คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

ไขข้อสงสัย: TRX Coin คืออะไร? ทำไมถึงฮิตติดลมบน?

ลองนึกภาพตามนะครับว่า ทุกวันนี้เราท่องโลกอินเทอร์เน็ต โหลดหนัง ฟังเพลง อ่านบทความ จ่ายเงินซื้อของออนไลน์ หรือแม้แต่สร้างคอนเทนต์เอง ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่เรามักจะผ่าน “ตัวกลาง” ใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอ สตรีมมิ่งมิวสิค โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ธนาคาร เวลาจะโอนเงิน

แล้วถ้ามีโลกอินเทอร์เน็ตที่ “ไร้ตัวกลาง” ล่ะ? ที่ผู้สร้างกับผู้บริโภค หรือคนที่อยากทำธุรกรรมหากันเอง สามารถเชื่อมต่อและส่งหากันได้โดยตรงแบบ Peer-to-Peer (เพียร์-ทู-เพียร์) ไม่ต้องง้อใคร นี่แหละคือไอเดียตั้งต้นของ TRON (ทรอน) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่มีเป้าหมายใหญ่แบบนั้น แล้วหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อหรือเห็นตามกระดานเทรด แล้วสงสัยว่า trx coin คือ อะไร? มันทำงานยังไง? ทำไมช่วงนี้ถึงคึกคักจัง? วันนี้เรามาเจาะลึกเรื่องนี้กันแบบสบายๆ สไตล์คอลัมนิสต์ที่ชอบเล่าเรื่องกันดีกว่าครับ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 ยุคที่คริปโตเคอร์เรนซีกำลังเริ่มเป็นที่พูดถึง มีคนชื่อ Justin Sun (จัสติน ซัน) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ได้เริ่มต้นโครงการที่ชื่อ TRON ขึ้นมาภายใต้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่สิงคโปร์ชื่อ TRON Foundation (มูลนิธิ TRON) ตอนนั้นเป้าหมายชัดเจนเลยคือ อยากจะสร้างระบบนิเวศที่ทุกคนเข้าถึงคอนเทนต์ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางที่อาจจะหักค่าส่วนแบ่งเยอะๆ หรือควบคุมเนื้อหามากเกินไป ช่วงแรกๆ เขาก็ระดมทุนด้วยวิธีที่ฮิตมากในยุคนั้นคือการทำ ICO (ไอซีโอ) บนเครือข่ายของ Ethereum (อีเธอเรียม) ซึ่งก็ระดมทุนไปได้กว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าจับตามาก แม้ว่าภายหลังจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเอกสารทางเทคนิคอยู่บ้างก็ตามที แต่ก็นับเป็นการเปิดตัวที่เรียกความสนใจได้ดี

พอมาถึงปี 2561 TRON ก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการ “แยกบ้าน” ออกจาก Ethereum สร้างเครือข่ายบล็อกเชนหลักของตัวเอง หรือที่เรียกว่า Mainnet (เมนเน็ต) ขึ้นมา โดยใช้มาตรฐานเหรียญเป็น TRC-20 การมีบ้านเป็นของตัวเองทำให้ TRON มีอิสระในการพัฒนา และปรับปรุงระบบได้ตามต้องการ ไม่ต้องขึ้นอยู่กับเครือข่ายอื่น ซึ่งนี่เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ TRON เริ่มมีบทบาทโดดเด่นขึ้นมาในโลกบล็อกเชน และในปีเดียวกันนั้นเอง TRON ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเข้าซื้อกิจการ BitTorrent (บิตทอร์เรนต์) บริการแชร์ไฟล์แบบกระจายศูนย์ที่เราหลายคนคุ้นเคยกันดี นี่เหมือนเป็นการต่อจิ๊กซอว์ครั้งใหญ่ เพราะ BitTorrent มีฐานผู้ใช้งานมหาศาล การซื้อกิจการนี้จึงช่วยขยายระบบนิเวศและนำผู้คนจำนวนมากเข้ามาสู่โลกของ TRON อย่างรวดเร็ว

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วระบบของ TRON มันทำงานยังไง ทำไมถึงเคลมว่าเร็วและถูก? หัวใจหลักของระบบก็คือ trx coin หรือเหรียญตรอนนี่แหละ ที่ใช้เป็นสื่อกลางวัดมูลค่าและทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศทั้งหมดครับ ระบบของ TRON ถูกออกแบบมาเป็น 3 ชั้น เหมือนมีหลายๆ เลเยอร์ซ้อนกัน เพื่อรองรับการทำงานที่ซับซ้อน ตั้งแต่ชั้นสำหรับเก็บข้อมูล ชั้นสำหรับประมวลผลคำสั่งซับซ้อนๆ อย่าง Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) ไปจนถึงชั้นสำหรับรันแอปพลิเคชันต่างๆ ที่สร้างขึ้นบน TRON หรือที่เรียกกันว่า DApps (ดีแอปส์)

ส่วนกลไกที่ใช้ในการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรม หรือที่เรียกว่าระบบฉันทามติ TRON ใช้ระบบที่ชื่อว่า Delegated Proof of Stake (ดีพอส) หรือย่อว่า DPoS ฟังดูซับซ้อนใช่ไหมครับ ง่ายๆ ก็คือ แทนที่จะให้ทุกคนมาแข่งกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์เพื่อยืนยันธุรกรรมเหมือนใน Bitcoin (บิตคอยน์) ระบบนี้จะให้ผู้ถือเหรียญ TRX สามารถนำเหรียญไป “ล็อก” หรือที่เรียกว่า Staking (สเตกิ้ง) เพื่อใช้สิทธิ์ “โหวต” เลือกตัวแทนที่เรียกว่า Super Representative (ซูเปอร์ รีพรีเซนเททีฟ) หรือย่อว่า SRs จำนวน 27 คน ตัวแทน 27 คนนี้แหละครับที่จะทำหน้าที่หลักในการตรวจสอบและสร้างบล็อกใหม่บนเครือข่าย มีการโหวตเลือกกันใหม่ทุกๆ 6 ชั่วโมง ซึ่งระบบนี้ทำให้ TRON สามารถประมวลผลธุรกรรมได้รวดเร็วมาก ถึง 2,000 รายการต่อวินาที (2,000 TPS) ซึ่งถือว่าสูงปรี๊ด และที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบน TRON ต่ำมากๆ หรือบางครั้งก็แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นจุดเด่นสำคัญที่ดึงดูดผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยเฉพาะสำหรับการทำธุรกรรมเล็กๆ น้อยๆ หรือการใช้งาน DApps ที่ต้องการความเร็วและค่าใช้จ่ายต่ำๆ ตัว SRs และคนที่โหวตเลือก SRs ก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ TRX เป็นการตอบแทน ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลระบบ

แล้วเจ้า trx coin คือ ใช้ทำอะไรได้อีกบ้างนอกจากเป็นสื่อกลาง? เหรียญนี้ยังใช้จ่ายค่าบริการหรือคอนเทนต์ต่างๆ ในระบบนิเวศ ใช้แลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานของ DApps และที่สำคัญคือ ผู้ที่นำเหรียญไป Staking เพื่อได้สิทธิ์โหวต หรือที่เรียกว่าได้ TRON Power (ทรอน พาวเวอร์) ก็เท่ากับได้มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลและกำหนดทิศทางของเครือข่ายด้วย เห็นไหมครับว่าเหรียญ TRX มีบทบาทหลากหลายมากๆ ในระบบนิเวศของตัวเอง

ในช่วงต้นปี 2565 (หรือปลายปี 2564) TRON ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง โดยเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการมาเป็น TRON DAO (ทรอน ดาว) หรือ Decentralized Autonomous Organization (องค์กรปกครองตนเองแบบกระจายศูนย์) ซึ่งหมายความว่า การตัดสินใจและการพัฒนาต่างๆ จะไม่ใช่แค่มาจาก TRON Foundation อีกต่อไป แต่จะถูกขับเคลื่อนและกำกับดูแลโดยชุมชนผู้ถือเหรียญและผู้มีส่วนร่วมในระบบแทน ซึ่งนี่ก็สอดคล้องกับหลักการกระจายศูนย์ของบล็อกเชนอย่างแท้จริง

มาดูตัวเลขเศรษฐกิจของ TRON และเหรียญ TRX กันบ้าง ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน ปี 2567 TRON ถือเป็นบล็อกเชนที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับ Top 10 ของโลกคริปโตเคอร์เรนซีในแง่ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล 2 พ.ย. 2567) ส่วนอุปทานทั้งหมดของเหรียญ TRX มีประมาณ 9.2 หมื่นล้านเหรียญ โดยมีเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดปัจจุบันประมาณ 8.8 หมื่นล้านเหรียญ (ข้อมูล 12 ม.ค. 2567) ราคาปัจจุบันของ TRX อยู่ที่ประมาณ 0.17 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล 2 พ.ย. 2567) ซึ่งเป็นระดับที่แตะราคาสูงสุดประจำปีในช่วงนั้นด้วย

หลายคนอาจจะสังเกตว่า ช่วงหลังๆ ราคาของ TRX ดูคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมและตุลาคม ปี 2567 ที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากเดือนสิงหาคม ปี 2567 ปริมาณการซื้อขาย TRX ในรอบ 24 ชั่วโมงพุ่งขึ้นมหาศาลถึง 202.39% แตะ 1.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว การที่ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นขนาดนี้บ่งชี้ชัดเจนว่ามีนักลงทุนและผู้ใช้งานเข้ามาให้ความสนใจใน TRX มากขึ้น

แล้วอะไรคือปัจจัยขับเคลื่อนที่ทำให้ TRON และ trx coin คือ กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง? ส่วนสำคัญมาจากกิจกรรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระบบนิเวศนี่แหละครับ โดยเฉพาะในภาคส่วนของ DeFi (ดีไฟ – ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์), Memecoin (เหรียญมีม), NFT (เอ็นเอฟที – สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถทดแทนกันได้) และที่โดดเด่นมากๆ คือ Stablecoin (สเตเบิลคอยน์ – เหรียญที่มีมูลค่าคงที่ มักจะตรึงกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐฯ)

รู้ไหมครับว่า TRON เป็นบล็อกเชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกสำหรับการทำธุรกรรม Stablecoin โดยเฉพาะเหรียญ USDT (ยูเอสดีที) ของ Tether (เทเทอร์) ที่ส่วนใหญ่หมุนเวียนอยู่บนเครือข่าย TRON สัดส่วน TVL (Total Value Locked – มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกล็อกไว้ในระบบ DeFi) บน TRON ที่เป็น Stablecoin สูงถึง 60.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล 2 พ.ย. 2567) คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด Stablecoin บนบล็อกเชนต่างๆ ถึง 35.2% เลยทีเดียว ถามว่าทำไม Stablecoin ถึงนิยมมาอยู่บน TRON? คำตอบง่ายๆ ก็คือ ความเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากๆ มันเหมาะกับการโอน Stablecoin ไปมา โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ค่าเงินท้องถิ่นผันผวน การใช้ Stablecoin บน TRON จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัด

นอกจากนี้ ปัจจัยที่กระตุ้นกิจกรรมและรายได้ให้กับเครือข่าย TRON อย่างมากในช่วงหลังๆ คือกระแส Memecoin ครับ TRON มีแพลตฟอร์มที่ชื่อ SunPump (ซันปั๊ม) สำหรับเปิดตัวและซื้อขายเหรียญ Memecoin ซึ่งสร้างค่าธรรมเนียมและเพิ่มการมองเห็นให้ TRON อย่างมหาศาล ข้อมูลรายได้ของเครือข่าย TRON ในเดือนตุลาคม ปี 2567 สูงถึง 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอันดับสองรองจาก Ethereum และในเดือนสิงหาคม ปี 2567 ก็ทำสถิติสูงสุดที่ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รายได้ที่สูงแบบนี้สะท้อนว่ามีกิจกรรมเกิดขึ้นบนเครือข่ายอย่างคึกคักจริงๆ ทั้งจาก DeFi, Memecoin, NFT และ Stablecoin และดูเหมือนว่า Justin Sun (จัสติน ซัน) เองก็มีแผนที่จะดึงดูดผู้ใช้งานจำนวนมากเข้ามาสู่ระบบนิเวศ Memecoin บน TRON ต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นทิศทางเชิงกลยุทธ์ในการขยายฐานผู้ใช้และเพิ่มความแข็งแกร่งของเครือข่าย

สรุปง่ายๆ คือ TRON และ trx coin คือ เครือข่ายบล็อกเชนที่เริ่มต้นจากไอเดียสร้างอินเทอร์เน็ตไร้ตัวกลาง เน้นด้านคอนเทนต์และการเชื่อมต่อแบบ P2P พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการมี Mainnet ของตัวเอง การซื้อ BitTorrent และการเปลี่ยนมาสู่ TRON DAO จุดเด่นที่สำคัญคือความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูง และค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากๆ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับ Stablecoin และการใช้งาน DApps ต่างๆ ช่วงหลังมานี้กิจกรรมที่คึกคักในภาค DeFi, Memecoin และ Stablecoin ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ TRON กลับมาน่าจับตาอีกครั้ง ทั้งในแง่ของกิจกรรมบนเครือข่าย รายได้ และราคาเหรียญ TRX ที่ปรับตัวขึ้น

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ trx coin คือ อยากจะศึกษาเพิ่มเติม หรืออาจจะอยากลองลงทุนบ้าง มีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ครับ อย่างแรกเลยคือ ควรทำความเข้าใจระบบและเทคโนโลยีของ TRON ให้มากขึ้น ลองดูว่า DApps บน TRON มีอะไรน่าสนใจบ้าง กิจกรรมในระบบนิเวศเป็นยังไงบ้าง นอกจากนี้ การดูข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น มูลค่าตลาด ปริมาณการซื้อขาย TVL โดยเฉพาะ TVL ในภาค Stablecoin ก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีในการประเมินความน่าเชื่อถือและความคึกคักของเครือข่าย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงเหรียญ TRX นั้น มีความเสี่ยงสูงมากๆ ครับ ราคาอาจผันผวนได้รุนแรงและรวดเร็ว ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เช่น กระแส Memecoin หรือกิจกรรมใน DeFi อาจเป็นตัวขับเคลื่อนราคาในระยะสั้น แต่ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ ดังนั้น โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลงทุนเกินกว่าจำนวนเงินที่คุณพร้อมจะสูญเสียได้นะครับ การลงทุนควรเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินโดยรวม ไม่ใช่การนำเงินเก็บทั้งหมดมาเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงแบบนี้ครับ หากจะเริ่มต้น อาจจะเริ่มจากจำนวนน้อยๆ ที่รับความเสี่ยงไหว และกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย หาก資金流動性不高 (เงินสดหมุนเวียนไม่คล่องตัว), แนะนำให้ประเมินความพร้อมและรับความเสี่ยงของตัวเองให้ดีก่อนที่จะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงนะครับ

LEAVE A RESPONSE