นี่ครับ ร่างบทความภาษาไทยเกี่ยวกับ Arcblock (ABT) ที่ปรับตามคำแนะนำและข้อมูลที่ให้มาครับ:
—
ช่วงนี้เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนพูดถึงคริปโต พูดถึงเหรียญดิจิทัลกันให้ควั่ก เพื่อนผมเอง “น้องเก่ง” ที่ปกติอ่านแต่การ์ตูน ยังทักมาถามเลยว่า “พี่ครับ เหรียญ ABT นี่มันคืออะไรเหรอ เห็นในกลุ่มคุยกันเยอะแยะไปหมด” แหม ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินรุ่นเก๋าอย่างผม จะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร วันนี้เลยขอหยิบยกเรื่อง Arcblock กับ เหรียญ ABT นี่แหละ มาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ เหมือนคุยกันหลังเลิกงาน
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ Arcblock ก็เหมือนเรากำลังสร้างเมืองใหม่บนพื้นที่ดิจิทัล เมืองนี้ออกแบบมาให้ทุกคนเข้ามาสร้างสรรค์ “แอปพลิเคชัน” เจ๋งๆ ได้ง่ายๆ แอปพลิเคชันที่ว่านี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นแบบ “กระจายศูนย์” หรือที่เขาเรียกกันเท่ๆ ว่า dApps (อ่านว่า ดี-แอปส์) คือข้อมูลไม่ได้ไปกองอยู่ที่เดียว แต่กระจายๆ กันไป ทำให้ปลอดภัยและโปร่งใสมากขึ้น Arcblock ตั้งใจจะเป็นเหมือนแพลตฟอร์มครบวงจร เป็นเครื่องมือ เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้คนอยากทำ dApps เข้ามาใช้ได้เลย

แล้ว “เหรียญ ABT” ล่ะ มีบทบาทอะไรในเมืองดิจิทัลนี้? ลองคิดภาพว่า เหรียญ ABT นี่แหละคือ “กุญแจ” และ “เงินตรา” ที่ใช้ในเมือง Arcblock เป็นเหรียญประเภทที่เรียกว่า Utility Token (อ่านว่า ยู-ทิล-ลิ-ตี้ โทเคน) แปลง่ายๆ คือเป็นเหรียญที่สร้างมาเพื่อใช้ประโยชน์บนแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่ซื้อขายเก็งกำไรอย่างเดียว คุณต้องใช้ เหรียญ ABT เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเวลาทำธุรกรรมต่างๆ เข้าถึงบริการพิเศษบนแพลตฟอร์ม หรือแม้กระทั่งมีส่วนร่วมในการออกเสียงทิศทางการพัฒนาเมืองนี้
สิ่งที่น่าสนใจคือ เหรียญ ABT ถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัด คล้ายๆ ทองคำนั่นแหละครับ แถมยังมีกลไกที่ทำให้จำนวนเหรียญหมุนเวียนอาจลดลงได้เมื่อมีการใช้งานเยอะๆ ซึ่งในวงการเขาเรียกว่ามีลักษณะเป็น Deflationary (อ่านว่า ดิ-เฟล-ชัน-นะ-รี่) หรือภาวะเงินฝืดในเชิงของเหรียญ ทำให้เหรียญมีโอกาสรักษามูลค่า หรืออาจเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว หากเมือง Arcblock เติบโตและมีคนเข้ามาใช้ เหรียญ ABT เยอะขึ้นเร พูดง่ายๆ มันเป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่นและแรงจูงใจให้ระบบนิเวศนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

คุณอาจจะเคยได้ยินว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนมันยาก ซับซ้อน ช้า และแพง ใช่ครับ บล็อกเชนยุคแรกๆ ก็มีปัญหาแบบนี้แหละ Arcblock เลยเข้ามาเพื่อแก้ Pain Point เหล่านี้ เขาไม่ได้มาแค่เป็นซอฟต์แวร์หรือ API (อ่านว่า เอ-พี-ไอ) ธรรมดาๆ แต่มาเป็นแพลตฟอร์มบริการเต็มรูปแบบที่ผสมผสานเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับ Cloud Computing (อ่านว่า คลาวด์ คอม-พิว-ติ้ง) หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันนั่นแหละ
หัวใจสำคัญทางเทคนิคของ Arcblock มีสองสามอย่างที่น่ารู้ อย่างแรกคือสิ่งที่เรียกว่า Blocklets (อ่านว่า บล็อก-เล็ตส์) ลองนึกภาพว่า Blocklets คือ “ตัวต่อ Lego” สำเร็จรูปสำหรับนักพัฒนา แทนที่จะต้องมาเขียนโค้ดทุกอย่างตั้งแต่ต้น นักพัฒนาสามารถหยิบ Blocklets ที่เป็นส่วนประกอบซอฟต์แวร์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้เหล่านี้มาประกอบๆ กันเพื่อสร้าง dApps ได้เลย ช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น ง่ายขึ้น เหมือนมี Microservices (อ่านว่า ไมโคร-เซอร์วิสเซส) หรือบริการย่อยๆ ที่ทำงานร่วมกันได้ และใช้สถาปัตยกรรมแบบ Serverless Computing (อ่านว่า เซิร์ฟเวอร์-เลส คอม-พิว-ติ้ง) คือไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลเซิร์ฟเวอร์เองเลย
อีกอย่างที่เจ๋งไม่แพ้กันคือ Open Chain Access Protocol (OCAP) (อ่านว่า โอ-แคป) อันนี้เปรียบเสมือน “อะแดปเตอร์แปลงหัวปลั๊กไฟสากล” ในโลกบล็อกเชน ปกติบล็อกเชนแต่ละอันก็เหมือนมีหัวปลั๊กเฉพาะของตัวเอง ทำให้คุยกันยาก แต่ OCAP ทำให้ Arcblock สามารถเชื่อมต่อกับบล็อกเชนได้หลายๆ ตัว นักพัฒนาสามารถเลือกใช้บล็อกเชนที่เหมาะสมกับงานที่สุดได้ และถ้าอยากเปลี่ยนไปใช้อันอื่นก็ทำได้ง่ายๆ ไม่ติดปัญหาการ “ล็อคอิน” อยู่กับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง

ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ Arcblock มีเป้าหมายด้านประสิทธิภาพที่สูงมาก เขาตั้งเป้าว่าจะรองรับการทำธุรกรรมได้มากกว่า 100,000 รายการต่อวินาที ซึ่งถ้าทำได้จริง นั่นหมายความว่าแพลตฟอร์มนี้จะมีศักยภาพรองรับการใช้งานขนาดใหญ่มากๆ ได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบโหวตระดับประเทศ ระบบสมัครลอตเตอรี่ หรือแม้แต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีคนใช้หลายล้านคน และเมื่อระบบมีประสิทธิภาพสูง ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมก็มีแนวโน้มจะถูกลงด้วย
ทีมผู้ก่อตั้ง Arcblock ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ มีผู้เชี่ยวชาญในวงการมาเอง อย่างคุณ Robert Mao (อ่านว่า โรเบิร์ต เหมา) ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ มีพื้นฐานด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และเคยเป็นผู้นำในบริษัทเทคโนโลยีมาก่อน เขามีวิสัยทัศน์ที่อยากจะทำให้แพลตฟอร์มบล็อกเชนมันใช้งานง่ายกว่านี้ ส่วนผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนคือคุณ Flavien Charlon (อ่านว่า ฟลาเวียน ชาร์ลอน) ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการเป็นผู้ประกอบการ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีต่างๆ ครับ การมีทีมที่มีประสบการณ์แบบนี้ก็ช่วยสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าโปรเจกต์มีทิศทางที่ชัดเจน
สรุปแล้ว Arcblock กับ เหรียญ ABT ก็เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ในโลกบล็อกเชนที่น่าจับตา โดยเฉพาะถ้าคุณสนใจในเรื่องของ dApps และแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักพัฒนาทำงานง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Blocklets และ OCAP ที่ออกแบบมาแก้ปัญหาเดิมๆ และมีเป้าหมายด้านประสิทธิภาพที่สูง ก็ถือว่ามีพื้นฐานที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ในมุมของการลงทุน ข้อมูลที่ผมเล่ามานี้เป็นเรื่องของตัวโครงการและเทคโนโลยีเป็นหลัก ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด มูลค่าปัจจุบัน จำนวนผู้ถือ หรือข่าวสารเฉพาะเจาะจงต่างๆ คุณจำเป็นต้องไปศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลด้านการตลาดโดยตรงด้วยตัวเอง เพราะข้อมูลเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนครับ
สุดท้ายนี้ ขอเน้นย้ำเหมือนทุกครั้งนะครับว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงมากๆ เหรียญ ABT หรือเหรียญอื่นๆ ก็เช่นกัน มูลค่าสามารถผันผวนได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ก่อนตัดสินใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม **สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจในตัวโครงการ เทคโนโลยี และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างถ่องแท้** พิจารณาจากความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้และไม่ลงทุนเกินกว่าจำนวนที่คุณพร้อมจะสูญเสียไปทั้งหมดนะครับ โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่มีสภาพคล่องทางการเงินไม่สูงมากนัก ควรประเมินความพร้อมของตัวเองอย่างถี่ถ้วนก่อนจะก้าวเข้าสู่สนามนี้ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ!