คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

ADA: ไขข้อสงสัย! ADA ย่อมาจากอะไร? คริปโทฯ บัญชี และโอกาสที่ต้องจับตา!

สวัสดีครับนักลงทุนและผู้สนใจในโลกการเงินทุกท่าน! ในฐานะนักเขียนคอลัมน์การเงินที่คลุกคลีกับตัวเลขและข่าวสารมานาน ผมมักจะเจอคำถามยอดฮิตจากเพื่อนๆ นักลงทุนเสมอว่า “คุณคอลัมนิสต์ครับ คำว่า ‘เอด้า’ (ADA) ที่ผมเห็นในข่าวเนี่ย มันคืออะไรกันแน่ครับ บางทีก็เห็นว่าราคาพุ่งแรง บางทีก็เห็นเกี่ยวกับเรื่องบัญชี… มันใช่เรื่องเดียวกันไหมครับ?”

เอาล่ะครับ! วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่อง “เอด้า” กันแบบเจาะลึก แต่เข้าใจง่าย เหมือนชวนเพื่อนมานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟเลยทีเดียว เพราะคำว่า “เอด้า” **ada ย่อมาจาก** หลายความหมาย ขึ้นอยู่กับบริบทที่เราเจอ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่อะไรๆ ก็หมุนเร็วไปหมด เราจะพาคุณไปสำรวจทั้งเอด้าในโลกคริปโทเคอร์เรนซี และเอด้าในโลกบัญชีแบบดั้งเดิม พร้อมแง่มุมที่น่าสนใจอื่นๆ รับรองว่าอ่านจบแล้วจะร้องอ๋อแน่นอนครับ

**เอด้า (ADA) ม้าเร็วตัวเก่งแห่งวงการคริปโทฯ: Cardano ผู้มากับความหวังใหม่**

เมื่อพูดถึงคำว่า “เอด้า” (ADA) ในบริบทของสินทรัพย์ดิจิทัล ส่วนใหญ่แล้วมักจะหมายถึงเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของ “คาร์ดาโน” (Cardano) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ได้รับฉายาว่าเป็น “บล็อกเชนยุคที่สาม” ถือกำเนิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2558 โดย ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน (Charles Hoskinson) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม (Ethereum) นั่นเองครับ คุณชาร์ลส์แกมีความฝันอยากสร้างบล็อกเชนที่เหนือกว่าเดิม ทั้งในเรื่องความเร็ว ประสิทธิภาพ ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และที่สำคัญคือความยั่งยืน เขาและทีมจึงใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยเชิงวิชาการเข้ามาเป็นรากฐานในการพัฒนาทุกขั้นตอน ตั้งแต่ความปลอดภัย การขยายขนาด ไปจนถึงความสามารถในการทำงานร่วมกับบล็อกเชนอื่นๆ

หัวใจสำคัญที่ทำให้คาร์ดาโนโดดเด่นคือ “กลไกฉันทามติแบบพิสูจน์การถือครอง” (Proof-of-Stake หรือ PoS) ที่เรียกว่า “โอโรโบรอส” (Ouroboros) ซึ่งต่างจาก “พิสูจน์การทำงาน” (Proof-of-Work หรือ PoW) ที่ใช้พลังงานมหาศาลในการขุดเหรียญ คุณสมบัติของ PoS ทำให้คาร์ดาโนประหยัดพลังงานได้ถึง 99% เมื่อเทียบกับบล็อกเชนแบบ PoW ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ลองนึกภาพว่านี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ประหยัดน้ำมันได้สุดๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปเก่าๆ เลยก็ว่าได้ครับ นอกจากนี้ คาร์ดาโนยังรองรับ “สัญญาอัจฉริยะ” (Smart Contracts) ที่ซับซ้อนผ่านการอัปเกรดอลอนโซ (Alonzo) โดยใช้ภาษาโปรแกรมอย่างพลูตัส (Plutus) หรือมาร์โลว์ (Marlowe) ที่เน้นความปลอดภัยเป็นพิเศษ นี่จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เกิดแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) ต่างๆ ขึ้นมามากมายบนเครือข่ายนี้

แล้วเจ้าเหรียญเอด้า **ada ย่อมาจาก** การใช้งานอะไรบ้างบนเครือข่ายคาร์ดาโน? หลักๆ เลยก็คือมันถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การโอนเหรียญ หรือการรันสัญญาอัจฉริยะบนเครือข่าย นอกจากนี้ ผู้ที่ถือเหรียญเอด้ายังสามารถนำไป “วางค้ำประกัน” หรือที่เรียกว่า “สเตกกิง” (Staking) เพื่อช่วยยืนยันและตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ บนเครือข่าย พร้อมรับผลตอบแทนเป็นรางวัลกลับมา คล้ายกับการที่เรานำเงินไปฝากธนาคารแล้วได้ดอกเบี้ยนั่นแหละครับ แต่ในอนาคต เหรียญเอด้าจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกในฐานะ “โทเคนสำหรับการกำกับดูแล” (Governance Token) ซึ่งจะให้ผู้ถือมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการตัดสินใจทิศทางการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเครือข่ายคาร์ดาโน เหมือนมีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารบริษัทเลยทีเดียว

**เอด้า vs. อีเธอเรียม: ศึกชิงบัลลังก์บล็อกเชน**

หลายคนอาจเคยได้ยินว่าคาร์ดาโนถูกยกให้เป็น “นักฆ่าอีเธอเรียม” (Ethereum Killer) เนื่องจากทั้งสองแพลตฟอร์มต่างก็เป็นบล็อกเชนที่รองรับสัญญาอัจฉริยะเหมือนกัน แต่คุณสมบัติทางเทคโนโลยีนั้นแตกต่างกันพอสมควร ลองมาดูการเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายๆ กันครับ

* **มูลค่าตลาด**: ปัจจุบัน (ข้อมูลปีพุทธศักราช 2568) อีเธอเรียมยังมีมูลค่าตลาดที่สูงกว่าคาร์ดาโนอย่างมีนัยสำคัญ
* **กลไกทางเทคโนโลยี**: อย่างที่กล่าวไปแล้ว คาร์ดาโนใช้ PoS ส่วนอีเธอเรียมแม้จะมีแผนจะเปลี่ยนเป็น PoS ใน “อีทีเอช 2.0” (ETH 2.0) แต่ก็ยังคงใช้ PoW อยู่เป็นหลัก
* **จำนวนธุรกรรมต่อวินาที (Transactions Per Second – TPS)**: คาร์ดาโนรองรับได้ประมาณ 270 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าอีเธอเรียมที่รองรับได้ราว 15 ธุรกรรมต่อวินาทีมาก แถมคาร์ดาโนยังมีโซลูชัน “เลเยอร์สอง” (Layer 2) อย่าง “ไฮดรา” (Hydra) ที่พร้อมจะเพิ่มปริมาณธุรกรรมให้พุ่งไปได้อีกระดับ เหมือนมีช่องทางด่วนพิเศษเพิ่มขึ้นมานั่นเอง
* **ค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ย**: คาร์ดาโนมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ถูกกว่าอีเธอเรียมมาก ทำให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า
* **แนวทางการรับมือกับควอนตัม**: คาร์ดาโนเริ่มพัฒนาเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคตแล้ว แต่อีเธอเรียมยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนนักในเรื่องนี้
* **ปริมาณเหรียญสูงสุด (Max Supply)**: คาร์ดาโนมีกำหนดปริมาณเหรียญสูงสุดที่ 4.5 หมื่นล้านเหรียญ ส่วนอีเธอเรียมไม่มีการกำหนดปริมาณสูงสุด ทำให้ปริมาณหมุนเวียนสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ

แม้ว่าอีเธอเรียมจะเป็นเจ้าตลาดมานาน แต่คาร์ดาโนก็ไม่หยุดนิ่ง มีแผนการพัฒนาที่ชัดเจนและมุ่งมั่นที่จะเติบโตไปอย่างยั่งยืน แผนการพัฒนานี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 ยุค เปรียบเสมือนด่านต่างๆ ที่คาร์ดาโนต้องฟันฝ่าเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด:
1. **ยุคไบรอน (พ.ศ. 2558)**: วางรากฐาน ซื้อขายโอนเหรียญได้
2. **ยุคเชลลีย์ (พ.ศ. 2563)**: เน้นการกระจายอำนาจ ให้ชุมชนเข้ามาช่วยรันเครือข่าย
3. **ยุคโกกูเอ็น (พ.ศ. 2564)**: เพิ่มความสามารถในการรองรับสัญญาอัจฉริยะ ยุคที่เกิด DApps มากมาย
4. **ยุคบาโช (ปัจจุบัน)**: เน้นการขยายขนาด (Scalability) เพื่อรองรับธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการอัปเดตสำคัญอย่าง “วาสิล ฮาร์ดฟอร์ก” (Vasil Hardfork) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2565
5. **ยุควอลแตร์**: ยุคสุดท้ายที่ตั้งเป้าให้คาร์ดาโนเป็นระบบกำกับดูแลที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนอย่างสมบูรณ์ ทำให้เครือข่ายยืนได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาใครเลย

หลังจากการอัปเกรดโกกูเอ็นที่ทำให้คาร์ดาโนรองรับสัญญาอัจฉริยะได้เต็มตัว ระบบนิเวศบนบล็อกเชนคาร์ดาโนก็เติบโตอย่างรวดเร็ว มีโปรเจกต์เด่นๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ซันเดย์สวอป” (SundaeSwap) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange – DEX) คล้ายกับแพนเค้กสวอป (PancakeSwap) หรือ “อาร์ดานา” (Ardana) ที่เป็นโปรเจกต์คล้ายกับมาเกอร์ดาว (MakerDAO) บนอีเธอเรียม นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง “เดดาลัส” (Daedalus Wallet) และโปรเจกต์อื่นๆ อีกนับพันที่กำลังพัฒนาและเปิดตัว เช่น “เมลด์” (MELD) แพลตฟอร์มกู้ยืม หรือ “ดรังเกน ดรากอน เกมส์” (Drunken Dragon Games) ซึ่งเป็นเกมแบบ “เอ็นเอฟที” (NFT) การเติบโตของโปรเจกต์เหล่านี้เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของระบบนิเวศคาร์ดาโนครับ

**ปัจจัยที่ทำให้เอด้า (ADA) ขึ้น-ลง: หุ้นก็ขึ้น-ลงแบบนี้แหละ!**

แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้มูลค่าของเหรียญเอด้า **ada ย่อมาจาก** คาร์ดาโน มันขึ้นๆ ลงๆ ได้นะ? เหมือนกับหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาดครับ มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง:

* **ปริมาณการใช้งานเครือข่าย**: ยิ่งคนใช้เครือข่ายคาร์ดาโนมากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเหรียญ การใช้ DApps หรือการซื้อขาย NFT ก็ยิ่งทำให้ความต้องการเหรียญเอด้าที่ใช้เป็นค่าธรรมเนียมสูงขึ้น ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
* **โปรเจกต์ที่ถูกพัฒนาบนคาร์ดาโน**: การที่โปรเจกต์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจและประสบความสำเร็จเกิดขึ้นบนเครือข่ายคาร์ดาโน จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้มีการใช้งานเครือข่ายมากขึ้น และส่งผลบวกต่อมูลค่าของเอด้า
* **สภาวะเศรษฐกิจและตลาดคริปโทฯ โดยรวม**: แน่นอนว่าอารมณ์ตลาดและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลทุกชนิด รวมถึงเอด้าด้วยครับ ถ้าตลาดเป็นขาขึ้น เอด้าก็มักจะพลอยขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าตลาดซบเซา เอด้าก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน

ข่าวสารล่าสุดในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2568 ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการคริปโทฯ เมื่อมูลค่าเหรียญเอด้าพุ่งขึ้นกว่า 20% และที่น่าจับตาที่สุดคือการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศจัดตั้ง “ยูเอส คริปโท สตราทีจิก รีเซิร์ฟ” (US Crypto Strategic Reserve) หรือคลังสำรองคริปโทฯ เชิงกลยุทธ์ของประเทศ ซึ่งในรายชื่อเหรียญคริปโทฯ ชั้นนำที่ถูกรวมเข้าไว้ในคลังสำรองนี้ก็มี “เอด้า” รวมอยู่ด้วย! นี่แสดงให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกและรับรองศักยภาพของการกระจายอำนาจของเหรียญนี้ในระดับนโยบายของประเทศมหาอำนาจเลยทีเดียวครับ

**เอด้า (ADA) อีกด้านหนึ่ง: ในโลกของบัญชีที่ต้องระมัดระวัง**

ทีนี้ เรามาเปลี่ยนเลนส์มองกันบ้าง เพราะคำว่า “เอด้า” **ada ย่อมาจาก** อย่างอื่นได้อีกนะในโลกการเงินดั้งเดิม หากคุณทำงานบัญชีหรือการเงินองค์กร คุณอาจคุ้นเคยกับคำว่า “เอด้า” (ADA) ในอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือ “แอลละวันซ์ ฟอร์ เดาต์ฟูล แอ็กเคานต์ส” (Allowance for Doubtful Accounts) หรือที่แปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า “บัญชีหนี้สงสัยจะสูญ” นั่นเองครับ

บัญชีหนี้สงสัยจะสูญนี้เป็นส่วนสำคัญในงบดุลของบริษัท มันคือการประมาณการจำนวนเงินที่เราคาดว่าจะไม่สามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้ง่ายๆ พูดง่ายๆ คือ เราขายของไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะเก็บเงินได้ครบทุกบาททุกสตางค์ บัญชีนี้ถูกตั้งขึ้นมาโดยการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ” เพื่อให้งบการเงินมีความโปร่งใสและสะท้อนภาพที่แท้จริงของสถานะลูกหนี้ของบริษัท ไม่ใช่แค่บันทึกรายรับอย่างเดียว แต่ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเก็บหนี้ไม่ได้ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่ารายได้ที่ได้รับนั้นสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจริงครับ เหมือนกับการตั้งสำรองเงินเผื่อฉุกเฉินเอาไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่หน้ามืดตามัวเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา

**เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกการเงิน: AI และระบบอัตโนมัติ ช่วยให้ชีวิตเอด้าๆ ง่ายขึ้น!**

ไม่ว่าจะเป็นเอด้าในโลกคริปโทฯ หรือเอด้าในโลกบัญชี สิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงกันและกำลังเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่คือ “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence – AI) และ “ระบบอัตโนมัติ” (Automation) ครับ ข้อมูลที่เราได้รับมายังได้กล่าวถึง “พลังของไตรเฟกต้า” (Trifecta) ซึ่งก็คือการรวมพลังของระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) และ AI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดในงานการเงินต่างๆ

ลองนึกภาพว่ามี “เจียจีพีที” (GenAI) หรือปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการเงินที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายขึ้น หรือ “เจีย เอีย” (Gen AI) ผู้ช่วยการเงินดิจิทัลที่คอยตอบคำถามและให้คำแนะนำ “เจียดอกส์ เอไอ” (GenDocs AI) สำหรับการประมวลผลเอกสารอัจฉริยะที่ช่วยสแกนบิล ใบเสร็จ หรือสัญญาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หรือแม้กระทั่ง “ระบบอัตโนมัติ เออาร์” (AR Automation) ที่ช่วยจัดการเรื่องบัญชีลูกหนี้ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการเชื่อมโยมกับระบบ “อีอาร์พี” (ERP) ต่างๆ เช่น เจดี เอดเวิร์ดส์ (JD Edwards), แซป (SAP), ออราเคิล (Oracle) และอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้กระบวนการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการหนี้สงสัยจะสูญ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดคริปโทฯ ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้นมากครับ

**บทสรุปและข้อคิดฝากถึงนักลงทุน**

ท้ายที่สุดนี้ จะเห็นได้ว่าคำว่า “เอด้า” **ada ย่อมาจาก** ได้หลายความหมายจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของคาร์ดาโนที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความหวัง หรือบัญชีหนี้สงสัยจะสูญที่สะท้อนถึงความระมัดระวังทางการเงินแบบดั้งเดิม

สำหรับนักลงทุนที่สนใจในเหรียญเอด้า (ADA) ของคาร์ดาโน ผมขอแนะนำว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยง ไม่ใช่เรื่องของการซื้อตามกระแสเพื่อนแน่นอนครับ สิ่งสำคัญคือ:
1. **ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้ง**: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีเบื้องหลัง แผนการพัฒนา และการใช้งานจริงของเหรียญ
2. **ประเมินความเสี่ยงที่รับได้**: อย่าลงทุนในจำนวนเงินที่หากสูญเสียไปแล้วจะกระทบต่อการใช้ชีวิต
3. **กระจายความเสี่ยง**: ไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียว
4. **ติดตามข่าวสารและสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด**: เพราะตลาดคริปโทฯ เปลี่ยนแปลงเร็วมาก

**⚠️ คำเตือน**: หากคุณกำลังพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี ควรพิจารณาถึงสภาพคล่องของเงินทุนของคุณเป็นอย่างยิ่ง หากเงินทุนที่คุณมีไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หรือเป็นเงินที่คุณมีแผนจะใช้ในระยะเวลาอันใกล้ **ไม่แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง** โดยเด็ดขาดครับ ควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้และลงทุนในจำนวนที่ยอมรับความเสี่ยงได้เท่านั้นนะครับ

หวังว่าวันนี้ทุกคนจะได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคำว่า “เอด้า” อย่างกระจ่างแจ้ง และนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้กับการตัดสินใจทางการเงินของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์หน้าครับ!

LEAVE A RESPONSE