เคยสงสัยไหมว่า ไอ้เจ้าเม็ดสีส้มๆ เหลืองๆ ที่วางอยู่บนข้าวซูชิในร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียม แล้วราคาพุ่งปรี๊ดถึงกับต้องมองกระเป๋าตังค์ซ้ำสองเนี่ย มันคืออะไรกันแน่? หลายคนอาจจะคุ้นหูในชื่อว่า “อูนิ” หรือที่จริงแล้วมันก็คือ “ไข่หอยเม่น” นั่นแหละ แต่ทำไมไข่หอยเม่นธรรมดาๆ ถึงกลายเป็นวัตถุดิบระดับไฮเอนด์ที่ใครๆ ก็อยากลิ้มลองได้ล่ะ? ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่ชอบสอดส่องเรื่องราวที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ซ่อนมูลค่าทางเศรษฐกิจ วันนี้เราจะมาไขความลับของเจ้าก้อนสีเหลืองทองจากท้องทะเลนี้กัน

เอาจริงๆ นะ การที่ uni คือ ของแพงเนี่ย มันมีเหตุผลรองรับหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ตั้งราคาตามใจชอบเหมือนบางร้านขายเครื่องดื่มยอดฮิตนะ ปัจจัยแรกเลยคือ **ความหายากและการเก็บเกี่ยวที่แสนจะลำบาก** คุณลองนึกภาพตามนะ หอยเม่นเนี่ย มันไม่ได้มาให้จับง่ายๆ เหมือนปลาทูตามอวนทั่วไปนะจ๊ะ กว่าจะได้ uni แต่ละกล่องมาวางบนเคาน์เตอร์ซูชิเชฟ คือต้องใช้นักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ ดำลงไปในทะเลที่บางครั้งก็ลึกและหนาวเย็น แล้วเก็บหอยเม่นขึ้นมาทีละตัวด้วยมือเปล่า! ใช่ ฟังไม่ผิด มือเปล่า! แถมต้องระวังหนามแหลมๆ ของมันอีกนะ ไม่ใช่แค่จับขึ้นมาแล้วจบ กระบวนการต่อมาคือ **การแปรรูปที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนขั้นสุด** พอได้หอยเม่นมาแล้วก็ต้องนำมาแกะเปลือกแข็งๆ ออกอย่างระมัดระวังสุดๆ เพื่อไม่ให้เนื้อ uni หรือไข่ของมันเสียหาย เพราะ uni เนี่ย บอบบางจะตาย ไม่ได้งุ้งงิ้งงองแงเหมือนไข่ไก่บ้านเรานะจ๊ะ แกะเสร็จก็ต้องคัดเกรดอีก ว่าอันไหนสวย เนื้อแน่น สีดี กลิ่นดี อันไหนไม่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ทำด้วยมือคนทั้งนั้น ไม่ได้มีเครื่องจักรอัตโนมัติมาช่วยแบบสายพานการผลิตโรงงานไหนๆ เลย

นอกจากความยากลำบากในการเก็บเกี่ยวและแปรรูปแล้ว **ปริมาณ uni ที่ได้จากหอยเม่นหนึ่งตัวก็มีจำกัดมาก** แถมแหล่งที่เจอหอยเม่นคุณภาพดีๆ ที่ให้ uni รสชาติอร่อย เนื้อสัมผัสเยี่ยม ก็มีจำกัดอยู่แค่บางพื้นที่ของโลกเท่านั้น โดยเฉพาะแถบฮอกไกโดของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่ง uni ชั้นเลิศ และที่สำคัญสุดๆ คือ **uni เนี่ย เสียง่ายมาก!** เหมือนนางงามที่บอบบาง ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา อายุการเก็บรักษาก็สั้นมากๆ ด้วย ทำให้การขนส่งและการจัดการต้องทำอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนตรงนี้ก็พุ่งปรี๊ดตามไปด้วย แต่ถึงจะแพงและหายากแค่ไหน uni ก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ทั้งหลาย นี่แหละคือเหตุผลรวมๆ ที่ทำให้ uni คือ วัตถุดิบที่มีราคาสูงลิ่วตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางเลยทีเดียว

แล้ว uni แบบไหนล่ะที่เรียกว่า “ดี” และมีผลกับราคา? ไม่ใช่ว่าไข่หอยเม่นทุกก้อนจะเหมือนกันนะจ๊ะ uni ที่มีราคาสูงและเป็นที่ต้องการต้องดูที่ **คุณภาพและความสด** เป็นหลักเลยนะ uni ที่สดใหม่จริงๆ ต้องมีสีเหลืองทองไปจนถึงสีส้มเข้มๆ ดูมีน้ำมีนวล ไม่ใช่สีซีดๆ หรือออกดำคล้ำ เนื้อสัมผัสต้องแน่นเป็นกลีบๆ ไม่เละ ไม่เหลวเป็นน้ำ แล้วก็ต้องมีกลิ่นหอมทะเลอ่อนๆ ไม่ใช่กลิ่นคาวรุนแรงหรือกลิ่นแปลกๆ เหมือนของเสีย ถ้าเจอ uni สีคล้ำๆ เนื้อเละๆ มีน้ำเยิ้มๆ หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ อันนั้นคือ uni ที่ไม่สดแล้ว กินไปอาจจะเจอรสขมๆ ไม่ได้รสชาติอร่อยหวานละมุนแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งแน่นอนว่า uni ที่คุณภาพดี สดใหม่ และมีลักษณะตรงตามเกณฑ์พวกนี้แหละ ที่จะถูกจัดอยู่ใน **เกรดคุณภาพสูง** เช่น Premium Grade หรือ Grade AA ในขณะที่ uni ที่คุณภาพรองลงมาหน่อยก็จะเป็น Grade B หรือ C ซึ่งราคาก็จะย่อมเยากว่าตามคุณภาพนั่นเอง ดังนั้น เวลาสั่ง uni หรือเลือกซื้อ uni กลับไปทานเอง ต้องสังเกตพวกนี้ให้ดีเลยนะ จะได้ไม่เสียเงินฟรีกับของที่ไม่คุ้มค่า

นอกจากเรื่องความสดและคุณภาพแล้ว **สายพันธุ์ของ uni** ก็มีผลกับรสชาติ คาแรคเตอร์ และแน่นอน…ราคา! uni มีหลายสายพันธุ์มากๆ แต่ที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันดีก็มีอยู่ไม่กี่ชนิด อย่างเช่น **บาฟุน อูนิ** (Bafun Uni) ตัวนี้จะค่อนข้างเล็ก สีส้มเข้ม รสชาติจะออกหวานเค็มกลมกล่อม มีกลิ่นอูมามิชัดเจน มักจะพบเยอะในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน อีกตัวที่ดังมากๆ คือ **มุราซากิ อูนิ** (Murasaki Uni) ตัวนี้จะใหญ่กว่าบาฟุน พบได้เยอะที่สุดในญี่ปุ่นเลย เนื้อจะออกครีมมี่ๆ รสชาติหวานละมุน เค็มน้อย คาวน้อย สีเหลืองสดใส ฤดูของเขาคือช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนะ ยังมีสายพันธุ์อื่นๆ อีก อย่าง **อากะ อูนิ** (Aka Uni) ตัวเล็กสุด รสหวาน เนื้อแน่น หรือ **คิตะ-มุราซากิ อูนิ** (Kita-Murasaki Uni) เนื้อละเอียดอ่อนกว่ามุราซากิ รสหวานกว่านิดๆ หรือ **เอโซะ บาฟุน อูนิ** (Ezo-Bafun Uni) สีส้มอมเหลืองเข้ม มีกลิ่นเฉพาะตัว เนื้อครีมมี่ ตัวนี้เจอได้ช่วงฤดูหนาว ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์นู่นเลยนะ การที่ uni แต่ละสายพันธุ์มีรสชาติ เนื้อสัมผัส และฤดูกาลที่แตกต่างกัน ทำให้บางช่วงเวลาหรือบางสายพันธุ์อาจจะหายากกว่า คุณภาพดีกว่า ก็ส่งผลให้ราคาสูงกว่าตามไปด้วยไงล่ะ

แล้วถ้าเราอยากลอง uni จะไปหาได้ที่ไหนบ้าง? ช่องทางการจำหน่าย uni ก็มีหลากหลายนะ ที่คุ้นเคยกันดีก็ต้องเป็น **ร้านอาหารญี่ปุ่น** ระดับต่างๆ ตั้งแต่ร้านซูชิทั่วไป ร้านซาชิมิ ไปจนถึงร้านโอมากาเสะที่เชฟจะคัดสรร uni คุณภาพดีที่สุดมาเสิร์ฟให้เราได้ลิ้มลองกันแบบคำต่อคำ เมนูยอดฮิตที่ใช้ uni ก็หนีไม่พ้น **ซูชิ uni** คำโตๆ วางไข่หอยเม่นแน่นๆ บนข้าว หรือ **ซาชิมิ uni** ที่ได้สัมผัสรสชาติ uni แบบเต็มๆ คำ ใครชอบข้าวหน้าต่างๆ ก็ต้องลอง **อูนิด้ง** ที่โปะ uni มาแบบจุกๆ เต็มชาม หรือบางทีเราอาจจะเจอเมนู fusion อย่าง **พาสต้า uni** หรือซุปใสที่ใส่ uni ก็ได้นะ นอกจากร้านอาหารแล้ว ถ้าอยากซื้อ uni สดๆ คุณภาพดีกลับไปทำเองที่บ้าน ก็สามารถหาซื้อได้ตาม **ตลาดปลา** ใหญ่ๆ หรือเดี๋ยวนี้ก็สะดวกมากๆ มี **ร้านค้าออนไลน์** หลายเจ้าที่นำเข้า uni คุณภาพพรีเมียมมาขายถึงหน้าบ้านเลย เช่นพวก J-Gourmet หรือ Kabocha Sushi Delivery ที่มีบริการส่งวัตถุดิบถึงที่ การที่ uni มักถูกใช้ในเมนูที่มีราคาสูง ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงมูลค่าและความเป็นวัตถุดิบพรีเมียมของมันจริงๆ

**แต่เดี๋ยวก่อน!** ถ้าคุณลองค้นหาคำว่า “uni คือ” บน Google หรือตามโซเชียลมีเดีย คุณอาจจะเจออีกอย่างที่ไม่ใช่ไข่หอยเม่นนะจ๊ะ นั่นคือ **เหรียญ UNI** ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัล (Digital Asset) หรือที่เรียกกันในวงการคริปโตฯ ว่า Governance Token ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Exchange – DEX) ชื่อดัง **Uniswap (ยูนิสวอป)** แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นโดย Hayden Adams ซึ่ง Uniswap และเหรียญ UNI เนี่ยมีบทบาทสำคัญในโลกของการเงินแบบกระจายอำนาจ หรือ DeFi (Decentralized Finance) มากๆ เหรียญ UNI ใช้สำหรับให้ผู้ถือมีสิทธิ์ในการออกเสียงและบริหารจัดการทิศทางของแพลตฟอร์ม Uniswap ซึ่งมูลค่าตลาดของเหรียญ UNI เนี่ยก็ค่อนข้างสูงในกลุ่มเหรียญ DeFi เลยล่ะ **อันนี้ย้ำอีกทีนะว่า เหรียญ UNI ในโลกคริปโตฯ เนี่ย คนละเรื่องกับ อูนิ หรือไข่หอยเม่นที่เรากินกันนะจ๊ะ** ไม่เกี่ยวกันเลย แค่บังเอิญใช้ชื่อที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า UNI เหมือนกันเฉยๆ

สรุปแล้ว อูนิ หรือไข่หอยเม่น คือ วัตถุดิบพรีเมียมจากทะเลที่มีราคาสูงลิ่ว ด้วยเหตุผลหลายประการ ตั้งแต่ความยากลำบากในการได้มา ความบอบบางของตัววัตถุดิบ ปริมาณที่จำกัด ความต้องการที่สูง ไปจนถึงคุณภาพและสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน uni คือ ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าได้ลอง uni คุณภาพดี สดใหม่ เนื้อแน่น รสชาติหวานละมุน มันก็คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปนะ ถ้าอยากลอง ควรเลือกร้านหรือแหล่งที่เชื่อถือได้ สังเกตความสดและลักษณะภายนอกให้ดี จะได้ไม่ผิดหวัง และจำไว้ให้แม่นว่า อูนิ ไข่หอยเม่นที่กินเนี่ย คนละตัวกับเหรียญ UNI ในตลาดคริปโตฯ นะจ๊ะ

⚠️ **ข้อควรรู้:** ราคา uni อาจผันผวนตามฤดูกาล แหล่งที่มา และคุณภาพ การเลือกร้านหรือแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้รับ uni คุณภาพดีสมราคา ส่วนการลงทุนในเหรียญ UNI ในโลกคริปโตเคอร์เรนซี เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงมาก ควรศึกษาข้อมูลของแพลตฟอร์ม Uniswap และเหรียญ UNI ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ ไม่เหมาะกับผู้ที่สภาพคล่องทางการเงินไม่สูง หรือผู้ที่รับความเสี่ยงไม่ได้นะจ๊ะ!