ช่วงนี้เพื่อนผมชื่อ ‘นิด’ เนี่ย… ชอบมาถามเรื่องคริปโทฯ จังเลย โดยเฉพาะเจ้าเหรียญหมาน้อยสีส้มๆ ที่ชื่อ ‘ชิบะอินุ’ (Shiba Inu) หรือ ‘SHIB’ นี่แหละ เขาเห็นว่าราคาเหรียญ shiba มันวิ่งขึ้นวิ่งลงหวือหวา แล้วก็สงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ ทำไมคนถึงสนใจเยอะจัง

ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาพอสมควร วันนี้ผมเลยอยากจะมาเล่าเรื่องราวของเจ้า SHIB ให้ฟังแบบง่ายๆ สบายๆ เหมือนนั่งคุยกับเพื่อนที่ร้านกาแฟนี่แหละครับ จะพยายามไม่ใช้ศัพท์เทคนิคให้ปวดหัวนะ
ย้อนกลับไปปี 2020 มีคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนชื่อ ‘Ryoshi’ สร้างเหรียญนี้ขึ้นมาบนเครือข่าย ‘Ethereum’ (อีเธอเรียม) เขาบอกว่าอยากให้มันเป็น ‘เหรียญมีม’ (Meme Coin) ที่กระจายอำนาจ 100% คือไม่มีใครคุมคนเดียวได้ แล้วก็อยากให้มันดีกว่า Dogecoin (ด็อกคอยน์) ซึ่งเป็นเหรียญมีมรุ่นพี่ด้วย ที่สำคัญคือเน้นสร้าง ‘ชุมชน’ (Community) ที่แข็งแกร่งมากๆ ครับ เขาเชื่อว่าพลังของชุมชนนี่แหละจะขับเคลื่อนเหรียญนี้ไปได้ เหรียญ SHIB ถือเป็นเหรียญพื้นฐานในระบบนิเวศของมันครับ
แต่ SHIB เนี่ย ไม่ได้มีแค่เหรียญเดียวนะครับ มันมี ‘ระบบนิเวศ’ (Ecosystem) ของตัวเองที่ค่อนข้างใหญ่เลย เหมือนเป็นเมือง SHIB ที่มีสิ่งปลูกสร้างหลายอย่าง มีเหรียญอื่นๆ ในเมืองด้วยอย่าง LEASH ที่ออกแบบมาเพื่อคุมเงินเฟ้อ ใช้เป็นรางวัลให้คนที่เอาเหรียญมาช่วยรักษาสภาพคล่อง และ BONE ที่เป็นเหรียญสำหรับให้สิทธิ์ออกเสียงในการบริหารจัดการเมือง (Governance) ใช้ให้รางวัลคนที่ช่วยยืนยันธุรกรรมในระบบใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนชื่อ ‘ShibaSwap’ (ชิบะสวอป) ที่ให้คนมาแลกเปลี่ยนเหรียญกันเองได้ มีโปรเจกต์เกี่ยวกับงานศิลปะดิจิทัลที่เรียกว่า Shiboshis ซึ่งเป็น ‘โทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนกันได้’ (NFT) ด้วยนะ แสดงให้เห็นว่าทีมพัฒนาไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นเหรียญมีมธรรมดาๆ แล้ว
ตัวที่เป็นไฮไลท์และถูกพูดถึงเยอะในช่วงนี้เลยคือ ‘Shibarium’ (ชิบาเรียม) อันนี้เปรียบเหมือนทางด่วนที่สร้างขึ้นมาเสริมบน Ethereum เพื่อให้การทำธุรกรรมของ SHIB และเหรียญอื่นๆ ในระบบนิเวศมัน ‘เร็วขึ้น’ แล้วก็ ‘ค่าธรรมเนียมถูกลง’ เยอะๆ เลยครับ คือเอาจริงๆ แล้วอยากให้มันแก้ปัญหาเรื่อง ‘ค่าแก๊ส’ (Gas Fee) ที่เคยแพงบน Ethereum นั่นแหละ การพัฒนาตรงนี้สำคัญมาก เพราะมันทำให้ระบบ SHIB ใช้งานได้จริงมากขึ้นสำหรับการทำธุรกรรมจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ซื้อเก็บเฉยๆ ล่าสุด Shibarium ก็เพิ่งมีการอัปเกรดไป ทำให้เข้ากันได้กับ Ethereum ที่เพิ่งอัปเดตเหมือนกัน แถมยังปรับปรุงระบบ ‘เผาเหรียญ’ ให้ฉลาดขึ้นด้วย

ทีนี้มาดูเรื่องตัวเลขกันบ้าง ราคาเหรียญ shiba ตอนนี้เนี่ย มันจะแกว่งๆ อยู่แถวๆ ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์หนึ่งกว่าๆ ดอลลาร์ (ประมาณ 0.000012 – 0.000014 USD อ้างอิงจากข้อมูลช่วงที่รวบรวมมา) คือมีทศนิยมเยอะมากครับ ต้องดูกันดีๆ นะ มูลค่าตลาดโดยรวม หรือ ‘Market Cap’ (มาร์เก็ตแคป) เนี่ยก็ใหญ่อยู่นะ ประมาณ 7-8 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว จัดเป็นเหรียญที่มีขนาดตลาดใหญ่พอสมควรครับ แสดงว่ามีเงินหมุนเวียนในตลาดค่อนข้างเยอะ ส่วนปริมาณการซื้อขายต่อวันก็สูงมากครับ แสดงถึงความคึกคักในการแลกเปลี่ยน
แต่ถ้ามองย้อนอดีต ราคา SHIB เคยพุ่งขึ้นแบบบ้าคลั่งเลยครับ เป็นตำนานในโลกคริปโทฯ เลยก็ว่าได้ ช่วงปลายปี 2021 เนี่ย เคยไปแตะ ‘จุดสูงสุดตลอดกาล’ (All-Time High – ATH) แถวๆ ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์แปดกว่าๆ เกือบเก้าดอลลาร์เลยนะ! ถ้าใครเข้าถูกจังหวะตอนที่ราคายังต่ำมากๆ แล้วไปขายตอน ATH เนี่ย รวยไม่รู้เรื่องเลยครับ แต่หลังจากนั้นมันก็ ‘ปรับตัวลดลง’ มาหนักมากครับ ลงมาเกิน 90% จากจุดสูงสุดเลยทีเดียว นั่นเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเหรียญแบบนี้ ‘ผันผวน’ (Volatile) สูงมากๆ ครับ เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย มีขึ้นแรงก็มีลงแรงได้ตลอดเวลาครับ การวิเคราะห์ทางเทคนิคจากข้อมูลล่าสุดก็ยังเห็นสัญญาณว่ามี ‘แรงขาย’ (Selling Pressure) อยู่ในตลาดสำหรับระยะสั้นถึงกลางนะ ต้องระวังนิดนึง
เรื่อง ‘อุปทาน’ (Supply) หรือจำนวนเหรียญทั้งหมดเนี่ย SHIB เริ่มต้นมามีเยอะมากๆ ครับ เยอะจนบางทีก็งงว่ามันจะขึ้นราคาได้ยังไง ผู้สร้างเขาก็แบ่งส่วนหนึ่งไปเข้าสภาพคล่องในแพลตฟอร์ม Uniswap แล้วก็ ‘ทำลาย’ กุญแจทิ้ง เพื่อให้เอากลับมาไม่ได้ อีกส่วนใหญ่มากๆ เนี่ย เขาใจถึง ส่งไปให้ ‘Vitalik Buterin’ (วิตาลิก บูเทริน) ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum นี่แหละครับ ซึ่งคุณ Vitalik นี่สุดยอดมาก เขาไม่เก็บไว้เองครับ แต่เอาเหรียญ SHIB จำนวนมหาศาล… เรียกว่าแทบจะทั้งหมดที่ได้ไป… ไป ‘เผาเหรียญ’ (Burning) ทิ้งครับ การเผาเหรียญคือการส่งเหรียญไปยังที่อยู่ที่ไม่สามารถนำเหรียญออกมาได้อีกต่อไป พูดง่ายๆ คือเอาเหรียญออกจากระบบหมุนเวียนไปเลย ไม่มีวันกลับมา ทำให้เหรียญที่เหลือ ‘หายากขึ้น’ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ถ้าของหายากขึ้น ความต้องการยังมีอยู่ มูลค่าก็อาจจะเพิ่มขึ้นได้ครับ
กลไกการเผาเหรียญถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ชุมชน SHIB ให้ความสำคัญมากๆ ครับ เพราะมันช่วยลดจำนวนเหรียญในตลาดลงเรื่อยๆ แต่ต้องเข้าใจนะครับว่าแค่เผาเหรียญอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีคนสนใจลงทุนต่อเนื่อง มีโปรเจกต์ใหม่ๆ ออกมาให้น่าใช้ และมีคนเข้ามาใช้ระบบจริงๆ ด้วย ราคาถึงจะขึ้นได้แบบยั่งยืน ไม่ใช่แค่ขึ้นเพราะข่าวเผาเหรียญอย่างเดียว
ทีนี้ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ราคาเหรียญ shiba มันขึ้นๆ ลงๆ ได้ขนาดนี้? หลักๆ เลยก็มาจาก ‘ความสนใจ’ ครับ ทั้งจากคนดังอย่าง Elon Musk หรือ Vitalik Buterin (ถึงแม้การกระทำของ Vitalik จะเน้นการเผาเหรียญก็สร้างข่าวได้) แล้วก็ที่สำคัญมากๆ คือ ‘ชุมชน’ หรือ ‘SHIB Army’ ที่เหนียวแน่นมากๆ ครับ ถ้าคนในชุมชนเชื่อมั่น พูดถึงกันเยอะๆ ช่วยกันโปรโมท ช่วยกันใช้ ก็สร้างกระแสได้ครับ

รวมถึงการที่ SHIB ไปเข้าลิสต์ในกระดานเทรดใหญ่ๆ (Exchange) ระดับโลกอย่าง Binance, Coinbase, Kraken ฯลฯ การเข้าถึงง่ายขึ้นก็ทำให้คนซื้อขายได้เยอะขึ้น การพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ ในระบบนิเวศอย่าง ShibaSwap หรือ Shibarium เองก็เป็นปัจจัยบวกครับ เพราะมันทำให้เหรียญมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น ไม่ใช่แค่ซื้อมาเก็งกำไรอย่างเดียว ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ติดตามเรื่องนี้ก็มีความเชื่อมั่นในการพัฒนาของโปรเจกต์นี้ในระยะยาวนะครับ ถึงแม้ราคาจะผันผวนในระยะสั้นก็ตาม ความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวมต่อ SHIB ก็ค่อนข้างเป็นบวกนะ ถ้ามองจากขนาดตลาดและการซื้อขาย
ส่วนเรื่องการใช้งาน นอกจากการซื้อขายเก็งกำไรแล้ว SHIB ก็เริ่มถูกใช้เป็นช่องทางชำระเงินในบางร้านค้าออนไลน์ หรือร้านจริงๆ บ้างแล้วนะครับ มีข้อมูลว่าเริ่มมีการยอมรับจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่บางราย เช่น Whole Foods, Gamestop หรือ Nordstrom บ้างแล้ว แม้จะยังไม่แพร่หลายเท่าเหรียญใหญ่อื่นๆ ก็ตาม และแน่นอนว่ามันถูกใช้เป็นเหรียญหลักในการแลกเปลี่ยนหรือทำกิจกรรมต่างๆ บนแพลตฟอร์ม ShibaSwap และในระบบนิเวศของมันครับ
ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมครับ? มีทั้งเรื่องราวที่มา มีระบบนิเวศ มีการพัฒนา มีคนดังพูดถึง มีชุมชนที่แข็งแกร่ง แถมราคาเหรียญ shiba ก็เคยสร้างประวัติศาสตร์มาแล้ว! แต่! (เน้นเสียง) ก่อนจะคิดกระโดดเข้าไปลงทุน ต้องจำไว้เลยว่า ‘ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูงมาก’ ครับ สูงกว่าตลาดหุ้นปกติเยอะ และ SHIB ก็คือหนึ่งในนั้นที่เป็นตัวพ่อแห่งความผันผวนเลยก็ว่าได้ครับ
ราคาเหรียญ shiba สามารถขึ้นหรือลงแรงๆ ได้ในเวลาอันสั้นมากๆ เหมือนขึ้นลิฟต์แล้วลงเหว คุณอาจจะเห็นกำไรมหาศาลในชั่วข้ามคืน หรือ ‘ขาดทุนทั้งหมด’ จนเงินลงทุนกลายเป็นศูนย์ ก็เป็นไปได้ครับ! นี่คือความเสี่ยงที่สูงมากๆ ของการลงทุนในเหรียญมีมและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง
ข้อมูลที่เราคุยกันวันนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากข้อมูลสาธารณะ ตัวเลขที่หาได้ และมุมมองต่างๆ ที่รวบรวมมาให้นะครับ ‘ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน’ และไม่ใช่การชี้ชวนให้ซื้อหรือขาย SHIB แต่อย่างใด
ดังนั้น ถ้าคุณสนใจ SHIB หรือเหรียญคริปโทฯ อื่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ: ‘ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านด้วยตัวเอง’ ครับ อย่าเพิ่งเชื่อใครง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ น้อง หรือกระทั่งคอลัมนิสต์อย่างผม! เข้าไปดูเว็บไซต์หลักของโปรเจกต์ อ่านข้อมูลต่างๆ ทำความเข้าใจ ‘ระบบนิเวศ’ ของมันว่ามีอะไรบ้าง มีการพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ดูเรื่อง ‘อุปทาน’ และกลไกการ ‘เผาเหรียญ’ แล้วลองหาบทวิเคราะห์จากหลายๆ แหล่งเปรียบเทียบกัน
และที่สำคัญมากๆ คือ ‘ประเมินความเสี่ยง’ ที่คุณรับได้ ก่อนลงทุนทุกครั้ง ให้ถามตัวเองว่า “ถ้าเงินก้อนนี้หายไปทั้งหมด ฉันจะเดือดร้อนไหม?” ถ้าคำตอบคือ “เดือดร้อนมาก” แสดงว่าเงินก้อนนั้นอาจจะไม่เหมาะกับการนำมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ครับ
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเหมือนการเดินทางบนถนนที่ขรุขระมากๆ ครับ ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง มีสติ ศึกษาเส้นทางให้ดี และเตรียมใจสำหรับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
⚠️ คำเตือนสุดท้ายและสำคัญที่สุด: เงินที่คุณนำมาลงทุน ‘ควรเป็นเงินเย็น’ คือเงินที่คุณพร้อมจะเสียไปได้ทั้งหมด โดยไม่เดือดร้อนกับการใช้ชีวิตประจำวัน หนี้สิน หรือภาระผูกพันอื่นๆ นะครับ อย่าเป็นหนี้เพื่อมาลงทุนในคริปโทฯ โดยเด็ดขาด! การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนเท่าที่ตนเองรับความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งหมด.