ช่วงนี้เพื่อนๆ คงได้ยินคำว่า ‘ดีไฟ’ (DeFi) หรือ ‘การเงินแบบกระจายอำนาจ’ กันบ่อยๆ ใช่ไหมครับ มันเหมือนโลกการเงินใหม่ที่ไม่ได้มีธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ หรือตัวกลางเจ้าใหญ่ๆ คอยควบคุมเบ็ดเสร็จ แต่ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้โดยตรงผ่านระบบบล็อกเชน (Blockchain) และในโลกของการเงินแบบกระจายอำนาจที่กำลังเติบโตนี้ มีพระเอกตัวนึงที่หลายคนจับตามอง นั่นคือ ‘Uniswap’ ครับ

ลองคิดภาพตามนะครับ ปกติเวลาเราจะแลกเปลี่ยนสกุลเงิน หรือซื้อขายหุ้น เราก็ต้องผ่านธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ใช่ไหม? นั่นแหละครับคือตัวกลาง ซึ่งบางทีก็มีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องยืนยันตัวตน หรืออาจมีค่าธรรมเนียมสูง แต่ Uniswap เนี่ย เค้ามาพลิกโฉมตรงนี้ ด้วยการเป็น ‘กระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ’ หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า DEX ครับ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Uniswap ทำงานได้โดยไม่ต้องมีตัวกลางคือระบบที่เรียกว่า Automated Market Maker หรือ AMM ครับ แทนที่จะใช้สมุดคำสั่ง (Order Book) เหมือนกระดานแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม Uniswap จะใช้ ‘บ่อสภาพคล่อง’ (Liquidity Pool) ที่ทำงานด้วย ‘สัญญาอัจฉริยะ’ (Smart Contracts) บนบล็อกเชนอีเธอเรียม (Ethereum blockchain) พูดง่ายๆ คือ ผู้ใช้คนอื่นๆ ที่เรียกว่า ‘ผู้ให้สภาพคล่อง’ (Liquidity Providers) จะนำโทเค็นสองตัวมาจับคู่กันแล้วใส่เข้าไปในบ่อน้ำนี้ ใครอยากแลกเปลี่ยนโทเค็นคู่นั้น ก็มาแลกได้ในบ่อนี้เลย ระบบ AMM จะคำนวณราคาให้อัตโนมัติตามปริมาณของโทเค็นในบ่อครับ ผู้ให้สภาพคล่องเหล่านี้ก็จะได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ จากการซื้อขายที่เกิดขึ้นในบ่อของตัวเอง เป็นการตอบแทนที่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนโทเค็นราบรื่นครับ

แล้วไอ้เจ้า uni coin หรือโทเค็น UNI ที่เราพูดถึงเนี่ย มันไม่ใช่แค่เหรียญที่ใช้แลกเปลี่ยนบน Uniswap นะครับ แต่มันคือ ‘เหรียญแห่งอำนาจ’ หรือ ‘โทเค็นการกำกับดูแล’ (Governance Token) ครับ คิดง่ายๆ คือ ใครถือ uni coin ก็เหมือนมีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของโปรโตคอล Uniswap ในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียม การอัปเกรดระบบ หรือเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโปรโตคอลครับ
โทเค็น UNI เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน ปี 2563 โดยมีการแจกจ่ายเริ่มต้นรวม 1 พันล้านโทเค็น ซึ่งกว่า 60% ถูกจัดสรรให้กับชุมชน ผู้ใช้ และผู้ให้สภาพคล่องของ Uniswap ครับ ส่วนที่เหลือก็จัดสรรให้กับนักลงทุน ที่ปรึกษา และทีมงานผู้พัฒนาโปรโตคอลครับ และหลังจากแจกจ่ายครบ 1 พันล้านโทเค็นแล้ว uni coin จะมีอัตราเงินเฟ้อคงที่ปีละ 2% นะครับ เหมือนมีการผลิต uni coin ออกมาใหม่เรื่อยๆ ในจำนวนที่ควบคุมได้ เพื่อนำมาใช้ในระบบนิเวศและกระตุ้นการมีส่วนร่วม

ทีนี้มาดูเรื่องราคา uni coin กันบ้าง โอ้โห ต้องบอกว่า ‘ผันผวน’ สุดๆ เลยครับ ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่ติดตามตลาดนี้มาพักใหญ่ ผมเห็นราคา uni coin แกว่งตัวขึ้นลงแรงมาก บางช่วงเห็นราคาแถวๆ 6-7 ดอลลาร์สหรัฐฯ บางช่วงก็พุ่งไป 10 ดอลลาร์ฯ กว่าๆ ก็มี ไม่นับรวมถึงมูลค่าตลาด (Market Cap) หรือปริมาณการซื้อขายต่อวัน (Trading Volume) ที่ก็แกว่งไปมาเหมือนกันนะครับ ตัวเลขพวกนี้จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและความต้องการซื้อขายในขณะนั้นครับ บางช่วง uni coin ก็ติดอันดับต้นๆ ในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด แต่บางช่วงก็อาจจะหล่นอันดับลงมาบ้าง
ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีต ราคา uni coin เคยทำจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High หรือ ATH) ที่กว่า 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยนะครับ นั่นคือช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตฯ โดยรวมบูมมากๆ แต่ในทางกลับกัน ตอนเปิดตัวใหม่ๆ ช่วงเดือนกันยายน ปี 2563 ราคาก็เคยลงไปทำจุดต่ำสุดตลอดกาล (All-Time Low หรือ ATL) ที่ประมาณ 0.47 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยเหมือนกันครับ นี่สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนและความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลชัดเจนเลยครับ
สำหรับสายเทคนิค ที่ชอบดูกราฟ ดูตัวเลขในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต (อันนี้เค้าเรียกว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิค – Technical Analysis) เนี่ย เค้าก็จะมีการประเมิน ‘แนวรับ’ และ ‘แนวต้าน’ ของราคา uni coin ครับ ลองนึกภาพว่าราคา uni coin เหมือนลูกบอลที่เด้งไปมา ‘แนวรับ’ ก็เหมือนพื้นบ้านที่คอยรับลูกบอลไม่ให้ร่วงลงไปต่ำกว่านั้นง่ายๆ ถ้าลูกบอลกระแทกพื้นแล้วเด้งกลับขึ้นไปได้ ก็แสดงว่าแนวรับนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งครับ ส่วน ‘แนวต้าน’ ก็เหมือนเพดานที่กีดกันไม่ให้ลูกบอลพุ่งทะลุขึ้นไปสูงกว่านั้นง่ายๆ ครับ
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคบางส่วนที่เห็น ตัวเลขแนวรับสำคัญของ uni coin อาจจะอยู่แถวๆ 7.103 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 6.500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่แนวต้านสำคัญอาจจะอยู่แถวๆ 8.677 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ แต่ต้องบอกว่าเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ เนี่ย บางทีก็ให้สัญญาณไม่เหมือนกันนะครับ บางอันบอก ‘ซื้อ’ (Buy) บางอันบอก ‘เป็นกลาง’ (Neutral) บางอันบอก ‘ขาย’ (Sell) ก็มี เพราะตลาดคริปโตมันซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ ความผันผวนของ uni coin เนี่ย จัดว่าค่อนข้างสูงเลยนะครับ ใครที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจจะต้องพิจารณาดีๆ
เบื้องหลังการทำงานที่ทำให้ Uniswap เป็น DEX ชั้นนำในกลุ่ม DeFi ไม่ได้มีแค่ระบบ AMM เท่านั้นนะครับ ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย อย่างที่บอกไปว่าใช้ Smart Contracts หรือ สัญญาอัจฉริยะ เป็นกลไกหลักในการซื้อขายและการบริหารจัดการ Liquidity Pools โดยมีสัญญาอัจฉริยะหลักๆ สองตัว คือ “Exchange” สำหรับการซื้อขาย และ “Factory” สำหรับสร้าง Pool ของโทเค็นใหม่ๆ นอกจากนี้ Uniswap ยังใช้ระบบ TWAP Oracles ซึ่งเป็นกลไกในการดึงข้อมูลราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักตามเวลา เพื่อป้องกันการปั่นราคาครับ กลไกบางอย่างก็คล้ายๆ ระบบ Proof-of-Stake ที่ให้รางวัลผู้ที่ล็อคโทเค็นไว้เพื่อช่วยรักษาระบบ ซึ่งในบริบทของ Uniswap อาจจะหมายถึงการให้รางวัลแก่ผู้ให้สภาพคล่องนั่นเองครับ ตัวเลข Total Value Locked หรือ TVL ที่บ่งบอกถึงมูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ผู้ใช้เอามาล็อคไว้ในโปรโตคอล Uniswap เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยน ก็เป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่งของโปรโตคอลที่น่าสนใจครับ ปัจจุบันตัวเลข TVL ของ Uniswap ก็ถือว่าค่อนข้างสูงในโลก DeFi ครับ
ย้อนกลับไปดูประวัติกันนิดนึง ไอเดียเรื่องระบบ AMM บนบล็อกเชนไม่ใช่เรื่องเพิ่งเกิดนะครับ มีคนอย่าง Vitalik Buterin หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Ethereum เคยเสนอแนวคิดนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2559 แล้ว แต่คนที่ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาในรูปแบบที่ใช้งานได้ในชื่อ Uniswap คือคุณ Hayden Adams ซึ่งได้เปิดตัว Uniswap เวอร์ชันแรก (v1) ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 บนบล็อกเชน Ethereum ครับ โปรเจกต์นี้ได้รับการสนับสนุนจาก Ethereum Foundation ด้วยนะครับ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพตั้งแต่เริ่มต้น ต่อมา Uniswap ก็มีการพัฒนาเวอร์ชันต่างๆ ขึ้นมา เพื่อรองรับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น และปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่น Uniswap v2 ในเดือนพฤษภาคม ปี 2563 และ Uniswap v3 ในเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ที่เน้นเรื่องค่าธรรมเนียมที่ถูกลงและความเร็วในการทำธุรกรรมครับ นอกจากนี้ Uniswap ยังเคยประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบใหญ่ (Series A funding round) กว่า 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำโดยนักลงทุน Venture Capital ชื่อดังอย่าง Andreessen Horowitz ในเดือนสิงหาคม ปี 2563 ครับ การสนับสนุนจากนักลงทุนและพัฒนาการอย่างต่อเนื่องก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ Uniswap ยืนหยัดในตลาด DeFi ได้อย่างแข็งแกร่ง
สรุปแล้ว uni coin หรือโทเค็น UNI เนี่ย เป็นส่วนสำคัญมากๆ ของ Uniswap ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจเบอร์ต้นๆ ในโลก DeFi นะครับ มันน่าสนใจตรงที่ให้สิทธิ์ให้เสียงแก่ผู้ถือ ในฐานะเจ้าของโปรโตคอลร่วมกัน และเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ระบบ AMM ทำงานได้อย่างราบรื่นผ่าน Liquidity Pools และ Smart Contracts แต่จำไว้เลยนะครับว่าโลกคริปโตเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูงมากๆ ราคา uni coin ขึ้นลงได้แรงและเร็วมาก เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลยทีเดียว
ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจลงทุนใน uni coin หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ หรือแม้แต่จะลองเข้าไปใช้โปรโตคอล Uniswap ในฐานะผู้ให้สภาพคล่อง ‘ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้านด้วยตัวเอง’ (Do Your Own Research หรือ DYOR) นะครับ ไม่ใช่ฟังใครบอกมาแล้วเชื่อหมด หรือเห็นราคามันวิ่งแรงๆ แล้วรีบกระโดดตาม การดูข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออย่าง CoinMarketCap, CoinGecko, TradingView หรือข้อมูลเชิงลึกจาก Defi Llama ก็เป็นสิ่งสำคัญครับ ทำความเข้าใจว่าโปรโตคอลทำงานยังไง ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง และเรายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ลงทุนเท่าที่รับความเสี่ยงได้และเป็นเงินเย็นที่เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในระยะสั้นนะครับ อย่าเอาเงินเก็บทั้งชีวิตมาลงทีเดียวเด็ดขาด! ความผันผวนของ uni coin และตลาดคริปโตฯ โดยรวมนั้นสูงมากจริงๆ ครับ ถ้าสนใจจะลองดูการเคลื่อนไหวของ uni coin หรือโทเค็นอื่นๆ บางแพลตฟอร์มการซื้อขายระดับสากลก็มีให้บริการอยู่ ลองศึกษาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มเปรียบเทียบกันดูได้ครับ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีสติและปลอดภัยนะครับ!