เจาะลึก บริษัท ARB: รู้จักธุรกิจอุปกรณ์แต่งรถออฟโรดที่คุณอาจยังไม่รู้!

เคยไหมครับ? เวลาที่เราขับรถคู่ใจ โดยเฉพาะสายลุย สายออฟโร้ด แล้วเห็นรถคันอื่นติดตั้งอุปกรณ์เสริมเจ๋งๆ ไม่ว่าจะเป็นกันชน แร็คหลังคา หรือพวกอุปกรณ์กู้ภัย เรามักจะสงสัยว่าอุปกรณ์พวกนี้มาจากไหน บริษัทไหนเป็นคนทำ ใครนำเข้ามา หรือถ้าผลิตในไทย เขามีตัวตนจริงๆ หรือเปล่า
วันนี้ในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินที่ชอบมองเรื่องธุรกิจใกล้ตัว ผมอยากชวนเพื่อนๆ มา “ส่อง” ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจอุปกรณ์เสริมยานยนต์กลุ่มนี้ในประเทศไทยกันครับ โดยเฉพาะชื่อที่อาจจะคุ้นหูอย่าง บริษัท arb หรือที่ใกล้เคียงกัน ในมุมมองจากข้อมูลสาธารณะที่เราพอจะหาได้ เหมือนเป็นการไปดู “บัตรประชาชน” ของบริษัทพวกนี้แหละครับ
ข้อมูลที่เราจะดูกันวันนี้ มาจากแหล่งข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจที่เป็นทางการของไทย นั่นก็คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนบริษัทต่างๆ ทั่วประเทศครับ
ลองมาดูกันทีละบริษัทที่ปรากฏชื่อในข้อมูลที่เรามีนะครับ
บริษัทแรกที่เราเจอคือ บริษัท ออฟโร้ด แอคเซสซอรี่ส์ จำกัด เขาจดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 โน่นแน่ะครับ ซึ่งก็ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว ถือเป็นบริษัทที่มีอายุพอสมควร สถานะปัจจุบันคือ “ยังดำเนินกิจการอยู่” ครับ ทุนจดทะเบียนนี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ สูงถึง 460,000,000 บาท (สี่ร้อยหกสิบล้านบาท) ที่ตั้งของบริษัทอยู่ที่ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นที่ตั้งที่มักจะเชื่อมโยงกับโรงงานอุตสาหกรรม การที่บริษัทนี้ทุนหนาและอยู่ในโซนอุตสาหกรรม พร้อมกับหมวดธุรกิจที่แจ้งไว้คือ “การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆสำหรับยานยนต์” ก็พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่า นี่อาจจะเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์นั่นเองครับ
ขยับมาดูอีกบริษัทที่ชื่อคล้ายๆ กัน แต่มีคำว่า “(ประเทศไทย)” ต่อท้าย นั่นคือ บริษัท เออาร์บี แอคเซสโซรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทนี้จดทะเบียนก่อนบริษัทแรกอีกครับ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2543 ก็กว่า 24 ปีที่แล้วครับ สถานะปัจจุบันก็ยัง “ดำเนินกิจการอยู่” เช่นกัน แต่ที่น่าสังเกตคือ ทุนจดทะเบียนของบริษัทนี้อยู่ที่ 4,000,000 บาท (สี่ล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่าบริษัทแรกค่อนข้างมากครับ

ที่ตั้งบริษัทนี้อยู่ที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ในโซนปริมณฑลกรุงเทพฯ หมวดธุรกิจที่แจ้งไว้คือ “การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับยานยนต์” ครับ จะเห็นว่าแม้จะชื่อคล้ายๆ กัน แต่ดูเหมือนบริษัทนี้จะเน้นไปที่การผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้ารถยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากบริษัทแรกที่เน้นชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ทั่วไป
ทีนี้ มีอีกบริษัทที่ชื่อใกล้เคียงกันมาก และมีคำว่า บริษัท arb อยู่ในชื่อตรงๆ เลยครับ นั่นคือ บริษัท เออาร์บี ออฟโร้ด จำกัด บริษัทนี้จดทะเบียนค่อนข้างช้ากว่าสองบริษัทแรก คือเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 และที่สำคัญคือ สถานะปัจจุบันของบริษัทนี้คือ “เสร็จการชำระบัญชี” แล้วครับ แปลว่าบริษัทได้เลิกกิจการและดำเนินการปิดบัญชีต่างๆ ตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว โดยมีวันที่เลิกกิจการเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 และเสร็จสิ้นการชำระบัญชีเมื่อ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ครับ ทุนจดทะเบียนปัจจุบัน (ซึ่งก็คือทุนตอนเลิกกิจการ) อยู่ที่ 8,562,500 บาท (แปดล้านห้าแสนหกหมื่นสองพันห้าร้อยบาท) ที่ตั้งบริษัทตอนที่ยังดำเนินงานอยู่คือ ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในโซนใกล้เคียงกับบริษัท ออฟโร้ด แอคเซสซอรี่ส์ จำกัด ที่กล่าวไปข้างต้น หมวดธุรกิจที่แจ้งไว้คือ “การขายส่งชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมใหม่ของยานยนต์” และวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้คือ “ค้าส่งชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์สำหรับยานพาหนะ” จะเห็นว่าบริษัทนี้เน้นไปที่ธุรกิจ “ขายส่ง” ครับ ไม่ใช่การผลิตโดยตรง
จากข้อมูลการจดทะเบียนทั้งสามบริษัทนี้ เราพอจะเห็นภาพรวมๆ ได้ว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอุปกรณ์เสริมยานยนต์ ทั้งในส่วนของการผลิตชิ้นส่วน การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า และการขายส่ง ซึ่งอาจจะทำงานเชื่อมโยงกัน หรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจเดียวกัน หรืออาจจะเคยเป็นส่วนหนึ่งแล้วมีการปรับโครงสร้างไปแล้วก็ได้ครับ การที่มีหนึ่งบริษัทคือ บริษัท เออาร์บี ออฟโร้ด จำกัด เสร็จการชำระบัญชีไปแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจครับ บริษัทมีการก่อตั้ง ดำเนินงาน และอาจมีการเลิกกิจการเมื่อถึงจุดหนึ่ง ซึ่งอาจมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแผนธุรกิจ การควบรวม การโอนย้าย หรือเหตุผลอื่นๆ
ทีนี้ครับ เพื่อนๆ อาจจะถามว่า แล้วข้อมูลการจดทะเบียนเหล่านี้มันบอกอะไรเราได้บ้าง?
มันเหมือนกับการที่เราไปดูบัตรประชาชนของคนๆ หนึ่งน่ะครับ มันบอกชื่อ นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ปัจจุบัน และอาชีพตามที่แจ้งไว้ ใช่ครับ ข้อมูลพวกนี้มีความสำคัญในแง่ของการมีตัวตนตามกฎหมาย ขนาดทุนจดทะเบียนก็พอจะบอกถึงความตั้งใจเริ่มต้น หรือขนาดของการลงทุนในภาพแรกได้ ที่ตั้งบอกได้ว่าธุรกิจนั้นๆ อยู่ที่ไหน ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับลักษณะธุรกิจ เช่น ถ้าเป็นโรงงานก็มักจะอยู่นิคมอุตสาหกรรม ถ้าเป็นสำนักงานอาจจะอยู่ในเมือง หมวดธุรกิจบอกว่าเขาทำมาค้าขายอะไร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครับ ข้อมูลการจดทะเบียนนี้ “ไม่ได้” บอกเรื่องสำคัญๆ อีกหลายอย่างเลย เช่น
* สถานะทางการเงินปัจจุบัน: บริษัทมีรายได้เท่าไหร่ กำไรขาดทุนเป็นอย่างไร มีหนี้สินมากน้อยแค่ไหน มีเงินสดในมือเท่าไหร่ ข้อมูลพวกนี้จะอยู่ในงบการเงิน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะทั้งหมด (ยกเว้นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์) ข้อมูลการจดทะเบียนบอกแค่ทุนตั้งต้น ไม่ได้บอกมูลค่าบริษัทที่แท้จริง หรือผลประกอบการเลย
* แนวโน้มตลาด: ธุรกิจอุปกรณ์เสริมยานยนต์ภาพรวมเป็นอย่างไร ตลาดกำลังโตหรือหดตัว มีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน บริษัทเหล่านี้มีส่วนแบ่งตลาดเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในเอกสารจดทะเบียนครับ ต้องไปหาจากแหล่งข้อมูลการวิเคราะห์ตลาด หรือรายงานอุตสาหกรรมเฉพาะ
* นโยบายการเงินของบริษัท: บริษัทมีการบริหารจัดการเงินอย่างไร มีแผนการลงทุนในอนาคตแบบไหน อันนี้เป็นเรื่องภายในของบริษัทล้วนๆ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ สมมติว่าเพื่อนเราชื่อคุณแดง บัตรประชาชนบอกว่าคุณแดงเป็นวิศวกร อายุ 35 ปี อยู่กรุงเทพฯ นี่คือข้อมูลพื้นฐาน แต่ไม่ได้บอกว่าคุณแดงเงินเดือนเท่าไหร่ มีเงินเก็บไหม มีหนี้บัตรเครดิตหรือเปล่า ทำงานเก่งแค่ไหน หรือกำลังจะย้ายไปทำงานที่อื่นหรือเปล่า จริงไหมครับ?

ดังนั้น ข้อมูลการจดทะเบียนที่เราส่องดู บริษัท arb และบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องวันนี้ เป็นแค่ “ก้าวแรก” ในการทำความรู้จักบริษัทเหล่านั้นครับ มีประโยชน์ในการยืนยันตัวตน การมีอยู่ตามกฎหมาย และขนาดการลงทุนเริ่มต้น แต่ถ้าจะประเมินว่าบริษัทแข็งแกร่งแค่ไหน น่าร่วมงานด้วยไหม หรือมีอนาคตอย่างไร ต้องดูข้อมูลอื่นประกอบอีกมากมายครับ เช่น ผลประกอบการในอดีต (ถ้าหาได้), ข่าวสารของบริษัท, ความน่าเชื่อถือของแบรนด์, หรือแม้กระทั่งการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม
สำหรับใครที่สนใจเรื่องธุรกิจ การดูข้อมูลพื้นฐานแบบนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ อย่างน้อยก็ช่วยให้เรารู้ว่าบริษัทมีตัวตนจริงไหม จดทะเบียนทำอะไร และมีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ แต่จำไว้เสมอนะครับว่านี่เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของภาพทั้งหมดเท่านั้น
⚠️ ข้อควรระวัง: การพิจารณาข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อการประเมินสถานะทางการเงิน ความมั่นคง หรือโอกาสทางธุรกิจของบริษัทนั้นๆ ครับ ควรหาข้อมูลอื่นๆ มาประกอบการตัดสินใจเสมอ หากมีแผนจะลงทุน ทำธุรกิจ หรือร่วมงานด้วย ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านที่สุดครับ
หวังว่าเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากการส่องข้อมูลบริษัทแบบบ้านๆ วันนี้ จะพอเป็นประโยชน์และทำให้การมองเรื่องธุรกิจการเงินใกล้ตัวเป็นเรื่องสนุกขึ้นนะครับ แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ต่อไปครับ!