
คุณผู้อ่านเคยได้ยินคำว่า “แซนด์บ็อกซ์” ไหมครับ? บางคนอาจจะนึกถึงกระบะทรายสำหรับเด็กๆ เล่นสนุกกัน นั่นก็ถูกส่วนหนึ่งครับ เพราะไอเดียเริ่มต้นของคำว่า แซนด์บ็อกซ์ คือ พื้นที่จำกัดที่ปลอดภัย ให้เราได้ทดลอง ได้สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ อย่างอิสระโดยไม่ต้องกลัวว่าความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จะสร้างปัญหาใหญ่โต
แต่จริงๆ แล้วในโลกการเงิน ธุรกิจ และเศรษฐกิจ คำว่า แซนด์บ็อกซ์ คือ เครื่องมือสำคัญที่ไม่ได้มีไว้แค่เล่นๆ นะครับ มันถูกนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อน ทดสอบไอเดีย หรือแม้แต่แก้ปัญหาในสเกลที่ใหญ่ขึ้นมากๆ ว่าแต่ไอเดียกระบะทรายสำหรับเด็กเนี่ย มันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องเศรษฐกิจบ้านเรา?
ลองนึกภาพตามนะครับ ในวงการไอที แซนด์บ็อกซ์ คือ สภาพแวดล้อมจำลองที่โปรแกรมเมอร์ใช้อัพเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ลองฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนไหม ก่อนจะปล่อยให้คนทั่วไปใช้จริงๆ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงได้มหาศาล

พอมาถึงโลกธุรกิจและรัฐบาล ไอเดียนี้ก็พัฒนาไปอีกขั้น กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า Regulatory Sandbox หรือ ‘พื้นที่ทดลองภายใต้การกำกับดูแล’ ฟังดูซับซ้อนใช่ไหมครับ เอาเป็นว่ามันคือพื้นที่พิเศษที่หน่วยงานรัฐกำหนดขึ้นมา เพื่อให้ธุรกิจ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ปกติอาจจะติดขัดเรื่องกฎระเบียบ ได้มีโอกาสทดลองทำจริงในตลาดจริงครับ เช่น ถ้ามีบริษัทฟินเทค (Financial Technology) คิดบริการใหม่สุดเจ๋งขึ้นมา แต่กฎหมายปัจจุบันยังตามไม่ทัน Regulatory Sandbox ก็จะเข้ามาช่วยผ่อนปรนกฎบางอย่างให้ชั่วคราว เพื่อให้บริษัทนั้นได้ทดสอบบริการกับผู้ใช้จริง ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของหน่วยงานกำกับดูแล อย่างในบ้านเรา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีการใช้ Regulatory Sandbox นี้เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินครับ นี่คือ แซนด์บ็อกซ์ คือ กลไกที่ช่วยให้เราไม่ตกยุค และส่งเสริมนวัตกรรมให้เติบโตอย่างปลอดภัย
แต่ถ้าพูดถึง แซนด์บ็อกซ์ ที่คนไทยคุ้นเคยที่สุดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นเรื่องการท่องเที่ยวใช่ไหมครับ คุณอาจจะเคยได้ยินชื่อ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ ใช่แล้วครับ นี่คือการนำแนวคิด แซนด์บ็อกซ์ มาใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศเลย

อย่างที่เราทราบกันดี ภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมากๆ ก่อนโควิด-19 ระบาดรุนแรง ในปี 2562 รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 16% ของ GDP ประเทศไทยเลยทีเดียว พอเจอโควิดเข้าไป ภาคนี้ก็ทรุดหนัก รัฐบาลเลยเกิดไอเดียใช้ แซนด์บ็อกซ์ เพื่อเป็นโครงการนำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ให้สามารถเดินทางเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัวในห้องพัก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ครับ คือนักท่องเที่ยวต้องพักและเที่ยวอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด อย่างเช่นในภูเก็ต ก็ต้องอยู่ในภูเก็ต 14 วันแรก เพื่อทดสอบดูมาตรการต่างๆ และบริหารความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน
ทำไมถึงเรียกโครงการแบบนี้ว่า แซนด์บ็อกซ์? ก็เพราะว่าภูเก็ตถูกใช้เป็นเสมือน “พื้นที่ทดสอบ” ขนาดใหญ่ไงล่ะครับ มีการจำกัดขอบเขต มีกฎกติกา (เช่น ต้องมีเอกสารรับรองการเข้าประเทศ หรือ COE, ใบรับรองแพทย์, ประกัน, หลักฐานการจองที่พัก SHA Plus+, ตรวจ RT-PCR หลายครั้ง, ใช้แอปพลิเคชันติดตามตัว) เพื่อควบคุมสถานการณ์ ถ้าทุกอย่างไปได้ดี ก็ค่อยๆ ขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ อย่างที่ต่อมาก็มีแผนเปิด ‘กรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์’ และพื้นที่อื่นๆ ตามมา การทดลองนี้มีเป้าหมายชัดเจนคือ ฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง อย่างโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ก็มีการประมาณการว่าสามารถสร้างรายได้ได้ถึง 8,900 ล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเกือบแสนคนเลยทีเดียว แต่แน่นอนครับ การทดลองนี้ก็มีความเสี่ยงและเงื่อนไขการยกเลิกโครงการที่ชัดเจน เช่น ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อเกินกำหนด หรืออัตราการครองเตียงผู้ป่วยพุ่งสูง ก็พร้อมที่จะปรับแผนหรือยกเลิกได้ทันที นี่คือลักษณะเด่นของ แซนด์บ็อกซ์ ที่มีการกำหนดขอบเขตและเงื่อนไขไว้ล่วงหน้า
นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวและ Regulatory Sandbox ทางการเงินแล้ว แนวคิด แซนด์บ็อกซ์ ยังถูกนำไปใช้ในภาคส่วนอื่นๆ ด้วยครับ อย่างโครงการ ‘น่าน แซนด์บ็อกซ์’ อันนี้ก็น่าสนใจ เพราะเป็นการนำแนวคิดนี้ไปใช้แก้ปัญหาเชิงพื้นที่ อย่างปัญหาเรื่องพื้นที่ทำกินและภัยแล้งในจังหวัดน่าน โดยทดลองใช้นวัตกรรมและแนวทางใหม่ๆ เพื่อหาทางออกให้กับเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ หรืออย่างที่ วังจันทร์วัลเลย์ ที่ ปตท. พัฒนาขึ้น ก็มี ‘วังจันทร์วัลเลย์ แซนด์บ็อกซ์’ ที่เป็นพื้นที่สำหรับทดลองเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดรน หรือเทคโนโลยีด้านพลังงาน นี่แสดงให้เห็นว่า แซนด์บ็อกซ์ คือ เครื่องมือที่ยืดหยุ่น ใช้ได้หลากหลาย ไม่จำกัดแค่เรื่องเทคโนโลยีหรือการเงิน แต่สามารถนำไปปรับใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาในด้านอื่นๆ ได้หมด
โดยสรุปแล้ว แซนด์บ็อกซ์ คือ แนวคิดและกลไกที่มีพลังมากๆ ครับ มันช่วยให้เรากล้าที่จะทดลองไอเดียใหม่ๆ ได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมความเสี่ยง ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เราเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ปรับปรุงแผนได้ทันที และนำไปสู่การพัฒนาในวงกว้างต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤต การพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน หรือการแก้ปัญหาในระดับท้องถิ่น
สำหรับผู้อ่านทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน หรือแค่คนทั่วไป การทำความเข้าใจแนวคิด แซนด์บ็อกซ์ ก็มีประโยชน์นะครับ ลองนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการตัดสินใจเรื่องการเงินของตัวเองก็ได้ครับ เช่น ก่อนจะลงทุนก้อนใหญ่ในอะไรที่ไม่คุ้นเคย ลองแบ่งเงินจำนวนน้อยๆ มาทดลองดูก่อน ศึกษาข้อมูลในขอบเขตที่จำกัด ดูผลลัพธ์ เรียนรู้จากมัน ค่อยๆ ขยายสเกลขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ก็เป็น แซนด์บ็อกซ์ ในแบบของเราเองได้ครับ
⚠️ ข้อควรจำเสมอคือ แม้จะเป็นพื้นที่ทดลองที่มีการควบคุม แต่การทดลองก็ย่อมมีความเสี่ยงที่อาจไม่เป็นไปตามแผนเสมอ หากคุณกำลังจะตัดสินใจทางการเงิน หรือเริ่มต้นธุรกิจ/ลงทุนใหม่ๆ ที่ใช้แนวคิด แซนด์บ็อกซ์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการทดลอง อย่าลืมประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเตรียมแผนสำรองไว้เสมอครับ