คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

ไขความลับ “โทเค็น”: กุญแจสู่โลกการเงินดิจิทัลและ AI ปฏิวัติ!

เพื่อนๆ เคยไหมคะ ที่จู่ๆ ก็ได้ยินคำว่า “โทเค็น” ลอยมาเข้าหู ไม่ว่าจะเป็นในข่าวสกุลเงินดิจิทัล เวลาคุยกันเรื่องการเงินยุคใหม่ หรือแม้กระทั่งเวลาอ่านบทความเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ยุคนี้? ฟังดูเหมือนเป็นคำที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ จนบางทีก็แอบงงๆ ว่าตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่? วันนี้เราจะมาไขปริศนาคำว่า “โทเค็น” กันให้กระจ่าง แบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์เพื่อนคุยเพื่อน เหมือนนั่งจิบกาแฟไปด้วยกันค่ะ

ลองนึกภาพง่ายๆ นะคะ สมัยเด็กๆ เราอาจจะเคยได้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ อย่างพวงกุญแจ หรือตุ๊กตาตัวจิ๋ว ที่พ่อแม่ให้ไว้เป็น “สัญลักษณ์” แทนความรัก หรือเป็น “สิ่งเตือนใจ” ว่าเราทำความดีอะไรบางอย่างมาได้ โทเค็นในความหมายดั้งเดิมก็คล้ายๆ กันค่ะ มันคือ “สิ่งที่เป็นตัวแทน” หรือ “สัญลักษณ์” ของบางสิ่งบางอย่างที่มีมูลค่า หรือเป็นเครื่องยืนยันสถานะนั่นเอง

ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวมากๆ ในชีวิตประจำวันเราก็คือ “ชิปคาสิโน” ไงคะ ที่เวลาเราไปเล่นพนัน (ซึ่งไม่แนะนำนะคะ!) เราไม่ได้ใช้เงินสดตรงๆ แต่เราเอาเงินไปแลกเป็นชิป หรือที่เรียกว่า “โทเค็น” นั่นแหละ แล้วค่อยเอาชิปเหล่านั้นไปใช้ในการเล่นเกมต่างๆ พอจะกลับบ้านก็เอาชิปพวกนี้ไปแลกคืนเป็นเงินสด หรือจะเป็น “บัตรกำนัล” “บัตรของขวัญ” ที่เราได้มาช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จัดเป็นโทเค็นชนิดหนึ่งเหมือนกัน เพราะมันคือเอกสารหรือบัตรที่ใช้แทนเงินสดในการแลกซื้อสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าตามที่ระบุไว้เห็นไหมคะว่า “โทเค็น” ในความหมายทั่วไป มันคือสิ่งที่ใช้ “แทนเงิน” หรือเป็น “สัญลักษณ์” ของคุณค่าบางอย่างมาตั้งนานแล้ว

ทีนี้ มาถึงโลกที่หมุนเร็วอย่างปัจจุบัน โทเค็นกระโดดเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกดิจิทัลอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในแวดวง “สกุลเงินดิจิทัล” หรือ “คริปโทเคอร์เรนซี” ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เชื่อไหมคะว่า คำว่า “โทเค็น” ในบริบทนี้ ถูกใช้เรียกสินทรัพย์ดิจิทัลเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้! ยกเว้นแต่บิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอเรียม (Ethereum) ซึ่งถือเป็น “เหรียญหลัก” (Native Coins) ของแต่ละบล็อกเชนของตัวเองแล้ว นอกนั้น ส่วนใหญ่เราจะเรียกรวมๆ ว่า “โทเค็น” นี่แหละค่ะ

และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ โทเค็นในโลกคริปโทฯ มักจะถูกสร้างขึ้นมาและทำงานอยู่ “บนบล็อกเชนของสกุลเงินอื่น” ลองนึกภาพแบบนี้ค่ะ เหมือนเรามีถนนใหญ่อยู่แล้ว (ซึ่งก็คือบล็อกเชนของอีเธอเรียม หรือบล็อกเชนอื่นๆ) แล้วเราก็สร้างอาคาร โรงงาน หรือร้านค้าเล็กๆ ขึ้นมาบนถนนเส้นนั้น อาคารหรือร้านค้าเหล่านั้นก็คือ “โทเค็น” ต่างๆ ที่มาใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของถนนใหญ่นั่นเองค่ะ

แล้วโทเค็นในโลกดิจิทัลมีกี่ประเภทกันเชียว? บอกเลยว่าเยอะมากและแต่ละประเภทก็มีหน้าที่และคุณสมบัติเฉพาะตัวที่น่าสนใจสุดๆ ค่ะ

อย่างแรกที่กำลังเป็นที่จับตาอย่างมากก็คือ **โทเค็น DeFi (Decentralized Finance): การเงินแบบกระจายศูนย์** ค่ะ นี่คือหัวใจสำคัญของโปรโตคอลการเงินแบบกระจายศูนย์ที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในโลกการเงิน โทเค็นเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเลียนแบบและให้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นการให้กู้ยืม การออม การทำประกันภัย หรือแม้แต่การซื้อขายแลกเปลี่ยน เพียงแต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นบนบล็อกเชน โดยไม่มีตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงินมาเกี่ยวข้อง โทเค็น DeFi ทำหน้าที่ได้สารพัดในระบบนิเวศนี้ ตั้งแต่เป็นหลักประกัน ไปจนถึงเป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม และที่เจ๋งคือมันเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำกัดพรมแดน

ส่วนอีกประเภทที่เชื่อมโยงกับ DeFi ก็คือ **โทเค็นธรรมาภิบาล (Governance Token)** ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของ “ธรรมาภิบาล” โทเค็นชนิดนี้พิเศษตรงที่มันมอบ “สิทธิ์ในการออกเสียง” ให้กับผู้ที่ถือครองค่ะ เหมือนกับว่าคุณซื้อหุ้นของบริษัท แล้วได้สิทธิ์ไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อโหวตว่าบริษัทควรจะไปในทิศทางไหน โทเค็นธรรมาภิบาลก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กันนี้ในโลกของบล็อกเชน เพราะโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ไม่มีคณะกรรมการหรือผู้บริหารกลางที่จะตัดสินใจ ดังนั้นการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของระบบ หรือการเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆ จึงต้องอาศัยการโหวตจากผู้ถือโทเค็นนี่แหละค่ะ ตัวอย่างที่โด่งดังก็เช่นโทเค็น COMP ของโปรโตคอล Compound ที่ให้สิทธิ์ผู้ถือร่วมตัดสินใจทิศทางของแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมและกู้ยืมคริปโทฯ

และที่ฮือฮาไปทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนคนที่ไม่เล่นคริปโทฯ ก็ยังต้องเคยได้ยิน นั่นคือ **โทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ หรือ NFTs (Non-Fungible Tokens)** นี่แหละค่ะ คำว่า “ไม่สามารถทดแทนกันได้” หมายความว่า โทเค็นแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกัน ไม่สามารถเอามาแลกเปลี่ยนแทนกันได้แบบหนึ่งต่อหนึ่งเหมือนเงินบาท 100 บาท แลกกับธนบัตร 100 บาทอีกใบ หรือเหมือนบิตคอยน์ 1 บิตคอยน์ แลกกับบิตคอยน์อีก 1 บิตคอยน์ NFTs จึงเหมาะกับการเป็นตัวแทนกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะดิจิทัล ภาพถ่าย วิดีโอ เพลง หรือแม้กระทั่งสินทรัพย์ในโลกจริงอย่างอสังหาริมทรัพย์ หรือของสะสมหายาก NFTs เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการคัดลอกและการเผยแพร่ในงานดิจิทัล ทำให้เจ้าของผลงานสามารถสร้างสรรค์ “งานศิลปะดิจิทัลจำนวนจำกัด” หรือขาย “สินทรัพย์เสมือนจริงที่มีเอกลักษณ์” ในวิดีโอเกมได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีมูลค่า

นอกจากนี้ ยังมี **โทเค็นหลักทรัพย์ (Security Token)** ที่กำลังมาแรงไม่แพ้กันค่ะ นี่คือสินทรัพย์ประเภทใหม่ที่พยายามจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกคริปโทฯ กับตลาดหลักทรัพย์ดั้งเดิม โทเค็นหลักทรัพย์มีเป้าหมายที่จะทำหน้าที่เหมือนกับ “หุ้น” หรือ “พันธบัตร” ในรูปแบบดิจิทัล ที่สามารถซื้อขายได้บนบล็อกเชน ข้อดีคือมันสามารถช่วยให้บริษัทหรือกิจการต่างๆ ระดมทุนได้โดยไม่ต้องพึ่งพานายหน้าหรือธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการระดมทุนได้มาก บริษัทใหญ่ๆ และสตาร์ทอัพหลายแห่งทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและศึกษาความเป็นไปได้ของโทเค็นหลักทรัพย์ในฐานะทางเลือกใหม่ในการระดมทุนค่ะ

และไม่ใช่แค่ในโลกของคริปโทฯ เท่านั้นนะคะที่ “โทเค็น” กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง ในแวดวงโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินก็มีบริษัทที่ชื่อว่า **Token.io** ที่กำลังปฏิวัติวิธีที่เราโอนเงินกันอยู่ค่ะ พวกเขากำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่เรียกว่า **บัญชีสู่บัญชี (Account-to-Account หรือ A2A)** ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้การชำระเงินตรงจากบัญชีธนาคารหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงมาก

ลองนึกภาพดูสิคะ เวลาเราจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต เราต้องผ่านตัวกลางมากมาย มีค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน ค่าธรรมเนียมเครือข่าย หรือบางทีก็ต้องเจอการเรียกเก็บเงินคืน (chargebacks) ที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าปวดหัว แต่ Token.io เข้ามาแก้ปัญหานี้ ด้วยการทำให้การชำระเงินตรงจากธนาคารไปถึงผู้รับเลย ซึ่งช่วย ลดต้นทุนลงได้อย่างมหาศาล เพราะไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมตัวกลางเหล่านี้ แถมยัง ไม่มีรายการเรียกเก็บเงินคืน อีกด้วย ทำให้ธุรกิจต่างๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากและลดความยุ่งยากไปได้เยอะเลยค่ะ

ทาง Token.io ยังเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นที่ทันสมัยอย่าง **การชำระเงินแบบเกิดซ้ำผันแปร (Variable Recurring Payments หรือ VRP)** ซึ่งช่วยให้การชำระเงินอัตโนมัติหรือการชำระเงินแบบคลิกเดียวเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบการเบิกจ่ายเงินแบบเรียลไทม์ด้วยค่ะ สิ่งเหล่านี้ทำให้การบริหารจัดการเงินเป็นไปได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วกว่าเดิมมาก ปัจจุบัน โทเค็น.ไอโอเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารกว่า 90% ในตลาดสำคัญๆ และครอบคลุมถึง 21 ประเทศทั่วโลก ทำให้สามารถเริ่มต้นการชำระเงินและเข้าถึงข้อมูลจากบัญชีธนาคารที่ผ่านการยืนยันแล้วกว่า 567 ล้านบัญชีในสหราชอาณาจักรและยุโรป ธนาคารและบริษัทชำระเงินชั้นนำของโลกอย่าง HSBC, Santander, BNP Paribas ต่างก็เป็นลูกค้าและพันธมิตรที่ใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของ Token.io นี่จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความน่าเชื่อถือและความสามารถในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในโลกการชำระเงินที่บริษัทนี้ได้รับรางวัลนวัตกรรม Open Banking Platinum ติดต่อกันหลายปีค่ะ

แต่เดี๋ยวก่อน! คำว่า “โทเค็น” ไม่ได้หยุดอยู่แค่วงการการเงินเท่านั้นนะคะ ตอนนี้มันยังก้าวเข้ามาเป็น “สกุลเงิน” หรือหน่วยวัดที่สำคัญที่สุดในโลกของ “ปัญญาประดิษฐ์ (AI)” อีกด้วย!

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เวลาเราเห็น AI สร้างบทความ รูปภาพ หรือโต้ตอบกับเราได้อย่างชาญฉลาดนั้น เบื้องหลังการทำงานของมันคือการประมวลผล “โทเค็น” จำนวนมหาศาลค่ะ ในบริบทของ AI “โทเค็น” ก็คือ “หน่วยข้อมูล” ขนาดเล็กที่สุดที่เกิดจากการแยกย่อยข้อมูลขนาดใหญ่ เหมือนกับว่าเรามีหนังสือทั้งเล่ม แล้ว AI จะอ่านหนังสือเล่มนั้นโดยแยกข้อมูลออกเป็นคำๆ หรือวลีเล็กๆ แต่ละคำหรือแต่ละวลีนี่แหละที่เรียกว่า “โทเค็น” ค่ะ

โมเดล AI จะประมวลผลโทเค็นเหล่านี้เพื่อเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่างๆ และปลดล็อกความสามารถในการคาดการณ์ สร้างสรรค์ หรือแม้แต่ให้เหตุผลได้ ยิ่ง AI ประมวลผลโทเค็นได้เร็วขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเรียนรู้และตอบสนองได้เร็วขึ้นเท่านั้น ลองนึกภาพ “โรงงาน AI” (AI Factories) ที่เป็นศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลงาน AI โดยเฉพาะ โรงงานเหล่านี้แปลงโทเค็นจากภาษาของ AI ให้กลายเป็น “ความฉลาด” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI เลยทีเดียวค่ะ

มีการศึกษาที่น่าสนใจของ Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกชั้นนำ ระบุว่า การประมวลผลโทเค็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการบูรณาการซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดีและใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) รุ่นล่าสุด สามารถ ลดต้นทุนต่อโทเค็นได้ถึง 20 เท่า และ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 25 เท่า ในเวลาเพียงสี่สัปดาห์! นี่แสดงให้เห็นว่า “โทเค็น” คือหัวใจสำคัญในการสร้าง “ความฉลาด” และขับเคลื่อนประสิทธิภาพทางธุรกิจในยุค AI อย่างแท้จริง กระบวนการที่ AI เปลี่ยนข้อมูลประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ คลิปเสียง หรือวิดีโอ ให้กลายเป็นโทเค็น เรียกว่า “การโทเคไนเซชัน (Tokenization)” และยิ่งการโทเคไนเซชันมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดพลังงานประมวลผลที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝนโมเดล AI และการอนุมาน (การสร้างผลลัพธ์) ได้มากเท่านั้นค่ะ

สรุปง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นชิปคาสิโน บัตรของขวัญ สกุลเงินดิจิทัล ระบบชำระเงินสุดล้ำ หรือแม้กระทั่งหน่วยข้อมูลพื้นฐานที่ทำให้ AI ฉลาดขึ้น คำว่า “โทเค็น” ได้เดินทางและปรับตัวไปตามยุคสมัย กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเศรษฐกิจในทุกมิติ

ดังนั้น หากเพื่อนๆ ได้ยินคำว่า “โทเค็น” อีกครั้ง หวังว่าจะไม่รู้สึกงงอีกต่อไปนะคะ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่คำศัพท์เฉพาะทางที่ซับซ้อน แต่คือ “สิ่งที่เป็นตัวแทนของมูลค่า” ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปอย่างรวดเร็วและน่าตื่นเต้น

**แล้วเราในฐานะผู้บริโภคหรือนักลงทุนควรทำอย่างไร?**
โลกของโทเค็น โดยเฉพาะในมิติของสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นโลกที่มีพลวัตสูงและมีความผันผวนอยู่เสมอ เหมือนเหรียญสองด้านที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงสูงไปพร้อมกันค่ะ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ” ค่ะ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในโทเค็นประเภทใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นโทเค็น DeFi, NFT หรือโทเค็นหลักทรัพย์ สิ่งที่เราต้องทำคือ:

1. **ทำความเข้าใจในสิ่งที่จะลงทุนอย่างถ่องแท้:** โทเค็นนั้นคืออะไร? มันทำงานอย่างไร? มีวัตถุประสงค์อะไร? ทีมพัฒนาเป็นใคร?
2. **ประเมินความเสี่ยงที่รับได้:** โทเค็นและตลาดคริปโทฯ มีความผันผวนสูงมาก มูลค่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด หรือร่วงลงฮวบฮาบได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นควรกำหนดวงเงินที่ยอมรับความเสี่ยงได้และไม่นำเงินที่จำเป็นต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาลงทุน
3. **ระวังภัยหลอกลวง:** เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่มีความนิยมสูง จึงมักมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสสร้างโปรเจกต์ปลอม หรือโทเค็นที่ไม่มีอยู่จริงเพื่อหลอกลวง ดังนั้นควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างละเอียด
4. **ติดตามการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ:** กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับโทเค็นและสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

จำไว้เสมอว่า “ความรู้คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด” ในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ค่ะ การรู้จักคำว่า “โทเค็น” ในหลากหลายมิติ จะช่วยให้เรามองเห็นโอกาสและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรอบด้าน และเตรียมพร้อมสำหรับเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ค่ะ

LEAVE A RESPONSE