คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

KUB คืออะไร? เจาะลึกเหรียญไทยที่นักลงทุนต้องรู้!

ช่วงนี้เดินไปไหนมาไหนในวงการคริปโทฯ ก็มักจะได้ยินชื่อเหรียญตัวหนึ่งที่ถูกพูดถึงกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะในไทย หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า “kubคือ…” แล้วมันคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงน่าสนใจ? วันนี้ในฐานะคอลัมนิสต์การเงิน ขอพาทุกคนมาเจาะลึกเหรียญสัญชาติไทยแท้ๆ ที่มีชื่อว่า KUB หรือ Bitkub Coin เดิม ให้เข้าใจแบบง่ายๆ กันครับ

ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกันหน่อยว่าไอ้เจ้า “kubคือ” อะไรกันแน่ในเชิงเทคนิคแบบง่ายๆ มันคือเหรียญประจำเครือข่าย หรือ Native Token และเป็นเหรียญยูทิลิตี้ หรือ Utility Token ของ KUB Chain ครับ ซึ่งชื่อเดิมของมันคือ Bitkub Coin บนเครือข่ายที่ชื่อ Bitkub Chain พัฒนาโดยคนไทยนี่แหละครับ โดยบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เขาเริ่มลุยโครงการนี้มาตั้งแต่ 28 เมษายน 2564 โน่นเลยนะ แล้วทำไมชื่อถึงเปลี่ยนล่ะ? เขาเปลี่ยนจาก Bitkub Chain มาเป็น KUB Chain เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 ครับ อันนี้เป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ระดับสากล และสื่อถึงความเป็นบล็อกเชนสาธารณะ (Public Blockchain) เต็มตัว พูดง่ายๆ คืออยากให้คนทั่วโลกรู้จักและเข้ามาใช้มากขึ้นนั่นเองครับ สรุปสั้นๆ คือ kubคือ หัวใจและส่วนประกอบสำคัญของระบบนิเวศ KUB Chain ที่พัฒนาโดยคนไทยนี่แหละ

แล้วเหรียญ “kubคือ” เอาไปทำอะไรได้บ้างล่ะ? อย่างแรกที่สำคัญสุดๆ เลยคือ มันถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียม หรือ Gas Fee ในการทำธุรกรรมต่างๆ บน KUB Chain ครับ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเหรียญ โอนสินทรัพย์ดิจิทัล การจัดเก็บข้อมูล หรือแม้แต่การใช้งาน Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) บนแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (DApp) ต่างๆ ถ้าไม่มีเหรียญ KUB ระบบมันก็ทำงานไม่ได้ เหมือนจะขับรถต้องมีน้ำมันนั่นแหละครับ ค่าธรรมเนียม Gas นี่แหละคือหน้าที่หลักที่ทำให้การประมวลผลบนเครือข่ายเกิดขึ้นได้จริงๆ นอกจากนี้ “kubคือ” ยังมีบทบาทในการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายด้วยระบบ Proof-of-Stake (PoS) ครับ ใครถือเหรียญเยอะๆ ก็เอาไป Stake (ล็อกเหรียญไว้) เพื่อมีสิทธิ์เป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validators) หรือมอบสิทธิ์ให้คนอื่นไปตรวจสอบแทน (Delegators) กลไกนี้ทำให้เครือข่ายแข็งแกร่งและกระจายศูนย์มากขึ้นครับ แถมผู้ถือเหรียญยังมีสิทธิ์ได้รับเหรียญ gKUB เพื่อเอาไปร่วมโหวตออกเสียงในเรื่องสำคัญๆ ของชุมชน KUB Chain ได้อีกด้วย เรียกว่ามีส่วนร่วมในการกำกับดูแลระบบนิเวศเลยนะ

ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคจ๋าๆ นะครับ “kubคือ” ยังมีประโยชน์ในโลกจริงที่จับต้องได้มากกว่านั้นอีก อย่างผู้ใช้งานบน Bitkub.com กระดานเทรดชื่อดัง ก็สามารถใช้เหรียญ KUB แลกเป็น Fee Credit เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายได้ (อันนี้มีมาตั้งแต่เวอร์ชันแรกๆ เลย) หรือใครชอบกิจกรรมสนุกๆ ก็มี Lock & Drop ผ่านแอปฯ Bitkub NEXT ที่ให้เราเอาเหรียญ KUB ไปฝากไว้ แล้วรับรางวัลจากพาร์ตเนอร์ต่างๆ ได้อีกด้วย กลไกนี้ก็สร้างแรงจูงใจให้คนถือเหรียญและส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรครับ ส่วนการใช้งานกับพันธมิตร ต้องย้ำตรงนี้หน่อยนะครับว่า “kubคือ” ถูกนำไปใช้แลกสินค้าหรือบริการจากพันธมิตรเพื่อกิจกรรมทางการตลาดเท่านั้น ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการชำระราคาทั่วไปนะครับ แต่ที่เจ๋งคือ “kubคือ” เป็นสื่อกลางในการใช้งานโปรเจกต์ต่างๆ ที่อยู่บน KUB Chain เพียบเลยครับ ทั้ง Bitkub Metaverse (โลกเสมือน), Bitkub NFT (ตลาดซื้อขายงานศิลปะดิจิทัล), Creator Studio (แพลตฟอร์มสร้างสรรค์คอนเทนต์), เกมบล็อกเชนดังๆ อย่าง Morning Moon Village หรือ Dice Kingdom รวมถึง DApp อื่นๆ อีกมากมาย เราใช้ KUB ในการซื้อขายไอเท็ม เป็นเจ้าของที่ดินในเกม หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้หมดเลยครับ พูดง่ายๆ คือ “kubคือ” เป็นเหรียญหลักที่ขับเคลื่อนกิจกรรมและสร้างคุณค่าในระบบนิเวศที่หลากหลายนี้ครับ

ทีนี้มาดูเรื่องจำนวนเหรียญกันบ้างครับ เดิมที “kubคือ” มีจำนวนมหาศาลถึง 1,000 ล้านเหรียญเลยนะ แต่มีการเผาเหรียญครั้งใหญ่ไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 จำนวน 890 ล้านเหรียญ ทำให้ตอนนี้จำนวนเหรียญ KUB ทั้งหมดถูกจำกัดอยู่ที่ 110 ล้านเหรียญเท่านั้นครับ การเผาครั้งนั้นก็เพื่อลดจำนวนซัพพลายในตลาด และสอดคล้องกับการปรับ Gas Price (ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม) ให้ถูกลงในอดีต เพื่อกระตุ้นให้คนเข้ามาใช้งานมากขึ้นครับ ส่วนเรื่องการจัดสรรเหรียญ KUB ที่เหลืออยู่ 110 ล้านเหรียญนี้ ก็มีการปรับเปลี่ยนแผนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันครับ แผนเดิมก็มีหลายส่วนนะ ทั้งงบสำหรับระบบนิเวศ การพัฒนาเครือข่าย สำรองบริษัท สภาพคล่อง หรือแม้แต่ Airdrop ซึ่งบางส่วนก็ดำเนินการไปแล้ว และตอนนี้มีการรวมงบประมาณบางส่วนไว้ในชื่อ “งบประมาณการพัฒนาบล็อกเชนอย่างยั่งยืน” หรือ Sustainable Blockchain Development Fund ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อการพัฒนาเครือข่ายระยะยาวครับ ณ วันที่ 25 มีนาคม 2565 มีเหรียญ “kubคือ” ที่หมุนเวียนในระบบประมาณ 68-85 ล้านเหรียญ (ตัวเลขจากแหล่งข้อมูลอาจต่างกันเล็กน้อย) แสดงว่ายังมีอีกส่วนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบหมุนเวียนตามแผนการจัดสรรนะ

เบื้องหลังความเจ๋งของ “kubคือ” ก็มาจากเทคโนโลยี KUB Chain นี่แหละครับ เขาออกแบบมาให้เข้ากันได้กับ Ethereum Virtual Machine หรือ EVM Compatibility ครับ อันนี้ดีต่อนักพัฒนามากๆ เพราะเขียนแอปฯ ได้ง่ายขึ้น ใช้เครื่องมือคล้ายๆ กับที่เขียนบน Ethereum ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดครับ ระบบการทำงานของ KUB Chain ใช้กลไก Proof-of-Stake หรือ PoS ครับ ซึ่งกำลังจะพัฒนาเต็มรูปแบบ จากเดิมที่เป็น Proof of Authority (PoA) ในช่วงแรก แล้วก็ Proof of Staked Authority (PoSA) การใช้ PoS นี่แหละที่ทำให้การประมวลผลบล็อกรวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ ตอบโจทย์การใช้งานในประเทศได้ดีครับ มาตรฐานการสร้างเหรียญหรือสินทรัพย์ดิจิทัลบน KUB Chain เรียกว่า KAP-20 ครับ พัฒนาขึ้นเองโดยทีมงานบิทคับนี่แหละ มีคุณสมบัติพื้นฐานเทียบเท่า ERC-20 บน Ethereum ครับ เป้าหมายสำคัญของ KUB Chain คือการผลักดันให้เกิดการใช้งานจริงในภาคธุรกิจครับ หรือที่เราเรียกว่า Real Business Use Case รวมถึงการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงเป็นดิจิทัล หรือ Real World Asset Tokenization เช่น เอาโฉนดที่ดินมาแปลงเป็นโทเคนอะไรแบบนี้ ซึ่งถ้าทำได้จริง “kubคือ” ก็จะมีบทบาทสำคัญในวงกว้างขึ้นไปอีกครับ นี่คือทิศทางที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ประโยชน์ในโลกธุรกิจจริง

มาถึงเรื่องที่หลายคนสนใจสุดๆ นั่นคือราคาของ “kubคือ” ครับ เหรียญเปิดตัวให้ซื้อขายอย่างเป็นทางการเมื่อ 20 พฤษภาคม 2564 ด้วยราคาเริ่มต้น 30 บาท ตอนนั้นมีจำนวนเหรียญตั้งต้นถึง 1,000 ล้านเหรียญเลยนะ วิธีการออกเหรียญก็ไม่ธรรมดาครับ เขาใช้วิธี Airdrop ส่วนหนึ่ง แล้วก็นำมาขายบนกระดานของ Bitkub เอง ไม่ผ่าน ICO Portal แบบที่เหรียญอื่นๆ ทำกัน ซึ่งวิธีนี้ในตอนนั้นไม่ได้เข้าข่าย ICO ภายใต้หลักเกณฑ์ ก.ล.ต. แต่ประเด็นนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์คุมเข้มเรื่องการออกเหรียญลักษณะนี้ในภายหลัง ซึ่งจะมีผลกับ Exchange อื่นๆ ในอนาคตครับ หลังเปิดตัว ราคา KUB ก็มีขึ้นมีลงครับ มีช่วงที่ต่ำกว่า 30 บาทด้วยซ้ำ ก่อนจะขยับขึ้นหลังข่าวการเผาเหรียญ และพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ ก็คือข่าวใหญ่ที่ SCB ประกาศจะเข้ามาซื้อกิจการ Bitkub Online ครับ จำได้ไหมครับ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ราคา KUB ปิดที่ 32.84 บาท แต่พอวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 วันที่ข่าว SCB ออก ราคาปิดพุ่งไปที่ 77.28 บาท! เพิ่มขึ้นกว่า 135% ในวันเดียว และหลังจากนั้นราคาก็เคยขึ้นไปสูงกว่าสิบเท่าจากจุดต่ำสุดบางช่วงหลังข่าว SCB ด้วยซ้ำ นี่คือตัวอย่างชัดๆ ว่าปัจจัยสำคัญ เช่น การลด Supply และข่าวการลงทุนขนาดใหญ่ มีผลกระทบโดยตรงต่อราคา “kubคือ” ครับ

ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล เรื่องกฎกติกาสำคัญมากครับ แน่นอนว่า “kubคือ” และ KUB Chain อยู่ภายใต้บริบทการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ครับ อย่างที่เล่าไป หลังการออกเหรียญ KUB ทาง ก.ล.ต. ก็ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์ใหม่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ห้าม Exchange ลิสต์เหรียญบางประเภท รวมถึงเหรียญที่ออกโดยศูนย์ซื้อขายเอง ซึ่งเหรียญ KUB เข้าข่ายนี้ แต่ประกาศไม่มีผลย้อนหลังครับ ก็ถือเป็นบทเรียนและเป็นเกณฑ์สำหรับโครงการอื่นๆ ในอนาคตครับ สำหรับอนาคตของ KUB Chain แผนคือจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ KUB Foundation หรือรูปแบบองค์กรอื่นที่ทำให้เครือข่ายเป็นบล็อกเชนสาธารณะที่มีความเป็นกระจายศูนย์ (Decentralized Public Blockchain) มากขึ้นครับ อันนี้ก็ต้องศึกษาข้อกฎหมายทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างรอบคอบเลย แสดงให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาที่กำลังมุ่งสู่ความเป็นอิสระและกระจายศูนย์มากขึ้น โดยคำนึงถึงข้อกำหนดทางกฎหมายด้วย เรื่องน่ารู้อีกอย่างคือ บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนา KUB Chain เนี่ย ไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. แบบเดียวกับ Bitkub Online ที่เป็น Exchange นะครับ อันนี้ก็เป็นความแตกต่างทางกฎหมายที่น่าสนใจครับ

สรุปแล้ว “kubคือ” ก็คือหัวใจสำคัญของ KUB Chain เป็นมากกว่าแค่เหรียญเก็งกำไร เพราะมีอรรถประโยชน์หลากหลาย ทั้งเป็นค่าธรรมเนียม การรักษาความปลอดภัย การมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ ไปจนถึงการนำไปใช้กับโปรเจกต์ต่างๆ สำหรับใครที่สนใจเหรียญ KUB หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง (DYOR – Do Your Own Research) ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงมากๆ ราคาอาจขึ้นลงแรงได้จากปัจจัยหลากหลาย ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ระบบนิเวศ ข่าวสาร หรือแม้แต่กฎเกณฑ์ของทางการ

⚠️ คำแนะนำเพิ่มเติม: หากสภาพคล่องทางการเงินของท่านไม่สูง หรือไม่พร้อมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หรืออาจเริ่มจากการศึกษาระบบนิเวศ KUB Chain ผ่านการใช้งาน DApp ต่างๆ ดูก่อนก็ได้ครับ ไม่ว่าอนาคตของ “kubคือ” จะเป็นอย่างไร การทำความเข้าใจพื้นฐานและบทบาทของมันในระบบนิเวศ KUB Chain ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจครับ

LEAVE A RESPONSE