คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

CTXC Coin คืออะไร? ไขปมดราม่า บิทคับ บทเรียนลงทุน AI คริปโต

ช่วงนี้ถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีสุดล้ำที่มาแรงแซงทุกโค้ง หลายคนคงนึกถึง “ปัญญาประดิษฐ์” หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า AI ใช่ไหมครับ? ตั้งแต่มี ChatGPT หรืออะไรต่อมิอะไรออกมาให้ลองใช้กัน กระแส AI ก็จุดติดแบบไฟไหม้ฟางไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปกติก็หวือหวาอยู่แล้ว พอสองเรื่องนี้มาเจอกัน มันก็ยิ่งน่าสนใจว่าจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นได้บ้าง และหนึ่งในโปรเจกต์ที่หยิบเอา AI มาผสานกับโลกของบล็อกเชน (Blockchain) แบบจริงจัง ก็คือโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า Cortex นี่แหละครับ

ถ้าจะให้ตอบง่ายๆ ว่า ctxc coin คือ อะไร ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเหรียญประจำแพลตฟอร์ม Cortex ครับ ซึ่งตัว Cortex เองนี่ไม่ใช่แค่เหรียญนะ แต่เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนแบบ Open-source ที่เปิดให้นักพัฒนาหรือใครก็ตามที่มีไอเดีย อยากเอา AI มาใช้งานบนบล็อกเชน สามารถเข้ามาสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Applications หรือ DApps) ได้เลย ลองนึกภาพว่าบล็อกเชนเป็นเหมือนระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ทำงานแบบกระจายตัว ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของใครคนใดคนหนึ่ง แล้ว Cortex ก็คือการเอา “สมอง” (AI) มาใส่เข้าไปในระบบนี้ ทำให้โปรแกรมอัจฉริยะบนบล็อกเชน หรือที่เรียกว่า สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) เนี่ย สามารถทำงานได้ซับซ้อนขึ้น ฉลาดขึ้น ด้วยความสามารถของ AI นั่นเองครับ จุดเด่นของ Cortex คือเขามองว่า AI ที่ทำงานแบบกระจายอำนาจบนบล็อกเชนจะมีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะข้อมูลหรือโมเดล AI ไม่ได้ถูกผูกขาดอยู่ที่ศูนย์กลาง แต่กระจายตัวอยู่บนเครือข่าย นอกจากนี้ เขายังมองว่าจะช่วยลดต้นทุนการประมวลผล AI ลงได้ด้วยนะ เพราะเป็นการใช้พลังของเครือข่ายร่วมกัน แถมยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้นักพัฒนาโมเดล AI ได้แบ่งปันผลงานและรับรางวัลตอบแทน โดยไม่ต้องกลัวทรัพย์สินทางปัญญาจะถูกขโมยไปง่ายๆ ฟังดูเป็นโลกอนาคตที่น่าตื่นเต้นใช่ไหมล่ะครับ

ทีนี้กลับมาที่ ctxc coin คือ หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มนี้ครับ เจ้าเหรียญ CTXC นี่มีหน้าที่หลากหลายเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมในการส่งข้อมูลหรือโมเดล AI เข้าไปในเครือข่าย หรือแม้แต่ค่าธรรมเนียมในการ “เรียกใช้งาน” โมเดล AI เหล่านั้น เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนเป็นค่าน้ำมันที่จะต้องใช้ขับเคลื่อนระบบ Cortex นั่นแหละครับ นอกจากนี้ CTXC ยังเป็นรางวัลตอบแทนให้กับผู้ตรวจสอบ (Validator) ที่ช่วยดูแลความถูกต้องและปลอดภัยของเครือข่ายด้วย เหรียญ CTXC นี่เขาเปิดขายครั้งแรกแบบ ICO (Initial Coin Offering) ตั้งแต่ปี 2018 แล้วก็มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 299,792,458 CTXC ครับ ทีมผู้สร้าง Cortex นี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญตัวจริงด้าน AI, บล็อกเชน และวิทยาการคอมพิวเตอร์ นำทีมโดย Dr. Ziqi Chen (ซีอีโอ) และ Dr. Weiyang Wang (ซีทีโอ) ซึ่งมีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีล้ำๆ มาเพียบ การมีทีมที่แข็งแกร่งแบบนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่นักลงทุนมักจะนำมาพิจารณาเมื่อดูศักยภาพของโปรเจกต์ครับ

แต่สิ่งที่ทำให้ชื่อของ CTXC เป็นที่รู้จักในวงกว้างในประเทศไทยจริงๆ (อาจจะไม่ได้ด้วยดีนัก) ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนกระดานเทรด Bitkub เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2021 ครับ วันนั้นเป็นวันที่ราคาเหรียญ CTXC บน Bitkub พุ่งขึ้นแบบบ้าคลั่งชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ลองนึกภาพดูนะครับ ราคาเปิดประมาณ 7.4 บาท อยู่ดีๆ ก็พุ่งเอาๆ ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 488 บาท ภายในวันเดียว! คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นกว่า 6,400% เลยทีเดียว มันไม่ใช่แค่พุ่ง แต่เรียกว่า “พุ่งปรี๊ด” แบบไร้เหตุผลรองรับทางปัจจัยพื้นฐานของโปรเจกต์เลยก็ว่าได้ครับ เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการ และแน่นอนว่ามันดึงดูดนักเทรดจำนวนมากที่เห็นราคาพุ่งแรงๆ ก็อดใจไม่ไหว กระโดดเข้าไปซื้อ โดยเฉพาะคนที่ซื้อที่ราคาสูงๆ ในช่วงท้ายๆ ของวัน เหมือนขึ้นไป “ติดดอย” สูงสุด โดยไม่ทันได้ขายทำกำไรหรือแม้แต่เท่าทุนด้วยซ้ำ พอมันขึ้นไปสุดแล้ว ราคาก็ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่เข้าไปซื้อในช่วงพีควันนั้น ขาดทุนกันไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียวครับ หลายคนเสียเงินลงทุนไปไม่น้อย เป็นบทเรียนราคาแพงที่แสดงให้เห็นถึงความผันผวนและความเสี่ยงในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างชัดเจน

จากเหตุการณ์ราคา CTXC พุ่งสูงและร่วงลงอย่างรุนแรงในวันเดียว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจจากนักเทรดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก Bitkub ในฐานะผู้ให้บริการกระดานเทรด ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจครับ เขาได้ออกมาประกาศ “มาตรการเยียวยา” สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้โดยเฉพาะ เงื่อนไขคือจะต้องเป็นผู้ที่ทำการซื้อเหรียญ CTXC บน Bitkub ในวันที่ 8 มกราคม 2021 (ตั้งแต่เวลา 00:00:01 น. ถึง 23:59:59 น.) และยังไม่ได้รับเงินทุนคืน หรือยังไม่ได้ทำกำไรจากการขายเหรียญดังกล่าวเป็นเงินบาทเลย ถ้าเข้าเงื่อนไขนี้ ทาง Bitkub ก็จะมีแนวทางช่วยเหลือครับ

มาดูรายละเอียดของมาตรการชดเชยจาก Bitkub กันหน่อยนะครับ สำหรับผู้ที่ซื้อ CTXC ในวันที่ 8 มกราคม 2021 แล้วยังไม่ได้ขายเหรียญออกไปเลย Bitkub จะชดเชยเป็นเงินเท่ากับจำนวนเงินทุนทั้งหมดที่ใช้ซื้อในวันนั้นคืนให้ครับ แต่ถ้านักเทรดคนไหนที่ซื้อในวันดังกล่าวแล้วได้ขายเหรียญออกไปบางส่วนหรือทั้งหมดแล้ว แต่เงินที่ได้จากการขายยังไม่เท่ากับ หรือไม่มากกว่าเงินทุนที่ลงไป Bitkub ก็จะชดเชยเป็นเงินส่วนต่างระหว่างเงินทุนกับเงินที่ได้รับจากการขายคืนให้ครับ ฟังดูแล้วก็เป็นมาตรการที่ค่อนข้างครอบคลุมสำหรับผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ นะครับ ที่สำคัญคือ Bitkub ระบุชัดเจนว่าการชดเชยนี้ “ไม่” ใช่การที่บริษัทขอซื้อเหรียญ CTXC ของนักลงทุนคืนนะครับ นักลงทุนที่ได้รับเงินชดเชยนี้ยังคงถือครองเหรียญ CTXC ที่ตัวเองซื้อไว้เหมือนเดิม แค่ได้เงินลงทุนที่เสียไปในวันนั้นคืนกลับมา (หรือส่วนต่าง) เพื่อลดความเสียหายเท่านั้นเอง ซึ่งอันนี้ก็เป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะมูลค่าของเหรียญ CTXC ที่นักลงทุนยังถือครองอยู่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับราคาตลาดในอนาคต ซึ่งปัจจุบันกระดานซื้อ-ขายเหรียญ CTXC บน Bitkub ก็ยังคงถูกระงับอยู่ครับ เพื่อให้ทางบริษัทได้ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกติในวันนั้น และวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต ทาง Bitkub แจ้งว่าจะมีการชดเชยเงินเข้าบัญชีให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและเข้าเงื่อนไข ภายใน 7 วันทำการ โดยจะมีการแจ้งผ่านอีเมลตอบกลับไป อย่างไรก็ตาม Bitkub ก็ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกมาตรการนี้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการประกาศลักษณะนี้ครับ

สรุปแล้ว เรื่องราวของ CTXC บน Bitkub เป็นเหมือนละครสั้นๆ ที่สะท้อนภาพรวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้หลายแง่มุมครับ ตั้งแต่ศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการผสาน AI เข้ากับบล็อกเชน (ซึ่งเป็นเรื่องดี) ไปจนถึงความเสี่ยงอันมหาศาลจากความผันผวนของราคา และความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่ปกติที่อาจเกิดขึ้นบนกระดานเทรด ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนขาดทุนหนักได้อย่างไม่คาดคิด กรณีนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนที่ดีเยี่ยมเลยครับว่า แม้เทคโนโลยีเบื้องหลังอย่าง Cortex และ ctxc coin คือ สิ่งที่น่าสนใจและมีแนวโน้มในอนาคต แต่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยงสูงมากๆ

สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังคิดจะเข้ามาในโลกคริปโทฯ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญไหนก็ตาม รวมถึงเหรียญอย่าง CTXC ในอนาคตหากมีการกลับมาซื้อขายอีกครั้ง บทเรียนจากเหตุการณ์นี้สอนเราอย่างชัดเจนว่า:

1. **ศึกษาข้อมูลให้ดี (Do Your Own Research – DYOR):** ก่อนจะลงทุนในสินทรัพย์ไหน ต้องเข้าใจก่อนว่าโปรเจกต์นั้นคืออะไร ทำงานอย่างไร มีจุดเด่น จุดด้อยตรงไหน อย่าเพิ่งรีบตามกระแสแค่เพราะเห็นราคาพุ่งแรง
2. **เข้าใจความเสี่ยง:** สินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงมาก ราคาสามารถพุ่งขึ้นหรือร่วงลงได้รุนแรงในเวลาอันสั้น มีโอกาสที่จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งจำนวนได้เสมอ
3. **ลงทุนด้วยเงินเย็น:** ใช้เงินที่พร้อมจะสูญเสียไปได้โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือภาระหนี้สิน เพราะถ้าใช้เงินร้อน หรือเงินที่จำเป็นต้องใช้ในอนาคต แล้วเกิดขาดทุนหนักขึ้นมา จะเดือดร้อนมาก
4. **กระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียว

กรณี CTXC และ Bitkub เป็นเหมือนภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยงที่มาพร้อมๆ กัน การมีสติ ศึกษาข้อมูล และบริหารจัดการความเสี่ยง เป็นกุญแจสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราอยู่รอดปลอดภัยในตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ครับ

LEAVE A RESPONSE