
เพื่อนผมคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มสนใจเรื่องการลงทุน ถามผมแบบติดตลกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “พี่ๆ Dogecoin เนี่ย มันยังเป็นเหรียญหมาที่เอาไว้เล่นตลกอยู่ไหม หรือมันกลายเป็นของจริงไปแล้ว?” คำถามนี้ฟังดูเรียบง่ายนะครับ แต่เอาจริงๆ มันซ่อนความซับซ้อนของโลกคริปโตที่ชื่อ โดชคอยน์ (DOGE) ไว้เพียบเลย
ถ้าใครเคยท่องโลกอินเทอร์เน็ตช่วงประมาณปี 2013 คงจะคุ้นๆ กับมีม (Meme) รูปเจ้าหมาพันธุ์ชิบะอินุ (Shiba Inu) ที่ทำหน้ากวนๆ แล้วมีคำพูดภาษาสั่นๆ อยู่รอบๆ ใช่ไหมครับ นั่นแหละคือแรงบันดาลใจแรกเริ่มของ Dogecoin บิลลี่ มาร์คัส (Billy Markus) และ แจ็คสัน พาล์มเมอร์ (Jackson Palmer) คือสองวิศวกรซอฟต์แวร์ที่สร้างเหรียญนี้ขึ้นมาในช่วงปลายปี 2013 ด้วยความตั้งใจที่จะให้มันเป็นสกุลเงินดิจิทัล (Digital Currency) ที่เข้าถึงง่าย เบาๆ ไม่จริงจังเท่าบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่ตอนนั้นเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขา Fork (แตกหน่อ) มาจาก Lucky Coin ซึ่ง Lucky Coin ก็ Fork มาจาก Litecoin (ไลท์คอยน์) อีกที ทำให้ Dogecoin ใช้กลไก Proof-of-Work (PoW) หรือการที่คอมพิวเตอร์ทั่วโลกต้องแข่งกันประมวลผลเพื่อยืนยันธุรกรรมและสร้างเหรียญใหม่ๆ คล้ายๆ กับบิตคอยน์ แต่สิ่งที่ต่างออกไปอย่างชัดเจนคืออัลกอริทึม (Algorithm) ที่ใช้ในการขุด (Mining) ครับ Dogecoin ใช้อัลกอริทึม Scrypt แทนที่จะเป็น SHA-256 แบบบิตคอยน์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะทำให้การขุดใช้พลังงานน้อยกว่าและเข้าถึงได้ง่ายกว่าในยุคแรกๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ ราคาdogecoin กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางและมีความผันผวนสูงลิ่ว ก็คือธรรมชาติของตัวเหรียญเองและปัจจัยภายนอกหลายๆ อย่างที่เข้ามาผสมโรงครับ อย่างแรกเลยคือเรื่องของ “อุปทาน” หรือจำนวนเหรียญ Dogecoin นั้นไม่มีขีดจำกัดสูงสุดครับ ต่างจากบิตคอยน์ที่มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ Dogecoin ถูกออกแบบมาให้มีการสร้างเหรียญใหม่ 10,000 DOGE ต่อบล็อก (Block) ตลอดเวลา ซึ่งเท่ากับว่าในแต่ละปีจะมี Dogecoin ใหม่เข้าสู่ระบบประมาณ 5.2 พันล้านเหรียญ ทำให้มันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีภาวะ “เงินเฟ้อ” (Inflationary) คือปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อต่อปีจะลดลงเมื่อเทียบกับฐานจำนวนเหรียญทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นก็ตาม
การที่อุปทานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นักวิเคราะห์มักจะนำมาถกเถียงเรื่อง ราคาdogecoin ว่าในระยะยาวแล้วมันจะไปทางไหน เพราะถ้าเทียบกับเหรียญที่มีอุปทานจำกัด ความหายากอาจเป็นตัวผลักดันราคาได้มากกว่า แต่สำหรับ Dogecoin ความนิยมและกรณีการใช้งานกลับกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักๆ ในช่วงที่ผ่านมาครับ

พูดถึงกรณีการใช้งาน Dogecoin ตอนแรกๆ ที่ดังสุดๆ คือการใช้เป็นระบบ “ให้ทิป” บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Reddit หรือแม้แต่ Twitter (หรือ X ในปัจจุบัน) ผู้คนใช้ Dogecoin ส่งให้กันง่ายๆ เป็นเหมือนการให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ กับคอนเทนต์ที่ชอบ ทำให้ Dogecoin มีชุมชนผู้ใช้งานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและมีความเป็นมิตรสูง นอกจากนี้มันก็ถูกใช้เป็นช่องทางในการชำระเงินดิจิทัลบ้างในบางร้านค้าออนไลน์ ถึงแม้จะยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้งานที่ใหญ่ที่สุด และทำให้ ราคาdogecoin พุ่งขึ้นมาอย่างมหาศาลในช่วงหนึ่ง คือ “การเก็งกำไร”
ในช่วงปี 2021 โลกคริปโตเข้าสู่ช่วงกระทิงดุ ราคาเหรียญต่างๆ พุ่งทะยาน และ Dogecoin ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สิ่งที่พิเศษสุดๆ สำหรับ Dogecoin ก็คืออิทธิพลของบุคคลสาธารณะอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ X (ในตอนนั้นคือ Twitter) เพียงแค่การทวีต (Tweet) หรือพูดถึง Dogecoin ของเขาเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำให้ ราคาdogecoin ดีดตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง บางครั้งขึ้นไปหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเหรียญอื่นในระดับนี้เลย ทำให้หลายคนมองว่า ราคาdogecoin ถูกขับเคลื่อนด้วยกระแส (Hype) มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Fundamentals) ที่แข็งแกร่ง และนั่นก็นำมาซึ่งความผันผวนระดับสุดยอด ใครที่เข้าซื้อขาย Dogecoin ต้องเตรียมรับมือกับกราฟราคาที่ขึ้นลงเหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกาครับ
ย้อนกลับไปดูสถิติ ราคาdogecoin ในอดีต ข้อมูลจากหลายแหล่งบอกว่า ราคาสูงสุดตลอดกาล (ATH – All-Time High) ของ Dogecoin เคยพุ่งขึ้นไปเกือบถึง 0.75 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 20 กว่าบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2021 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของความบ้าคลั่งในตอนนั้น จากนั้นราคาก็ปรับฐานลงมาอย่างรุนแรง โดยราคาต่ำสุดตลอดกาล (ATL – All-Time Low) ย้อนไปไกลถึงปี 2015 อยู่ที่ประมาณ 0.0000855 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้นเองครับ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงช่วงการเดินทางที่ยาวนานและสุดโต่งของ ราคาdogecoin ในตลาด
ปัจจุบันนี้ Dogecoin ยังคงติดอันดับเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงสุด 10 อันดับแรกของโลก แสดงให้เห็นว่าแม้จะผ่านช่วงฮิตพีคๆ มาแล้ว แต่ Dogecoin ก็ยังคงมีฐานผู้ถือครองและมูลค่าตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ ข้อมูลตลาดล่าสุดแสดงให้เห็น มูลค่าตลาด Dogecoin อยู่ที่ประมาณ 1.7-1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และมี ปริมาณการซื้อขาย ใน 24 ชั่วโมงค่อนข้างสูง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็จะแตกต่างกันไปตามแหล่งข้อมูลและช่วงเวลาที่คุณเช็คครับ
สำหรับคนที่ชอบวิเคราะห์กราฟราคาทางเทคนิค (Technical Analysis) ตัวชี้วัดต่างๆ ของ Dogecoin มักจะแสดงสัญญาณที่หลากหลาย บางที Oscillators อาจจะบอกว่ามีแรงซื้อมาก บางทีก็บอกว่ามีแรงขาย ในขณะที่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) อาจจะให้สัญญาณอีกแบบหนึ่ง ซึ่งความแตกต่างนี้ก็มาจากมุมมองและช่วงเวลาในการวิเคราะห์ที่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลบางแหล่งในช่วงที่ผ่านมา ตัวชี้วัดทางเทคนิคสำหรับ Dogecoin มักจะให้สัญญาณ “ขาย” หรือ “ขายรุนแรง” ในมุมมองระยะสั้นถึงกลาง ซึ่งก็สะท้อนถึงแรงกดดันด้านราคาในช่วงที่ตลาดอาจจะยังไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับ ราคาdogecoin คือความผันผวนที่สูงกว่าเหรียญใหญ่ๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum (อีเธอเรียม) มากครับ
อีกประเด็นที่น่าสนใจและอาจส่งผลต่อ ราคาdogecoin ในอนาคตคือเรื่องข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการ เช่น ข่าวเกี่ยวกับการเสนอ กองทุน Spot ETF (Spot ETF) สำหรับ Dogecoin โดยบริษัท Grayscale ซึ่งคณะกรรมการ ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC – U.S. Securities and Exchange Commission) ได้รับทราบเอกสารการเสนอแล้ว แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นและไม่มีการอนุมัติใดๆ เกิดขึ้น แต่การที่ ก.ล.ต. รับพิจารณาเอกสารนี้ ก็ถือเป็นสัญญาณเล็กๆ ที่อาจมีความหมายต่อการยอมรับ Dogecoin ในวงการการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนกลไกฉันทามติของ Dogecoin ไปสู่ Proof-of-Stake (PoS) ซึ่ง วิตาลิก บูเทริน (Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ก็เคยกล่าวถึงความสนใจที่จะช่วยเหลือในเรื่องนี้ในช่วงต้นปี 2022 แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน แต่ก็แสดงให้เห็นว่า Dogecoin ยังคงมีการพัฒนาและมองหาหนทางที่จะปรับปรุงตัวเองอยู่เรื่อยๆ
แน่นอนว่า ราคาdogecoin ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องราวเฉพาะตัวของเหรียญ Dogecoin อย่างเดียว แต่ยังถูกขับเคลื่อนด้วยภาพรวมของ ตลาดคริปโต ทั้งหมด และที่สำคัญคือสภาพเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomic Conditions) ทั่วโลกด้วยครับ ลองนึกดูสิครับ เหมือนสภาพอากาศโลก ถ้าพายุเข้า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่ก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ตลาดคริปโตโดยรวมในปัจจุบันมี มูลค่าตลาดรวม (Total Market Cap) อยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขนี้ก็ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา และมันสัมพันธ์อย่างมากกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ข่าวสารเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาที่เราได้ยินบ่อยๆ คือเรื่อง อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates) และ เงินเฟ้อ (Inflation) ครับ เมื่อ Fed หรือธนาคารกลางอื่นๆ มีท่าทีแข็งกร้าวในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ มักจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูง (Risk-on Assets) เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่นักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาล การที่ตลาดจับตาดูท่าทีของ Fed อย่างใกล้ชิด การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ หรือแม้แต่ข่าวเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth) ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน ตลาดคริปโต และนั่นก็กระทบถึง ราคาdogecoin ด้วยครับ
เราได้เห็นตัวอย่างชัดเจนในช่วงต้นปี 2023 ที่ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความกังวลจากท่าทีของ Fed ที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือช่วงที่ข่าวเรื่องหนี้บัตรเครดิตสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ออกมา ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสร้างแรงกดดันต่อสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลก และส่งผลให้เงินทุนอาจจะไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า นักวิเคราะห์หลายคนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจบางคน ก็ยังคงมีความเห็นที่หลากหลาย บางคนคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่รุนแรง (Hard Landing) ในขณะที่บางคนมองว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงอย่างนุ่มนวล (Soft Landing) หรืออาจจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยไปได้เลย ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้แหละที่ทำให้ ตลาด การเงินรวมถึง ตลาดคริปโต มีความผันผวนสูง
สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองซื้อขาย Dogecoin สามารถหาซื้อได้ตามแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต (Crypto Exchange Platforms) ชั้นนำต่างๆ ทั่วโลกครับ เช่น ไบแนนซ์ (Binance), คอยน์เบส (Coinbase), คราเคน (Kraken) หรือ คริปโต.คอม (Crypto.com) ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็จะมีข้อดีข้อเสีย ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Trading Fees) และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป อย่างแพลตฟอร์มแบบ ไบแนนซ์ ขึ้นชื่อเรื่องค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับบางเจ้า การเลือกแพลตฟอร์มก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบส่วนบุคคลครับ นอกจากนี้ยังสามารถดู ราคาdogecoin และทำการซื้อขายบางส่วนได้ผ่านเครื่องมือวิเคราะห์กราฟอย่าง TradingView (เทรดดิ้งวิว) ได้ด้วย
สรุปแล้ว Dogecoin ไม่ใช่แค่มีมตลกๆ อย่างเดียวอีกต่อไปครับ มันได้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ มีชุมชนผู้สนับสนุนที่เหนียวแน่น มีเทคโนโลยีเบื้องหลังที่พัฒนามาจาก Litecoin และถูกใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้ว่าการเก็งกำไรจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของ ราคาdogecoin และอิทธิพลของบุคคลอย่าง อีลอน มัสก์ จะยังมีผลอยู่มาก แต่การพัฒนาด้านเทคนิค เช่น ไลบรารี Libdogecoin สำหรับนักพัฒนา dApps (Decentralized Applications) หรือการพิจารณาเรื่อง กองทุน Spot ETF ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ในฐานะของ資深金融專欄寫手 สิ่งที่ผมอยากย้ำเตือนเสมอคือ ตลาดคริปโต โดยเฉพาะเหรียญที่มีความผันผวนสูงอย่าง Dogecoin มีความเสี่ยงสูงมากครับ ราคาdogecoin สามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเพราะข่าวสารเฉพาะตัว เหรียญ ปัจจัย ตลาด โดยรวม หรือแม้แต่ข่าว เศรษฐกิจ มหภาค การลงทุนใน Dogecoin หรือเหรียญคริปโตอื่นๆ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้เป็นอย่างดี
⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนใน Dogecoin มีความเสี่ยงสูงมาก อาจทำให้เงินลงทุนของคุณสูญหายทั้งหมดได้ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำการวิจัยของคุณเอง (Do Your Own Research – DYOR) อย่างละเอียด และลงทุนเฉพาะเงินที่พร้อมจะสูญเสียไปเท่านั้น หากคุณไม่คุ้นเคยกับ ตลาดคริปโต หรือไม่มีประสบการณ์ ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน
หากคุณเพิ่งเริ่มสนใจและยังไม่แน่ใจ การเริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูลเยอะๆ ติดตามข่าวสาร ดู การซื้อขาย ใน ตลาด คริปโต โดยที่ยังไม่ต้องใช้เงินจริง หรืออาจจะเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยมากๆ ที่ไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ เพราะในโลกการเงิน ไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุน ทองคำ หรือแม้แต่ คริปโต การเข้าใจสิ่งที่เรากำลังจะลงทุนและประเมินความเสี่ยงได้ถูกต้อง คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดเสมอครับ