“`html
ตลาดคริปโตนี่มันน่าเวียนหัวจริงๆ นะคะ บางวันขึ้นแรง บางวันก็ลงฮวบชนิดที่ว่าใจจะวาย… แล้วเคยได้ยินชื่อ ‘เหรียญมีม’ (Meme Coin) กันไหมคะ? ใช่แล้วค่ะ เหรียญที่เริ่มต้นจากความสนุกบนอินเทอร์เน็ต บางทีก็เป็นรูปหมา รูปกบ หรือรูปอะไรฮาๆ แต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตในโลกการเงินดิจิทัลไปซะงั้น ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนชาวไทยอย่างเราๆ ด้วย และถ้าพูดถึงเหรียญมีมที่โด่งดังสุดๆ ชื่อของ เหรียญshiba (SHIBA INU) หรือ ชิบะอินุ เนี่ย ก็ต้องผุดขึ้นมาในหัวเป็นอันดับต้นๆ แน่ๆ วันนี้เราจะมาแกะรอยเจ้าหมาน้อยตัวนี้กันค่ะ ว่ามันคืออะไร มีเรื่องราวที่น่าสนใจยังไง ทำไมถึงมีทั้งคนรักคนเกลียด แล้วอนาคตของ เหรียญshiba จะเป็นยังไงต่อไป

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2020 ท่ามกลางกระแสคริปโตที่กำลังคึกคัก ก็มีเหรียญน้องใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ โดยบุคคลนิรนามที่ใช้ชื่อแฝงว่า ‘Ryoshi’ เขาตั้งใจให้ เหรียญshiba เป็นเหมือน ‘คู่แข่ง’ หรือที่คนในวงการเรียกอย่างติดตลกว่า ‘นักฆ่า Dogecoin’ ซึ่งเป็นเหรียญมีมรุ่นพี่ที่โด่งดังอยู่ก่อนแล้ว มันถูกสร้างขึ้นบนเครือข่ายของ Ethereum ซึ่งเป็นบล็อกเชนขนาดใหญ่และได้รับความเชื่อถือ ทำให้ เหรียญshiba จัดเป็นเหรียญประเภท ERC-20 ที่สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันต่างๆ บน Ethereum ได้ แรกเริ่มเดิมที Ethereum ใช้ระบบที่เรียกว่า Proof-of-Work (POW) ในการตรวจสอบธุรกรรม แต่ก็มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้ Proof-of-Stake (POS) ตามการพัฒนา Ethereum 2.0 ซึ่งจะทำให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง นี่ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ เกี่ยวกับพื้นฐานทางเทคนิคของ เหรียญshiba ค่ะ
เรื่องราวการกระจายเหรียญตั้งต้นของ เหรียญshiba ก็ไม่ธรรมดาเลยค่ะ หลังจากสร้างเสร็จ Ryoshi ก็แบ่งเหรียญจำนวนมหาศาลออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ครึ่งนึง (คิดเป็น 50%) เขาโยนเข้าไปใน Uniswap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายศูนย์ (DEX) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาซื้อขาย เหรียญshiba ได้ง่ายๆ ส่วนอีกครึ่งนึงที่เหลือ… เขาส่งไปให้ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum! ลองนึกภาพว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนส่งทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ฯ มาให้คุณ Vitalik เองก็คงจะอึ้งเหมือนกันค่ะ แต่เขาก็จัดการกับเหรียญจำนวนมหาศาลนั้นได้อย่างน่าทึ่งมาก เขาตัดสินใจเอา เหรียญshiba ส่วนใหญ่ไป ‘เผา’ ทิ้งซะเกือบทั้งหมด (ประมาณ 90% ของที่เขาได้รับ) เพื่อลดจำนวนเหรียญในตลาดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเผาเหรียญนี้เองก็กลายเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ชุมชน เหรียญshiba เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเหรียญในระยะยาว นอกจากนี้ Vitalik ยังได้บริจาค เหรียญshiba จำนวนมาก (มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะนั้น) ให้กับกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด-19 ในประเทศอินเดีย รวมถึงองค์กรการกุศลอื่นๆ อีกด้วย การกระทำของ Vitalik Buterin นี้ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุปทานหมุนเวียนและชื่อเสียงของ เหรียญshiba เลยทีเดียวค่ะ

จากนั้นในปี 2021 โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ประมาณเดือนตุลาคม ราคาของ เหรียญshiba ก็พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้นักลงทุนที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้กลายเป็นเศรษฐีกันไปหลายคน เหตุผลที่ราคาพุ่งแรงขนาดนั้นมาจากหลายปัจจัยรวมกันค่ะ ส่วนหนึ่งมาจากกระแส ‘เหรียญมีม’ ที่มาแรงสุดๆ ในช่วงนั้น คล้ายกับที่ Dogecoin เคยทำไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึง เหรียญshiba โดยบุคคลสำคัญบนโลกออนไลน์ รวมถึงกิจกรรมของ ‘วาฬ’ หรือนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเงินทุนสูง ซึ่งมักจะเข้ามาซื้อขาย เหรียญshiba ในปริมาณมหาศาล ทำให้ราคาผันผวนรุนแรงขึ้นไปอีกค่ะ จุดสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ที่ เหรียญshiba เคยทำได้นั้นน่าทึ่งมาก โดยเคยขึ้นไปถึงประมาณ 0.000088 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว (อ้างอิงข้อมูลจาก Binance/CoinMarketCap)
แต่เรื่องราวของ เหรียญshiba ไม่ได้หยุดแค่การเป็นเหรียญมีมธรรมดาๆ นะคะ โปรเจกต์นี้กำลังพยายามสร้าง ‘ระบบนิเวศ’ ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งประกอบด้วยโทเค็นหลักและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จะเพิ่มประโยชน์ในการใช้งาน (Utility) ให้กับเหรียญ ไม่ได้เป็นแค่เหรียญที่ซื้อขายเก็งกำไรอย่างเดียวแล้ว โทเค็นหลักๆ ในระบบนิเวศนี้ นอกจาก เหรียญshiba เองแล้ว ก็ยังมี LEASH ซึ่งเป็นโทเค็นตัวที่สองที่มอบสิทธิพิเศษบางอย่างให้กับผู้ถือ และ BONE ซึ่งเป็น Governance Token ที่ใช้ในการบริหารจัดการโปรเจกต์ โดยเฉพาะใน Shibarium ซึ่งเป็นโซลูชัน Layer 2 ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา มีเป้าหมายเพื่อย้ายการทำธุรกรรมบางส่วนจาก Ethereum มาอยู่บนเชนของ Shibarium เอง เพื่อให้ค่าธรรมเนียมถูกลงและเร็วขึ้น BONE จะถูกใช้เป็นรางวัลสำหรับ Validators และ Delegators ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยและยืนยันธุรกรรมบน Shibarium นอกจากโทเค็นแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มอย่าง ShibaSwap ซึ่งเป็น DEX สำหรับแลกเปลี่ยนและ Staking เหรียญในระบบนิเวศ และยังมีคอลเลกชัน NFT ที่เรียกว่า Shiboshis อีก 10,000 ชิ้นบนเครือข่าย Ethereum ด้วยค่ะ ส่วน TREAT เป็นอีกโทเค็นที่มีการกล่าวถึงในแผนพัฒนา แต่รายละเอียดและการใช้งานยังไม่ชัดเจนในข้อมูลนี้ การพัฒนาระบบนิเวศที่ซับซ้อนขึ้นนี้เองที่ทำให้หลายคนมองว่า เหรียญshiba มีศักยภาพที่จะไปได้ไกลกว่าการเป็นแค่เหรียญมีม
ทีนี้มาดูเรื่อง ‘ตัวเลข’ ที่หลายคนสนใจกันบ้างค่ะ สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2024 (อ้างอิงจาก Binance) เหรียญshiba มีอุปทานหมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ 589.27 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งถือว่ายังมีจำนวนมาก แม้จะมีการเผาเหรียญไปแล้วจำนวนหนึ่ง ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.000021 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 12.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมงอยู่ที่ประมาณ 244.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับ ‘จุดสูงสุดตลอดกาล’ หรือ All Time High ที่เคยทำได้ประมาณ 0.000088 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2021 ก็จะเห็นว่าราคาปัจจุบันยังห่างจากจุดนั้นมากอยู่พอสมควร ขณะที่ ‘จุดต่ำสุดตลอดกาล’ หรือ All Time Low เคยอยู่ที่ประมาณ 0.00000600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (อ้างอิงจาก TradingView/CoinMarketCap) การเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงที่ผ่านมา (ณ 15 มิ.ย. 2024 อ้างอิงจาก Binance) แสดงให้เห็นถึงความผันผวน โดยราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.13% ใน 24 ชั่วโมง แต่ลดลง 10.70% ใน 7 วัน และลดลงค่อนข้างมากในช่วง 30-90 วันที่ผ่านมา ตัวเลขเหล่านี้บอกอะไรเรา? มันบอกว่า เหรียญshiba ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมากค่ะ

แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาของ เหรียญshiba ไปข้างหน้าล่ะคะ? อย่างแรกและเป็นหัวใจสำคัญเลยคือ ‘พลังชุมชน’ ค่ะ ชุมชนผู้สนับสนุน เหรียญshiba หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Shib Army’ เนี่ยเหนียวแน่นมากๆ พวกเขาคอยสนับสนุน พูดถึง และกระจายข่าวสารเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้อยู่เสมอ นี่เป็นแรงขับเคลื่อนที่หาได้ยากในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ กระแสของ ‘เหรียญมีม’ ในภาพรวมของตลาด Altcoin ก็มีส่วนสำคัญ ถ้าเหรียญมีมตัวอื่นๆ กำลังได้รับความสนใจ เหรียญshiba ก็มักจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย ปัจจัยต่อมาคือ ‘การพัฒนาโครงการ’ ค่ะ การพัฒนา Shibarium และการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ในระบบนิเวศ เช่น เกม NFT จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและอรรถประโยชน์ให้กับ เหรียญshiba ไม่ให้เป็นแค่เหรียญเก็งกำไรเฉยๆ รวมถึง ‘การเผาโทเค็น’ ที่ชุมชนพยายามผลักดันอยู่ตลอด ก็มีเป้าหมายเพื่อลดอุปทานในตลาด ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว การลดอุปทานอาจช่วยเพิ่มมูลค่าได้ หากความต้องการยังคงอยู่ หรือเพิ่มขึ้นค่ะ แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของ ‘นักลงทุนรายใหญ่’ หรือ ‘วาฬ’ ก็มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาของ เหรียญshiba และสุดท้าย เหรียญshiba ก็ยังมีความสัมพันธ์กับ ‘ตลาดคริปโตรวม’ ค่ะ ราคาของมันมักจะได้รับอิทธิพลจากแนวโน้มโดยรวมของตลาด โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ Bitcoin ที่เป็นพี่ใหญ่ในวงการ
ในแง่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค บางคนก็มองเห็นสัญญาณที่น่าสนใจค่ะ เช่น การวิเคราะห์กราฟ 3 วันของ เหรียญshiba โดยผู้เชี่ยวชาญบางส่วน พบ ‘รูปแบบธงขาขึ้น’ (Bull Flag) ซึ่งตามตำราทางเทคนิคแล้ว อาจเป็นสัญญาณบอกถึงโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นได้ 80-90% หากสามารถทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้ แต่ก็ต้องย้ำว่านี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ตามกราฟ ซึ่งไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ในตลาดคริปโตที่ผันผวนแบบนี้ค่ะ ส่วนการคาดการณ์ราคาในระยะยาวจากแหล่งต่างๆ อย่าง Changelly ก็ให้ตัวเลขที่ค่อนข้างเป็นบวก โดยคาดการณ์ว่าราคา เหรียญshiba อาจจะค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า (ลองดูตัวเลขคาดการณ์จาก Changelly ในข้อมูลที่คุณมีได้เลยค่ะ) แต่เราต้องจำไว้เสมอว่านี่เป็นเพียงการ ‘คาดการณ์’ ที่อ้างอิงจากข้อมูลและโมเดลบางอย่างเท่านั้นค่ะ ตลาดจริงๆ อาจไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าอนาคตของ เหรียญshiba ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการพัฒนา Shibarium นี่แหละค่ะ ถ้าโซลูชันนี้ใช้งานได้ดีและได้รับความนิยม ก็น่าจะเพิ่มความน่าสนใจและความต้องการใน เหรียญshiba ได้อีกเยอะ ทำให้มีศักยภาพในการกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม หรืออาจจะไปได้ไกลกว่านั้น หากตลาดคริปโตรวมเป็นใจ
สรุปแล้ว เหรียญshiba ก็เป็นเหรียญมีมที่มีเรื่องราวไม่ธรรมดา มีระบบนิเวศที่กำลังพัฒนา และได้รับแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งจากชุมชนผู้สนับสนุน หากมองในแง่ของศักยภาพ การพัฒนา Shibarium อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มประโยชน์และมูลค่าให้กับเหรียญ แต่สิ่งที่เราต้องไม่ลืมเลยคือ ‘ความผันผวน’ ที่รุนแรงมากๆ ของมันค่ะ
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ เหรียญshiba หรือคริปโตอื่นๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ ‘ทำการบ้าน’ ค่ะ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจโปรเจกต์ ความเสี่ยง และอย่าลงทุนด้วยเงินทั้งหมดที่คุณเสียไม่ได้ การลงทุนในคริปโตไม่ใช่การซื้อหวยที่หวังรวยข้ามคืน แต่ต้องอาศัยความเข้าใจและการบริหารความเสี่ยงที่ดีค่ะ
⚠️ การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและโทเค็นดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงมาก ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น โปรดศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน และลงทุนเท่าที่รับความเสี่ยงได้เท่านั้นนะคะ อย่ากู้เงินมาลงทุนในตลาดที่มีความผันผวนสูงแบบนี้เด็ดขาดค่ะ
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าเข้าใจความเสี่ยงและอยากลองลงทุนใน เหรียญshiba ก็สามารถหาซื้อขายได้ตามแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชั้นนำทั่วไปค่ะ เช่น Binance TH (สำหรับประเทศไทย), Binance, Coinbase หรือ Kraken ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็เหมือนกับ Moneta Markets หรือโบรกเกอร์อื่นๆ ในตลาดการเงิน ที่ให้บริการเป็นตัวกลางในการซื้อขายสินทรัพย์นั่นเองค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการเดินทางในโลกของคริปโตนะคะ แต่จำไว้เสมอว่า ความรู้คู่ความระมัดระวัง คือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในตลาดนี้ค่ะ
“`