เคยได้ยินเรื่องราว “เหรียญเทพ” ที่ราคาร่วงเหมือนตกหน้าผาไหมครับ? ในโลกคริปโตเคอร์เรนซี มีเหตุการณ์หนึ่งที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลก นั่นคือวิกฤติของระบบนิเวศ Terra และหัวใจสำคัญของมันคือเหรียญที่ชื่อว่า `ราคาเหรียญ luna` ครั้งหนึ่งเหรียญนี้เคยพุ่งทะยานจนหลายคนฝันถึงอิสรภาพทางการเงิน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่ใครต่อใครต้องจดจำ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และสถานการณ์ปัจจุบันของ `ราคาเหรียญ luna` และเหรียญพี่น้องอย่าง LUNC เป็นอย่างไร วันนี้เราจะมาไขคำตอบกันครับ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน Terra ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิดที่น่าสนใจมาก นั่นคือการเป็นบล็อกเชน (Blockchain) ที่เน้นสร้างเหรียญ Stablecoin (เหรียญที่มีมูลค่าคงที่) ที่ตรึงกับสกุลเงินต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง อย่างดอลลาร์สหรัฐ บาทไทย หรือเงินวอนเกาหลีใต้ โดยเหรียญ Stablecoin ที่โด่งดังที่สุดในระบบนิเวศนี้คือ UST ซึ่งพวกเขาตั้งใจให้มันมีมูลค่าตรึงอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐเสมอ และนี่คือจุดที่ `ราคาเหรียญ luna` เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะ LUNA ไม่ได้เป็นแค่เหรียญธรรมดาๆ แต่ถูกออกแบบมาให้เป็นกลไกหลักในการรักษาเสถียรภาพของ UST และยังใช้ในการกำกับดูแล (Governance) ระบบทั้งหมดอีกด้วย พูดง่ายๆ คือ ถ้า UST มีปัญหา หลุด Peg (การตรึงมูลค่า) กลไกก็จะใช้ LUNA ในการ Mint (สร้าง) หรือ Burn (เผาทำลาย) เพื่อดึงมูลค่า UST ให้กลับมาที่ 1 ดอลลาร์ ใครจะคิดว่าระบบที่ดูเหมือนจะสมดุลนี้ จะนำไปสู่หายนะที่ไม่มีใครคาดคิด
แล้วหายนะมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่? จุดเริ่มต้นของวิกฤติคือช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2565 เหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า “การหลุด Peg” (De-pegging) ของเหรียญ UST Stablecoin ที่เคยตรึงค่า 1 ต่อ 1 กับดอลลาร์สหรัฐได้เกิดปัญหาอย่างรุนแรง จากปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาพร้อมกัน ทั้งแรงเทขายอย่างหนักและความเปราะบางของกลไกแบบ Algorithmic (แบบที่พึ่งพาการคำนวณและโทเคนในระบบเอง ไม่ได้มีสินทรัพย์จริงอย่างเงินดอลลาร์หนุนหลัง 100%) เมื่อ UST เริ่มหลุด Peg กลไกที่ออกแบบมาเพื่อกู้คืนเสถียรภาพกลับทำงานผิดพลาด แทนที่จะดึง UST กลับมา กลับไปกระตุ้นให้เกิดการ Mint เหรียญ LUNA ออกมาในปริมาณมหาศาลราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ลองจินตนาการว่าจู่ๆ มีคนพิมพ์เงินออกมาเป็นล้านล้านใบ ค่าของเงินนั้นก็จะลดลงจนแทบไม่เหลือมูลค่าใช่มั้ยครับ เหตุการณ์นี้ก็คล้ายกัน การที่ LUNA ถูก Mint ออกมาท่วมระบบ ทำให้ `ราคาเหรียญ luna` ที่เคยสูงถึงประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2565 ร่วงลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่วัน มูลค่าลดลงกว่า 99.999% แทบจะเหลือศูนย์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายต่อนักลงทุนทั่วโลกไปกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดของตลาดคริปโตที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์อื้อฉาวอื่นๆ อย่างกรณีของ FTX ด้วยซ้ำ

หลังเหตุการณ์ล่มสลาย ทีมผู้พัฒนาได้พยายามกอบกู้สถานการณ์ ด้วยการสร้างบล็อกเชนใหม่ขึ้นมา โดยบล็อกเชนเดิมที่เกิดวิกฤติถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Terra Classic และใช้เหรียญชื่อเดิมว่า LUNA Classic หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า LUNC ส่วนบล็อกเชนใหม่ที่สร้างขึ้นมา ใช้ชื่อว่า Terra และมีเหรียญใหม่ชื่อ LUNA (เรียกว่า Terra 2.0 หรือ LUNA ใหม่ก็ได้ครับ) การกระทำนี้มีเป้าหมายเพื่อทิ้งประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของระบบเก่าไว้ข้างหลัง และสร้างอนาคตใหม่สำหรับระบบนิเวศ Terra ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน ทั้ง `ราคาเหรียญ luna` (เหรียญใหม่) และ `ราคาเหรียญ lunc` (เหรียญเก่า) ต่างก็มีมูลค่าตลาดและราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในอดีต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังไม่กลับคืนมาอย่างแท้จริง
สถานะของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ก่อตั้งอย่าง Do Kwon ก็เป็นอีกประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก หลังวิกฤติ เขาได้กลายเป็นผู้หลบหนีคดีและมีการตามล่าตัวในหลายประเทศ ก่อนจะถูกจับกุมได้ที่ประเทศมอนเตเนโกรในที่สุด และล่าสุดเขาก็ถูกส่งตัวไปยังประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นบ้านเกิด เพื่อเข้ารับการดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางการเงิน ซึ่งประเด็นทางกฎหมายนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญและตรวจสอบตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายต่อนักลงทุนรายย่อยซ้ำรอยเดิมอีก

บทเรียนจากเหตุการณ์ `ราคาเหรียญ luna` เป็นสิ่งที่เราทุกคนในตลาดคริปโตควรเรียนรู้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเปราะบางของเหรียญ Altcoin (เหรียญทางเลือกที่ไม่ใช่ Bitcoin หรือ Ethereum) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Stablecoin บางประเภทที่ใช้กลไกซับซ้อนและไม่ได้มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่แข็งแกร่งเพียงพอ มันเตือนให้เรารู้ว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก และเราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจในโปรเจกต์ที่ลงทุนอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่มองตามกระแสหรือเชื่อคำชวนเชื่อที่ว่าราคาจะพุ่งไปดวงจันทร์เท่านั้น
ณ ปัจจุบัน `ราคาเหรียญ luna` (เหรียญใหม่) มีมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) อยู่ที่ประมาณ 112.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีอุปทานหมุนเวียน (Circulating Supply) ประมาณ 709,984,438 LUNA และปริมาณการซื้อขายในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ประมาณ 159,344 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 0.1598 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างไกลจากจุดสูงสุดตลอดกาลของ LUNA เดิมที่เคยทำไว้ที่ 119.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างมหาศาล ส่วน `ราคาเหรียญ lunc` ซึ่งเป็นเหรียญเก่าก็มีมูลค่าต่ำมากเช่นกัน สัญญาณการวิเคราะห์ทางเทคนิคจากบางแหล่งสำหรับ LUNA ใหม่ก็ยังคงแสดงภาพรวมที่ค่อนข้างหลากหลาย บางตัวชี้วัดเป็นกลาง บางตัวมีแรงขาย หรือบางตัวก็มีแรงซื้อ แต่โดยรวมแล้ว ความผันผวนยังคงมีอยู่
สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวทั้งหมดนี้คือ การลงทุนในคริปโตนั้นเต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยงที่คาดเดาได้ยาก เหตุการณ์ Terra และ `ราคาเหรียญ luna` เป็นเครื่องย้ำเตือนให้เราไม่ประมาท ไม่ว่าโปรเจกต์จะดูดี มีผู้สนับสนุน หรือมีนวัตกรรมเพียงใด หากกลไกพื้นฐานมีความเปราะบาง หรือขาดการกำกับดูแลที่ดี ก็อาจนำไปสู่ความล้มเหลวที่ส่งผลกระทบมหาศาลได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในเหรียญใดๆ รวมถึงการมอง `ราคาเหรียญ luna` ในปัจจุบัน ควรศึกษาให้รอบคอบ ทำความเข้าใจความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ลงทุนเฉพาะเงินที่คุณพร้อมจะสูญเสียไปได้ทั้งหมดครับ นี่คือบทเรียนสำคัญจากวิกฤติ Terra ที่ตลาดคริปโตจะจดจำไปอีกนาน
⚠️ คำเตือน: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งจำนวน โปรดศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน