูกค้าทั่วไป ซึ่งถือว่าแข่งขันได้สบายๆ ในตลาดเลยทีเดียว
* **เก็บค่าธรรมเนียมอย่างไร?** ตรงนี้เป็นจุดเล็กๆ ที่น่าสนใจครับ ค่าธรรมเนียมจะถูกหักจาก “สินทรัพย์ที่คุณได้รับ” จากการซื้อขายนั้นๆ ครับ เช่น คุณซื้ออีเธอเรียมด้วยยูเอสดีที ค่าธรรมเนียมก็จะถูกหักเป็นอีเธอเรียมครับ ดูเหมือนไม่เยอะ แต่ถ้าเทรดบ่อยๆ ก็เป็นเงินได้นะครับ

* **ค่าธรรมเนียมการฝากและถอนเงินบาท:**
* **ฝากเงินบาท:** ข่าวดีคือ การฝากเงินบาทเข้า Binance TH นั้น “ฟรี” ครับ ไม่มี ค่าธรรมเนียม Binance ตรงนี้เลย! แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องระวังค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้นจากธนาคารต้นทางของคุณเองนะครับ เช่น ถ้าคุณใช้บริการ “บาทเน็ต” (Batch N.E.T.) ของธนาคาร ก็อาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารเองครับ
* **ถอนเงินบาท:** สำหรับการถอนเงินบาทกลับเข้าบัญชีธนาคารของคุณ จะมี ค่าธรรมเนียม Binance อยู่ที่ 20 บาท (สำหรับยอดถอน 100 – 4,000,000 บาท) และ 100 บาท (สำหรับยอดถอนมากกว่า 4,000,000 บาท) ครับ ราคานี้ก็รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเช่นกันครับ ถือว่าสมเหตุสมผลและชัดเจนครับ

* **ค่าธรรมเนียมการฝากและถอนสินทรัพย์ดิจิทัล:**
* **ฝากสินทรัพย์ดิจิทัล:** เหมือนกับการฝากเงินบาทเลยครับ การฝากคริปโทฯ เข้ามาใน Binance TH นั้น “ฟรี” ครับ!
* **ถอนสินทรัพย์ดิจิทัล:** อันนี้จะมีความซับซ้อนเล็กน้อยครับ เพราะ ค่าธรรมเนียม Binance สำหรับการถอนสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น “ไม่แน่นอน” ครับ มันจะขึ้นอยู่กับ “สถานะของเครือข่าย” ณ ขณะนั้นๆ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความหนาแน่นของธุรกรรมในบล็อกเชน (Blockchain) คุณจะต้องตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมล่าสุดก่อนทำรายการทุกครั้งนะครับ

* **โปรแกรม VIP: สิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนตัวจริง:**
ในอนาคต Binance TH ก็อาจจะมีโปรแกรมวีไอพี (VIP Program) สำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะได้รับอัตรา ค่าธรรมเนียม Binance การซื้อขายที่พิเศษกว่าลูกค้าทั่วไปครับ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนรายใหญ่ หรือตั้งใจจะเทรดอย่างจริงจัง ก็เตรียมตัวติดตามข่าวสารกันได้เลยครับ เพราะสิทธิประโยชน์ตรงนี้ จะช่วยลดต้นทุนในการเทรดของคุณได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว

**ก้าวสู่ระดับโลก: เจาะลึกโปรแกรม VIP ของ Binance ทั่วโลก**

ทีนี้ มาดูภาพที่ใหญ่ขึ้นกันบ้างครับ ในแพลตฟอร์ม Binance ระดับโลกนั้น มีโปรแกรม VIP ที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม เพื่อเอาใจนักลงทุนมืออาชีพโดยเฉพาะเลยครับ คุณอาจจะสงสัยว่า “แล้วฉันจะกลายเป็น VIP ได้ยังไง?” คำตอบง่ายๆ คือ เขาดูจาก 2 อย่างหลักๆ ครับ

1. **ปริมาณการซื้อขายสะสมใน 30 วัน (หน่วยดอลลาร์สหรัฐฯ):** ยิ่งคุณเทรดเยอะเท่าไหร่ ระดับ VIP ของคุณก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นครับ ตั้งแต่ระดับผู้ใช้งานทั่วไป (Regular User) ไปจนถึง VIP 9 ซึ่งแต่ละระดับจะมีเกณฑ์ปริมาณการซื้อขายที่ต้องทำได้ใน 30 วัน เช่น หลักแสน หลักล้าน หรือแม้กระทั่งหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว
2. **ยอดคงเหลือของ BNB (บีเอ็นบี):** เหรียญ BNB คือเหรียญประจำแพลตฟอร์ม Binance ครับ ยิ่งคุณถือ BNB ไว้เยอะเท่าไหร่ โอกาสที่จะขยับขึ้นเป็น VIP ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นครับ

และแน่นอนครับว่า ยิ่งระดับ VIP สูงขึ้นเท่าไหร่ อัตรา ค่าธรรมเนียม Binance ของคุณก็จะยิ่งถูกลงเท่านั้น! ที่สำคัญคือ คุณยังจะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 25% ทันที เมื่อคุณเลือกที่จะชำระ ค่าธรรมเนียม Binance ด้วยเหรียญ BNB ครับ นี่คือเหตุผลว่าทำไมนักเทรดจำนวนมากถึงเลือกที่จะถือ BNB ไว้ในพอร์ตของพวกเขา

แล้วคุณอาจจะถามว่า “แล้วอะไรคือ Maker (เมกเกอร์) และ Taker (เทกเกอร์) ล่ะ มันต่างกันยังไง?” ง่ายๆ ครับ:
* **Maker (เมกเกอร์):** คือ “ผู้สร้างสภาพคล่อง” ครับ คือคนที่ตั้งคำสั่งซื้อขายแบบลิมิต ออร์เดอร์ (Limit Order) หรือคำสั่งซื้อขายที่รอราคาที่คุณตั้งไว้ เช่น คุณอยากซื้อบิตคอยน์ที่ราคา 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ พอดี คำสั่งของคุณก็ไปรออยู่ในระบบ ไม่ได้จับคู่ทันที คนกลุ่มนี้ถือว่า “สร้าง” สภาพคล่องให้กับตลาดครับ
* **Taker (เทกเกอร์):** คือ “ผู้รับสภาพคล่อง” ครับ คือคนที่ตั้งคำสั่งซื้อขายแบบมาร์เก็ต ออร์เดอร์ (Market Order) หรือคำสั่งซื้อขายที่ต้องการให้จับคู่ทันทีในราคาตลาด ณ ขณะนั้น เหมือนคุณอยากซื้อของเดี๋ยวนี้เลย ไม่รอแล้ว คนกลุ่มนี้ถือว่า “รับ” สภาพคล่องที่มีอยู่ในตลาดไปครับ

โดยปกติแล้ว อัตรา ค่าธรรมเนียม Binance สำหรับ Maker จะถูกกว่า Taker เล็กน้อยครับ เพราะพวกเขาช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดนั่นเอง

**ประเด็นร้อนในวงการ: ข้อกล่าวหาเรื่องค่าธรรมเนียมการลิสต์เหรียญ**

เรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายว่าสำคัญแล้ว เรื่องค่าธรรมเนียมการ “ลิสต์เหรียญ” หรือการนำเหรียญคริปโทฯ ใหม่ๆ เข้ามาซื้อขายในกระดานเทรดนี่สิครับ ที่เป็นประเด็นร้อนแรงและเป็นข่าวใหญ่ในวงการอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว หลายคนคงเคยได้ยินข่าวลือว่า “ถ้าอยากให้เหรียญตัวเองไปอยู่บนแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ต้องจ่ายเงินมหาศาลเลยนะ!” มันเป็นเรื่องจริงแค่ไหนกันนะ?

ต้นตอของประเด็นนี้เริ่มมาจากคุณไซมอน เดย์ดิก (Simon Dedic) ซีอีโอจากบริษัทลงทุน Moonrock Capital (มูนร็อก แคปิตอล) ที่เคยออกมากล่าวหา Binance ว่าเรียกเก็บเงินสูงถึง 15% ของจำนวนเหรียญทั้งหมดของโปรเจกต์ เพื่อแลกกับการลิสต์เหรียญ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 50-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียวครับ เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการไม่น้อย

คุณไมเคิล แวน เดอ ป็อป (Michael van de Poppe) นักวิเคราะห์ชื่อดัง ก็ออกมาตอกย้ำว่าเคยได้ยินข่าวลือลักษณะคล้ายกันนี้มาเหมือนกัน และยังคาดการณ์ว่านี่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ศูนย์ซื้อขายแบบกระจายศูนย์ (DEX – Decentralized Exchange) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต เพราะมันไม่ต้องพึ่งพาคนกลางและค่าธรรมเนียมการลิสต์เหล่านี้

แต่แล้ว เรื่องก็กลับตาลปัตรครับ เมื่อ ไบรอัน อาร์มสตรอง (Brian Armstrong) ซีอีโอของ Coinbase (คอยน์เบส) ซึ่งเป็นกระดานเทรดคู่แข่งสำคัญ ก็ออกมาเคลมว่าการลิสต์เหรียญบน Coinbase นั้น “ฟรี” พร้อมเชิญชวนโปรเจกต์ต่างๆ ให้ส่งรายละเอียดเข้ามาพิจารณา และยังเน้นย้ำถึง DEX ว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกด้วย

ดูเหมือนเรื่องจะจบลงที่ Coinbase เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่แล้วก็มีเสียงโต้กลับจากผู้ก่อตั้งโปรเจกต์ใหญ่ๆ ครับ! คุณอันเดร ครอนเย (Andre Cronje) ผู้ก่อตั้ง Fantom Network (แฟนทอม เน็ตเวิร์ก) ออกมาสวนกลับทันควันว่า Binance ไม่เคยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการลิสต์เลยแม้แต่บาทเดียว แต่กลับเป็น Coinbase ต่างหากที่เคยเรียกเงินจำนวนมหาศาลในการลิสต์เหรียญของเขา (ตัวเลขที่เขากล่าวถึงคือ 30 ล้าน – 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

ต่อมา คุณจัสติน ซัน (Justin Sun) ผู้ก่อตั้ง Tron (ทรอน) ก็ออกมาช่วยยืนยันอีกเสียงครับว่า Binance ไม่ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียม แต่ Coinbase เคยเรียกร้องเหรียญ TRX (ทีอาร์เอ็กซ์) มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบิตคอยน์อีก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินมัดจำในการลิสต์เหรียญของพวกเขา! ฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียวครับ

ท้ายที่สุด ทาง Binance ก็ออกมาชี้แจงครับ คุณอี้ เหอ (Yi He) ผู้ร่วมก่อตั้ง Binance ได้ย้ำชัดว่า บริษัทมีกระบวนการคัดกรองโครงการที่เข้มงวดมากๆ หากโครงการไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ไม่ว่าจะเสนอเงินเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางได้รับการลิสต์เด็ดขาด และคุณฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) หรือ ซีแซด (CZ) อดีตซีอีโอของ Binance ก็ได้ออกมาขอบคุณคุณจัสติน ซัน ที่ช่วยยืนยันข้อเท็จจริง และยังเสนอแนะให้วงการคริปโทฯ ลดการโจมตีกันเอง แล้วหันไปมุ่งเน้นที่การพัฒนาโครงการให้ดีขึ้นจะดีกว่า พร้อมย้ำประโยคเด็ดว่า “บิตคอยน์ไม่เคยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการลิสต์เลยแม้แต่บาทเดียว!” ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่สะท้อนถึงคุณค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ดิจิทัลครับ

เรื่องราวนี้ทำให้เราเห็นว่า โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีหรือราคาเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นทางธุรกิจและการแข่งขันที่ดุเดือดไม่แพ้ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมเลยครับ

**สรุปและข้อคิด: จัดการค่าธรรมเนียม Binance อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด?**

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเรื่องของ ค่าธรรมเนียม Binance ที่เราได้เจาะลึกกันไปในวันนี้ จะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่ตัวเลขเล็กๆ น้อยๆ แต่มันคือ “ต้นทุน” ที่อาจส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนของคุณได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ซื้อขายบ่อยๆ หรือมีปริมาณการซื้อขายสูง

**คำแนะนำสำหรับนักลงทุน:**

1. **ศึกษาโครงสร้างค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด:** ก่อนจะเริ่มซื้อขายบนแพลตฟอร์มใดๆ ก็ตาม ไม่ใช่แค่ Binance คุณควรอ่านและทำความเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมให้ถ่องแท้ก่อนเสมอครับ
2. **พิจารณาพฤติกรรมการเทรดของตัวเอง:** ถ้าคุณเป็นนักเทรดระยะสั้นที่ซื้อขายบ่อยๆ อัตราค่าธรรมเนียมย่อมส่งผลมากกว่านักลงทุนระยะยาวที่ซื้อแล้วถือไว้นานๆ ครับ
3. **ใช้ประโยชน์จากส่วนลดและโปรแกรม VIP:** หากคุณมีปริมาณการซื้อขายสูง หรือวางแผนจะเทรดอย่างจริงจัง การทำความเข้าใจโปรแกรม VIP และการใช้เหรียญ BNB ในการชำระค่าธรรมเนียม จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้มากเลยทีเดียว
4. **ทำความเข้าใจ Maker และ Taker:** การรู้ว่าคำสั่งซื้อขายของคุณเป็นแบบ Maker หรือ Taker จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดเพื่อลด ค่าธรรมเนียม Binance ได้ครับ
5. **ติดตามข่าวสารและพัฒนาการของวงการ:** โลกของคริปโทฯ เปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ การอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอจะช่วยให้คุณปรับตัวได้ทัน และเข้าใจภาพรวมของอุตสาหกรรมได้ดีขึ้น

⚠️ **ข้อควรระวังสำคัญ:** จำไว้เสมอว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงมากครับ แม้ว่าวันนี้เราจะพูดถึงการจัดการต้นทุนอย่าง ค่าธรรมเนียม Binance เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “เงินที่คุณลงทุนไปนั้น ไม่ควรเป็นเงินที่คุณขาดไม่ได้” ครับ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ประเมินความเสี่ยงที่รับได้ และเริ่มต้นจากจำนวนเงินที่คุณยอมรับการสูญเสียได้หากเกิดกรณีเลวร้ายที่สุด

การเข้าใจเรื่อง ค่าธรรมเนียม Binance ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นการติดอาวุธให้คุณพร้อมรับมือกับโลกการลงทุนคริปโทฯ ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นใจและชาญฉลาดมากขึ้นนะครับ! แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ

LEAVE A RESPONSE