เพื่อนๆ นักลงทุนและผู้สนใจโลกคริปโทฯ ที่น่ารักทุกคนครับ!
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องอะไรที่ใกล้ตัวมากๆ แต่หลายคนอาจจะยังงงๆ ว่า “เอ๊ะ…มันคืออะไรกันนะ?” ใช่แล้วครับ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่อง เหรียญUSDTคืออะไร ทำไมมันถึงสำคัญและถูกพูดถึงเยอะแยะไปหมดในวงการคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) แถมยังเป็นเหมือนที่พึ่งยามยากให้กับนักลงทุนหลายๆ คนอีกด้วย
ลองนึกภาพตามนะครับว่า ถ้าตลาดหุ้นไทยของเราผันผวนขึ้นลงอย่างบ้าคลั่ง วันนี้ราคาขึ้นพรวดพราด พรุ่งนี้ดิ่งฮวบๆ จนใจจะขาด คุณคงอยากมี “ที่พักเงิน” สักแห่ง ที่ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าเงินที่คุณเก็บไว้จะละลายหายไปกับตาใช่ไหมครับ? ในโลกของคริปโทฯ ที่ราคาเหวี่ยงยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา เหรียญUSDTนี่แหละครับ คือ “เซฟเฮาส์ดิจิทัล” ที่นักลงทุนมักใช้เป็นที่หลบภัย

เหรียญUSDTคืออะไร? จุดเริ่มต้นของสมอเรือดิจิทัล
ถ้าจะให้พูดกันง่ายๆ แบบบ้านๆ เลยว่า เหรียญUSDTคืออะไร มันก็คือ “สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin)” หรือเหรียญคริปโทฯ ที่ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่ ไม่ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนบิตคอยน์ (Bitcoin) หรืออีเธอเรียม (Ethereum) ครับ โดยเจ้าเหรียญUSDTเนี่ย มีมูลค่าผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แบบ 1 ต่อ 1 นั่นหมายความว่า 1 USDT จะมีค่าประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เสมอ (หรือใกล้เคียงมากๆ) ลองคิดดูสิครับว่ามันดีแค่ไหน ในขณะที่เหรียญอื่นๆ กำลังราคาตกฮวบๆ คุณยังสามารถถือ USDT เพื่อรักษามูลค่าเงินทุนของคุณไว้ได้!
บริษัท ทีเธอร์ ลิมิเต็ด (Tether Limited) คือผู้ให้กำเนิดเหรียญนี้ในปี 2557 (ค.ศ. 2014) ตอนแรกชื่อ “เรียลคอยน์ (Realcoin)” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “ทีเธอร์ (Tether)” ในภายหลัง โดยมีบุคคลสำคัญอย่าง บร็อก เพียร์ซ (Brock Pierce), รีฟ คอลลินส์ (Reeve Collins) และ เครก เซลลาร์ส (Craig Sellars) เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ปัจจุบันมี เปาโล อาร์โดอิโน (Paolo Ardoino) นั่งเก้าอี้ซีอีโอ (CEO) คุมบังเหียนอยู่ครับ
กลไกการทำงานของมันก็คือ บริษัท ทีเธอร์ อ้างว่าพวกเขาสำรองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนเท่ากับเหรียญUSDTที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานสามารถนำ USDT กลับมาแลกเป็นเงินดอลลาร์ได้ตลอดเวลา นี่จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เหรียญUSDTเป็นเสมือน “สมอเรือ” ที่ช่วยยึดมูลค่าของเราไม่ให้ลอยเคว้งไปกับคลื่นลมในตลาดคริปโทฯ นั่นเองครับ
ประโยชน์ที่จับต้องได้ของเหรียญUSDT: ไม่ได้แค่พักเงินนะ แต่ทำอะไรได้อีกเยอะ!
หลังจากที่เราพอจะเข้าใจแล้วว่า เหรียญUSDTคืออะไร ทีนี้มาดูกันว่ามันมีประโยชน์อะไรบ้าง ทำไมถึงเป็นที่นิยมจนครองส่วนแบ่งตลาดสเตเบิลคอยน์สูงสุดมาโดยตลอด:
1. รักษามูลค่าได้ดีเยี่ยม: นี่คือพระเอกของมันเลยครับ อย่างที่บอกไปว่า เวลาตลาดคริปโทฯ ผันผวนหนักๆ แทนที่จะถอนเงินออกมาเป็นเงินบาท (เงินเฟียต – Fiat Currency) ซึ่งอาจจะเสียเวลาและค่าธรรมเนียม คุณก็แค่เปลี่ยนคริปโทฯ ที่ถืออยู่มาเป็น USDT แทน ก็เหมือนได้พักเงินไว้ในที่ปลอดภัย รอจังหวะที่ตลาดกลับมาดีค่อยซื้อคืน นี่คือหัวใจสำคัญที่ตอบโจทย์ว่า เหรียญUSDTคืออะไรในแง่ของเครื่องมือรักษามูลค่า
2. โอนเงินข้ามประเทศได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ: ลองนึกภาพว่าคุณมีญาติอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วต้องการส่งเงินด่วนๆ สมัยก่อนต้องผ่านธนาคาร เสียเวลาเป็นวันๆ ค่าธรรมเนียมก็แพงลิบลิ่ว แต่ด้วยเหรียญUSDTที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คุณสามารถโอนเงินจำนวนมหาศาลข้ามประเทศได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ค่าธรรมเนียมก็ถูกแสนถูก แค่มีอินเทอร์เน็ตก็พอ นี่คือหนึ่งในมิติสำคัญของคำว่า เหรียญUSDTคืออะไร ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป
3. ประตูสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัล: สำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าวงการคริปโทฯ แต่ยังไม่อยากใช้เงินบาทโดยตรง USDT เป็นเหมือนสะพานเชื่อมให้คุณสามารถซื้อขายคริปโทฯ สกุลอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และแน่นอนว่า เวลาจะถอนกลับมาเป็นเงินบาท ก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่าน USDT เช่นกัน
4. อิสระในการควบคุมเงินของคุณ: คุณเป็นเจ้าของเงินของคุณอย่างแท้จริง ไม่ต้องรอธนาคารเปิด ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาทำการ สามารถโอนเงินได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก ก็แค่มีอินเทอร์เน็ต
5. สภาพคล่องสูงและเป็นที่ยอมรับ: ด้วยปริมาณการซื้อขายมหาศาลในแต่ละวัน ทำให้คุณสามารถซื้อขาย USDT ได้ง่ายมากๆ บนกระดานเทรดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย

เหรียญUSDTคืออะไรในมุมของความเสี่ยง? สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนลงทุน
ฟังดูดีขนาดนี้ ก็ต้องมีมุมที่เราต้องระวังใช่ไหมครับ? เหมือนเหรียญมีสองด้านเสมอ แม้ว่าเหรียญUSDTจะดูเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มั่นคง แต่ก็มีข้อควรระวังและประเด็นความเสี่ยงที่เราต้องรู้ไว้ครับ:
1. ความไม่โปร่งใสของสินทรัพย์สำรอง: นี่คือประเด็นร้อนแรงที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุด! แม้บริษัท ทีเธอร์ จะออกรายงานคลังทรัพย์สำรองทุกไตรมาสและได้รับการตรวจสอบจากบริษัทบัญชีระดับโลกอย่าง บีดีโอ (BDO) แต่ปัญหาคือ สินทรัพย์ที่สำรองไว้ไม่ได้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งหมดนะครับ แต่มันเป็น “ถุงขนมรวมมิตร” ที่ประกอบด้วย ตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ (US Treasury Bills) เป็นส่วนใหญ่ (มากถึง 81.13% ณ ไตรมาส 2 ปี 2567) ตามมาด้วยกองทุนมันนี่มาร์เก็ต (Money Market Funds), สินเชื่อมีหลักประกัน (Secured Loans), บิตคอยน์ และโลหะมีค่า โดยมีเงินสดจริงๆ และเงินฝากธนาคารในสัดส่วนเพียง 0.11% เท่านั้น! ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้บางประเภทก็มีความเสี่ยงมากกว่าการถือเงินสดโดยตรง ทำให้เกิดข้อกังวลว่าหากเกิดวิกฤติขึ้นจริงๆ สินทรัพย์เหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์ได้รวดเร็วพอหรือไม่
2. ความเสี่ยงจากการหลุดเพ็ก (De-peg): เคยเกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าของ USDT หลุดจาก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ชั่วคราวมาแล้วครับ อย่างเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 (ค.ศ. 2022) ที่ค่าเงิน USDT ร่วงลงไปต่ำกว่า 95 เซนต์ต่อเหรียญ หลังจากที่เหรียญ ยูเอสที (UST) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์อีกตัวหนึ่งประสบปัญหาและดิ่งอย่างรุนแรง ทำให้ตลาดตื่นตระหนกและเทขาย USDT กันเป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่ 100% ว่าจะคงที่ตลอดไป
3. ข้อกฎหมายและการกำกับดูแล: บริษัท ทีเธอร์ เผชิญกับการตรวจสอบและข้อกฎหมายที่เข้มงวดในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อการยอมรับและการใช้งานเหรียญUSDTในอนาคตได้
4. ประเด็นการฟอกเงิน (Money Laundering): ด้วยธรรมชาติของบล็อกเชนที่ทำให้การติดตามธุรกรรมบางอย่างเป็นเรื่องยาก ทำให้มีข้อกล่าวหาถึงความเป็นไปได้ในการใช้เหรียญUSDTเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างมาก
เทียบกันจะๆ: เหรียญUSDT vs. ยูเอสดีซี (USDC)
ไหนๆ ก็คุยเรื่องสเตเบิลคอยน์แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ยูเอสดีซี (USD Coin) ครับ ซึ่งก็เป็นสเตเบิลคอยน์ที่ผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ แบบ 1:1 เหมือนกัน สร้างโดยบริษัท เซอร์เคิล (Circle) และ คอยน์เบส (Coinbase)
ความแตกต่างหลักๆ คือ ยูเอสดีซี (USDC) ได้รับการยอมรับว่ามีความโปร่งใสสูงกว่า เพราะมีการตรวจสอบและรายงานการถือครองเงินสำรองอย่างสม่ำเสมอโดยบริษัทภายนอก ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้มากกว่า ส่วนเหรียญUSDTนั้น แม้จะมีความโปร่งใสน้อยกว่าในเรื่องของสินทรัพย์สำรอง แต่ก็มีสภาพคล่องสูงกว่าและถูกใช้ในการซื้อขายระหว่างคู่สกุลเงินต่างๆ ได้มากกว่าเยอะเลยครับ การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสบายใจของคุณผู้อ่านแต่ละคนนั่นเอง

แล้วบริษัท ทีเธอร์ ไม่ได้ทำแค่ USDT อย่างเดียวใช่ไหม?
คำตอบคือ “ไม่เลยครับ!” บริษัท ทีเธอร์ มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น พวกเขามุ่งมั่นที่จะ “ดิสรัประบบการเงินแบบดั้งเดิม” และ “เบิกทางไปสู่การใช้สกุลเงินแบบดั้งเดิมบนระบบดิจิทัล” ไม่ใช่แค่เหรียญUSDTที่ผูกกับดอลลาร์เท่านั้นนะครับ แต่พวกเขายังออกสเตเบิลคอยน์ที่ผูกมูลค่ากับสกุลเงินอื่น อย่างยูโร (EURT), หยวน (CNYT) รวมถึงเหรียญที่ผูกมูลค่ากับทองคำอย่าง ทีเธอร์ โกลด์ (Tether Gold หรือ XAUT) ด้วย
นอกจากนี้ พวกเขายังขยายธุรกิจไปลงทุนในการขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining), พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบชำระเงินด้วยบิตคอยน์ และทุ่มเทกับการวิจัยและพัฒนาขั้นสูงเกี่ยวกับบิตคอยน์อีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริงครับ
แล้ว “ขุดUSDT” ที่ได้ยินมา มันคืออะไร?
เมื่อก่อนการ “ขุดเหรียญ” จะต้องใช้คอมพิวเตอร์กำลังสูงหรือฟาร์มขุดขนาดใหญ่ที่กินไฟมหาศาล แต่เดี๋ยวนี้มีการพูดถึง “การขุดUSDT” ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนกันมากขึ้น ซึ่งต้องบอกว่ามันต่างจากการขุดแบบดั้งเดิมที่ใช้พลังประมวลผล (Proof of Work) มากๆ ครับ
การ “ขุด” ผ่านแอปเหล่านี้มักจะเป็นการให้ผลตอบแทนจากการที่คุณ “ล็อก” เหรียญบางส่วนไว้ หรือเป็นรูปแบบของการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคล้ายการขุด แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างยิ่งคือ แอปพลิเคชันเหล่านี้มักใช้เวลานานในการได้ผลตอบแทน และบางแอปอาจมีเงื่อนไขแอบแฝง เช่น ต้องซื้อระบบเพิ่มหรืออัปเกรดระดับเพื่อเร่งการขุด หรือเพื่อที่จะถอนเหรียญได้ สิ่งเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นการหลอกลวง ดังนั้น หากเจอแอปพลิเคชันที่อ้างว่าขุดUSDTได้ง่ายๆ ขอให้ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย และพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนนะครับ “ของฟรีไม่มีในโลก” และ “ของดีมักไม่ง่าย” ครับ!
บทสรุปและคำแนะนำจากนักเขียน (ก่อนจบบทความที่อธิบายว่าเหรียญUSDTคืออะไร)
เป็นยังไงกันบ้างครับกับข้อมูลแน่นๆ ที่น่าจะช่วยให้คุณผู้อ่านเข้าใจได้มากขึ้นว่า เหรียญUSDTคืออะไร และมีบทบาทสำคัญอย่างไรในโลกคริปโทเคอร์เรนซี มันเปรียบเสมือนเครื่องมือคู่ใจที่ช่วยให้เราจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน
คำแนะนำจากนักเขียน:
1. ศึกษาให้ลึกก่อนลงทุน: ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ใด รวมถึงเหรียญUSDTด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ทำความเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะลงทุน” หรือที่เรียกกันว่า “DYOR (Do Your Own Research)” คุณต้องรู้ว่า เหรียญUSDTคืออะไร ทำงานอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง อย่าเชื่อแค่คำบอกเล่าหรือกระแส
2. กระจายความเสี่ยง: อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวครับ แม้จะเป็นสเตเบิลคอยน์ แต่การมีเงินทุนทั้งหมดอยู่ใน USDT เพียงอย่างเดียวก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ควรแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม
3. ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด: โลกคริปโทฯ เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายการกำกับดูแล หรือการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ทีเธอร์ อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าและความน่าเชื่อถือของเหรียญUSDTได้เสมอ
4. เข้าใจแหล่งที่มาของสินทรัพย์สำรอง: อย่าลืมนะครับว่าสินทรัพย์สำรองของ USDT ไม่ใช่เงินสดทั้งหมด การที่ 81.13% เป็นตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 และมีเงินสดเพียง 0.11% หมายความว่าความมั่นคงของ USDT นั้นขึ้นอยู่กับเสถียรภาพและความสามารถในการเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านั้นให้เป็นเงินสดได้ในยามจำเป็น
⚠️ คำเตือนจากใจ: หากคุณเป็นคนที่ต้องการสภาพคล่อง (Liquidity) สูงมากๆ และไม่ชอบความเสี่ยงแม้เพียงน้อยนิด หรือมีแผนจะใช้เงินในระยะเวลาอันใกล้ ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนถือเหรียญUSDTเป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นสเตเบิลคอยน์ แต่ก็เคยมีประวัติการหลุดเพ็กชั่วคราวมาแล้ว ความมั่นคงของสินทรัพย์สำรองยังคงเป็นข้อถกเถียงในวงกว้าง หากต้องการความโปร่งใสที่มากกว่า อาจลองศึกษา ยูเอสดีซี (USDC) เพิ่มเติม
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีสติ และขอให้การเดินทางในโลกคริปโทฯ ของคุณเต็มไปด้วยความรู้และโอกาสที่ดีนะครับ!