ช่วงนี้เพื่อนสนิทของผม ‘น้องเมย์’ ที่เป็นสายโซเชียลตัวยง ทักมาถามด้วยความตื่นเต้นว่า “พี่คะ! อีเธอเรียม (Ethereum) เนี่ย มันคืออะไรกันแน่? แล้วไอ้ราคา ETH วันนี้ บาท ที่ขึ้นๆ ลงๆ เนี่ย มันมีเรื่องราวเบื้องหลังยังไง ทำไมคนถึงฮิตกันจัง?”
คำถามของน้องเมย์ทำให้ผมยิ้ม เพราะมันสะท้อนถึงความสงสัยของคนจำนวนมากในยุคนี้ ยุคที่โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เอาล่ะครับ วันนี้ในฐานะคอลัมนิสต์ที่คุ้นเคยกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มานาน ผมจะพาทุกคนไปเปิดโลกของอีเธอเรียม (Ethereum) หรือเจ้าเหรียญ ETH ที่หลายคนคุ้นหูกันในแบบที่เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องใส่สูทผูกไทให้ปวดหัวกันครับ
ถ้าจะพูดถึงอีเธอเรียม (Ethereum) ให้เห็นภาพชัดๆ มันไม่ใช่แค่ “เหรียญดิจิทัล” ที่ไว้ซื้อขายเก็งกำไรเฉยๆ นะครับ แต่มันคือ “แพลตฟอร์มอัจฉริยะ” ที่มีสมอง มีระบบปฏิบัติการของตัวเองอยู่เบื้องหลัง แถมยังเป็นที่รวมตัวของนวัตกรรมเจ๋งๆ อีกเพียบ ลองนึกภาพตามนะครับว่าอีเธอเรียม (Ethereum) เนี่ย เปรียบเสมือนเมืองใหญ่ในโลกดิจิทัล ที่มีโครงสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่ง (นั่นก็คือบล็อกเชน (Blockchain) หรือ Blockchain เทคโนโลยีกระจายศูนย์ที่เก็บข้อมูลแบบเปิดเผย ปลอดภัย แก้ไขยาก) ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน (Application) หรือบริการทางการเงินแบบใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลางใดๆ เลย

แล้วไอ้เจ้าเหรียญ “Ether” หรือ “ETH” เนี่ย มันก็คือเหมือนกับ “น้ำมันเชื้อเพลิง” หรือ “ค่าไฟฟ้า” ที่ใช้หล่อเลี้ยงเมืองอีเธอเรียม (Ethereum) นั่นแหละครับ ทุกการทำธุรกรรม หรือการใช้งานแอปพลิเคชัน (Application) ต่างๆ บนแพลตฟอร์มอีเธอเรียม (Ethereum) ก็จะต้องใช้เหรียญ ETH เป็นค่าธรรมเนียมที่เราเรียกกันว่า “Gas” (แก๊ส) ยิ่งใช้งานเยอะ ยิ่งใช้แก๊สเยอะว่างั้นเถอะครับ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 หนุ่มอัจฉริยะนามว่า วิตาลิก บูเทริน (Vitalik Buterin) คือผู้ที่เสนอแนวคิดและริเริ่มสร้างสรรค์แพลตฟอร์มอีเธอเรียม (Ethereum) ขึ้นมา ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะทำให้โลกนี้มี “อินเทอร์เน็ตแห่งมูลค่า” ที่ผู้คนสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ กันได้อย่างอิสระและปลอดภัย โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ “สัญญาอัจฉริยะ” (Smart Contract) ครับ เจ้าสัญญาอัจฉริยะนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างบนอีเธอเรียม (Ethereum) ทำงานได้อย่างอัตโนมัติและเชื่อถือได้ เหมือนกับมีทนายความดิจิทัลที่คอยดูแลให้ทุกข้อตกลงเป็นไปตามที่กำหนด โดยไม่ต้องมีใครมาควบคุม มันจึงเป็นรากฐานสำคัญให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ “DeFi” (ดีไฟ) และสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ อย่าง NFT (เอ็นเอฟที) ที่ฮิตกันไปทั่วโลกนั่นเอง
ทีนี้มาดูกันที่เรื่องที่ทุกคนสนใจ นั่นก็คือ “ราคา ETH วันนี้ บาท” ที่เห็นอยู่บนกระดานเทรดกันบ้าง หลายคนอาจจะเคยเห็นราคามันพุ่งแรงจนตกใจ หรือบางทีก็ร่วงลงมาจนใจหายแว็บ ซึ่งนั่นคือธรรมชาติของตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูงมากครับ
จากข้อมูลที่เราเห็นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 ราคา ETH เทียบกับบาทไทยมีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ถ้าลองดูประวัติย้อนหลังสั้นๆ จะพบว่ามีการขึ้นๆ ลงๆ รายวันไม่น้อย อย่างวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ราคาปิดอยู่ที่ประมาณ 81,383.45 บาทต่อ ETH ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า แต่ถ้ามองภาพกว้างขึ้นในช่วง 30 วันที่ผ่านมา อีเธอเรียม (Ethereum) กลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเกือบ 30% เลยทีเดียวครับ นี่แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่กลับมาในตลาดคริปโตฯ หลังจากผ่านช่วงผันผวนไป

ปัจจุบัน ราคา ETH วันนี้ บาท ณ ช่วงเวลาที่เรากำลังคุยกัน (อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น Binance, CoinMarketCap) ก็จะอยู่ราวๆ 81,000 – 82,000 บาทต่อ 1 ETH ซึ่งมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในรอบ 1 ชั่วโมงล่าสุด แต่ถ้ามองย้อนไป 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จะพบว่าราคายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ประมาณ 1.56% ครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า “แล้วราคาอีเธอเรียม (Ethereum) มันเคยขึ้นไปสูงสุดเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเงินบาทไทย?” คำตอบคือ อีเธอเรียม (Ethereum) เคยทำจุดสูงสุดตลอดกาลไว้ที่ประมาณ 159,716.61 บาทต่อ 1 ETH เลยทีเดียวครับ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นั่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่สูงลิ่วในอดีต แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงที่รุนแรงอยู่เสมอครับ
สาเหตุที่ ราคา ETH วันนี้ บาท หรือราคาในสกุลเงินอื่นๆ มีการปรับตัวขึ้นลงอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากหลายปัจจัยรวมกันครับ ไม่ว่าจะเป็น:
* **ความต้องการและการใช้งานจริง:** ยิ่งมีคนใช้แพลตฟอร์มอีเธอเรียม (Ethereum) มากเท่าไหร่ สร้างแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (DApps) หรือทำธุรกรรมสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) มากเท่าไหร่ ความต้องการเหรียญ ETH ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพราะต้องใช้ ETH เป็นค่าธรรมเนียม
* **การพัฒนาและอัปเกรดระบบ:** อีเธอเรียม (Ethereum) มีการพัฒนาไม่หยุดยั้งครับ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “The Merge” (การควบรวม) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกลไกการยืนยันธุรกรรมจากแบบ “พิสูจน์การทำงาน” (Proof of Work – PoW) ที่ต้องใช้พลังงานคอมพิวเตอร์มหาศาล ไปเป็นแบบ “พิสูจน์การมีส่วนร่วม” (Proof of Stake – PoS) ที่ประหยัดพลังงานกว่ามากและเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับธุรกรรมได้มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้นในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจ
* **กลไกการเผาเหรียญ (Coin Burning):** ฟังดูน่ากลัวใช่ไหมครับ “เผาเหรียญ” แต่จริงๆ แล้วมันเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยควบคุมปริมาณเหรียญ ETH ในตลาดให้ไม่มากเกินไป เหมือนกับการดึงธนบัตรเก่าออกจากระบบ เพื่อรักษาความหายากและมูลค่าของเหรียญที่เหลืออยู่ ยิ่งมีเหรียญหมุนเวียนน้อยลง มูลค่าของเหรียญก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นได้
* **ความสนใจจากบริษัทใหญ่ๆ และสถาบันการเงิน:** เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่หรือสถาบันการเงินให้ความสนใจ หรือเริ่มนำเทคโนโลยีอีเธอเรียม (Ethereum) ไปใช้ ก็จะส่งผลให้ความน่าเชื่อถือและมูลค่าของเหรียญเพิ่มขึ้นตามไปด้วยครับ
สำหรับตัวเลขสำคัญอื่นๆ ที่นักลงทุนมักจะดูกัน เพื่อประเมินสถานะของอีเธอเรียม (Ethereum) ในตลาด ก็คือ:
* **มูลค่าตลาด (Market Capitalization):** คือมูลค่ารวมของเหรียญ ETH ทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดครับ ปัจจุบันอีเธอเรียม (Ethereum) มีมูลค่าตลาดอยู่ในระดับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือหลายล้านล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว
* **ปริมาณการซื้อขาย 24 ชั่วโมง (24-Hour Trading Volume):** ตัวเลขนี้บอกเราว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการซื้อขายเหรียญ ETH ไปมากน้อยแค่ไหน ยิ่งปริมาณการซื้อขายสูง ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาพคล่องและความคึกคักของตลาดสำหรับสินทรัพย์นั้นๆ ครับ
* **อุปทานหมุนเวียน (Circulating Supply):** คือจำนวนเหรียญ ETH ทั้งหมดที่กำลังหมุนเวียนอยู่ในตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 120-122 ล้านเหรียญ การทำความเข้าใจตัวเลขเหล่านี้ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของตลาดอีเธอเรียม (Ethereum) ได้ชัดเจนขึ้น

สำหรับน้องเมย์และทุกคนที่สนใจตลาดสกุลเงินดิจิทัล ผมอยากจะเน้นย้ำว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างอีเธอเรียม (Ethereum) นั้นมีความผันผวนสูงมากนะครับ เหมือนกับการขับรถบนถนนที่อาจมีทั้งทางเรียบและทางขรุขระที่ไม่คาดฝัน วันนี้ราคา ETH วันนี้ บาท อาจจะดูน่าสนใจ แต่ในวันพรุ่งนี้หรืออีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ราคาก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้อีกมาก
ก่อนจะตัดสินใจ “โดดเข้าตลาด” หรือ “กดซื้อ” ผมขอแนะนำให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจในเทคโนโลยีเบื้องหลัง แนวโน้มตลาด ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา และที่สำคัญที่สุดคือ “อย่าลงทุนเกินกว่าจำนวนเงินที่คุณพร้อมจะเสียไปได้” หรือ “อย่ากู้เงินมาลงทุน” เด็ดขาดครับ เพราะไม่มีการลงทุนใดที่รับประกันผลตอบแทนได้อย่าง 100% และตลาดคริปโตฯ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
สุดท้ายนี้ หากใครกำลังมองหาโอกาสในการเรียนรู้เรื่องราวทางการเงินในโลกดิจิทัล อีเธอเรียม (Ethereum) ก็ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าสนใจและมีอนาคตที่สดใสในการพัฒนาเทคโนโลยีครับ ขอให้ทุกคน “ลงทุนอย่างมีสติ” และ “ความรู้คืออาวุธที่ดีที่สุด” ในทุกการลงทุนเสมอครับ