
ในยุคที่โลกหมุนเร็วเสียจนตามไม่ทันนี้ มีคำถามที่หลายคนอาจจะเคยคิดในใจ หรือไม่ก็มีเพื่อนสนิทมาถามไถ่บ่อยๆ ว่า “เฮ้ย! ช่วงนี้กระแส หุ้นคริปโต มาแรงมาก ลงทุนดีไหมวะ? หรือจะกลับไปเล่นหุ้นแบบเดิมๆ ที่คุ้นเคยดีกว่า?” คำถามนี้แหละครับ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมอยากชวนทุกคนมาเปิดมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและหุ้นแบบที่เราคุยกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องใส่สูทผูกไทให้เครียด
ลองนึกภาพตามนะครับว่าคุณกำลังนั่งจิบกาแฟสบายๆ แล้วเพื่อนสนิทก็เดินเข้ามาพร้อมสีหน้าเป็นกังวล บอกว่าได้ยินเรื่องคนรวยเป็นเศรษฐีจากคริปโตชั่วข้ามคืน แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่หมดตัว “สรุปแล้วไอ้เจ้า หุ้นคริปโต เนี่ย มันคืออะไรกันแน่ แล้วเราควรจะกระโดดเข้าไปคว้าโอกาส หรืออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ดี?” ผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วครับ วันนี้เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก สไตล์คนกันเอง ว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกับตลาดหุ้นบ้านเรามันเป็นยังไง มีอะไรน่าสนใจ และที่สำคัญคือต้องระวังอะไรบ้าง
—
**เปิดโลกสินทรัพย์ดิจิทัล: สวรรค์ของนักเสี่ยงโชค หรือขุมทรัพย์ยุคใหม่?**
ถ้าจะให้พูดถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล ต้องบอกว่ามันเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาครับ คือมันผันผวนสูงมากกกก แต่ในความผันผวนนั้นก็มีโอกาสทำกำไรสูงลิบลิ่วซ่อนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ตรงข้ามกับหุ้นที่ดูมั่นคงกว่า มีข้อมูลพื้นฐานบริษัทรองรับให้เราได้ศึกษา แต่ก็อย่างว่าแหละครับ “ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง” เป็นเรื่องจริงที่ใช้ได้กับคริปโตแบบสุดๆ
ลองดูตัวเลขที่น่าสนใจจากข้อมูลล่าสุดนะครับ (ณ วันที่รวบรวมข้อมูล) ตลาดคริปโตทั่วโลกมีสกุลเงินดิจิทัลกว่า 11.29 ล้านเหรียญ (บางแหล่งก็บอก 10,895 เหรียญ) มีกระดานแลกเปลี่ยนมากถึง 789 แห่ง! และมูลค่าตลาดคริปโตทั่วโลกก็ปาเข้าไป 3.19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว แม้ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจะลดลงไปบ้างเล็กน้อยก็ตาม ส่วนปริมาณการซื้อขายก็อยู่ที่หลักแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องและความคึกคักของตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี
ที่น่าจับตาคือ “ดัชนีความกลัวและความโลภ” (Fear & Greed Index) ที่ตอนนี้อยู่ที่ 40/100 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ “ความกลัว” นั่นแปลว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลอยู่บ้าง ซึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่นักลงทุนสายสวนทางจะมองหาโอกาสก็เป็นได้นะครับ ส่วนในตลาด “ดีไฟ” (DeFi – ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์) ปริมาณการซื้อขาย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 303.62 พันล้านบาท และที่สำคัญคือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ (Stablecoin) อย่าง เทเธอร์ ยูเอสดีที (USDT) และ ยูเอสดีซี (USDC) มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 3.29 ล้านล้านบาท นั่นหมายความว่านักลงทุนใช้เหรียญเหล่านี้เป็นที่พักเงิน หรือเป็นสะพานในการแลกเปลี่ยนระหว่างเหรียญต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนนั่นเองครับ
สำหรับปี 2567 นี้ เหรียญคริปโตที่นักลงทุนต่างจับตา และมีการพูดถึงว่าเป็นดาวเด่นก็มีหลายตัวเลยครับ:
* **บิตคอยน์ (บีทีซี): “ทองคำดิจิทัล” ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม**
เจ้าพ่อแห่งวงการคริปโตอย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจใครหลายคนครับ มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์อยู่ที่ 60.0% ของตลาดคริปโตทั้งหมด ถือว่าเยอะมากๆ ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้บิตคอยน์โดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งคือกระแสจากนโยบายทางการเมืองที่เริ่มเปิดรับคริปโตมากขึ้น และเม็ดเงินมหาศาลจากสถาบันการเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุนอีทีเอฟบิตคอยน์ (Bitcoin ETF) กว่า 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีการคาดการณ์กันว่าราคาอาจพุ่งไปถึง 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว ถ้าการเมืองเป็นใจ ใครที่มองหาความมั่นคงในระยะยาว (ในโลกคริปโตนะ) บิตคอยน์ถือเป็นตัวเลือกที่ผันผวนน้อยที่สุดและน่าสนใจครับ
* **อีเธอเรียม (อีทีเอช): แพลตฟอร์มสารพัดนึก**
อีเธอเรียม (Ethereum) หรือ อีทีเอช (ETH) คือแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) อันดับหนึ่งของโลกครับ ลองนึกภาพว่ามันคือระบบปฏิบัติการที่ให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันต่างๆ ขึ้นมาได้มากมาย ใครที่สนใจในโลกของ “ดีไฟ” (DeFi) หรือ “เอ็นเอฟที” (NFT) ต้องรู้จักอีเธอเรียมแน่นอน เพราะมันคือหัวใจสำคัญของการทำงานในระบบเหล่านี้ และด้วยการอัปเกรดเครือข่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็ว ทำให้ยังคงเป็นเหรียญที่มีศักยภาพสูงมากๆ ในระยะยาวครับ
* **โซลาน่า (เอสโอแอล): ความเร็วคือชีวิต**
โซลาน่า (Solana) หรือ เอสโอแอล (SOL) นี่มาแรงแซงโค้งด้วยความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงถึง 65,000 ธุรกรรมต่อวินาที และค่าธรรมเนียมที่แสนจะถูก! เหมาะมากๆ สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูง เช่น เกมบล็อกเชน (Blockchain Game) หรือแพลตฟอร์มเอ็นเอฟที ถ้าใครเคยหงุดหงิดกับความช้าและค่าแก๊สแพงๆ ของบางบล็อกเชน โซลาน่าคือคำตอบเลยครับ

* **คาร์ดาโน่ (เอด้า): ความมั่นคงบนงานวิจัย**
คาร์ดาโน่ (Cardano) หรือ เอด้า (ADA) เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจตรงที่พัฒนาบนพื้นฐานการวิจัยทางวิชาการอย่างจริงจัง เน้นเรื่องความปลอดภัยและความยั่งยืนมากๆ ถ้าคุณเป็นสายเน้นลงทุนระยะยาว ไม่รีบร้อน คาร์ดาโน่อาจเป็นคำตอบที่มั่นคงในโลกคริปโตที่แสนจะผันผวนครับ
* **ด็อกคอยน์ (ดีโอจีอี) และ เปเป้ (พีอีพีอี): เหรียญมีมสุดปั่นป่วน**
ใครที่ชอบความหวือหวา ต้องนี่เลยครับ เหรียญมีม (Meme Coin) อย่างด็อกคอยน์ (Dogecoin) หรือเปเป้ (Pepe) ราคาของเหรียญเหล่านี้มักจะตอบสนองอย่างรุนแรงต่อกระแสสังคม หรือคำพูดของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างคุณอีลอน มัสก์ (Elon Musk) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงมากๆ และชอบการเทรดสั้นๆ ครับ ถ้าจะลงทุนในเหรียญเหล่านี้ต้องทำใจไว้เลยว่า “ขึ้นสุด ลงสุด” ของจริง!
—
**เจาะลึกสินทรัพย์ดิจิทัลตัวท็อป: บิตคอยน์ อีเธอเรียม และผองเพื่อน**
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มคันไม้คันมือ อยากรู้รายละเอียดของเหรียญดังๆ เพิ่มเติมแล้วใช่ไหมครับ? ผมจะมาเล่าให้ฟังแบบกระชับๆ ถึง “คุณสมบัติ” ที่สำคัญของแต่ละเหรียญที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ในตลาด หุ้นคริปโต ครับ
* **บิตคอยน์ (บีทีซี):** ราคาของบิตคอยน์ที่เราเห็นกันทุกวันนี้อยู่ในช่วงประมาณ 96,507.6 – 183,752.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผันผวนมากนะครับ บิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ไร้ตัวกลางควบคุม ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่มีรัฐบาลหรือธนาคารกลางไหนมาสั่งปิดหรือพิมพ์เพิ่มได้ตามใจชอบเลยครับ แถมยังใช้ระบบพิสูจน์การทำงาน (Proof of Work) ที่ทำให้มีความปลอดภัยสูงสุด และมีจำนวนจำกัดแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น! นี่แหละครับที่ทำให้มันถูกยกให้เป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่ช่วยต้านเงินเฟ้อได้ แต่ข้อเสียก็มีนะครับ คือความเร็วในการทำธุรกรรมต่ำ (แค่ 7 ธุรกรรมต่อวินาที) ค่าธรรมเนียมก็ผันผวน และใช้พลังงานในการขุดเยอะมากครับ
* **อีเธอเรียม (อีทีเอช):** ราคาอยู่ประมาณ 2,667.70 – 21,582.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ผันผวนเช่นกัน) จุดเด่นของอีเธอเรียมคือการเป็นแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract Platform) ที่เป็นหัวใจของวงการดีไฟ (DeFi) เลยครับ มันคือระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุด มีนักพัฒนาคอยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา การอัปเกรดเครือข่ายอย่างต่อเนื่องก็ช่วยให้มันยังคงเป็นผู้นำอยู่เสมอ
* **เอ็กซ์อาร์พี (เอ็กซ์อาร์พี):** ราคาประมาณ 2.5009 – 42.1391 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหรียญนี้เป็นอีกหนึ่งสกุลเงินดิจิทัลที่เน้นโซลูชันสำหรับการทำธุรกรรมระดับองค์กร โดยเฉพาะการโอนเงินข้ามประเทศที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำครับ
* **เทเธอร์ ยูเอสดีที (USDT) และ ยูเอสดีซี (USDC):** สองเหรียญนี้คือ “Stablecoin” หรือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ครับ ออกแบบมาให้มีมูลค่าอ้างอิงกับสินทรัพย์อื่น เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดความผันผวน ลองนึกภาพว่าเวลาตลาดคริปโตผันผวนมากๆ นักลงทุนก็จะโยกเงินมาพักใน Stablecoin เหล่านี้ เพื่อรักษามูลค่าเอาไว้ เป็นเหมือน “ที่หลบภัย” ชั่วคราวในตลาดที่ปั่นป่วนนั่นเองครับ ปริมาณการซื้อขายของ USDT สูงถึง 87.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ USDC ที่ 8.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเหรียญกลุ่มนี้ในระบบนิเวศคริปโตครับ
* **คู่สกุลเงินดิจิทัลที่มีการซื้อขายในไทย:** สำหรับนักลงทุนไทย เราก็มีคู่เทรดที่น่าสนใจอย่าง เอ็กซ์อาร์พี เทียบเงินบาท (XRP/THB) และ บิทคับคอยน์ เทียบเงินบาท (KUB/THB) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตในบ้านเราก็มีความคึกคักไม่แพ้กันครับ
—
**ศึกใหญ่ระหว่างสองขั้ว: หุ้น vs. คริปโต เลือกทางไหนดีสำหรับเรา?**
มาถึงคำถามยอดฮิตที่ใครๆ ก็อยากรู้: สรุปแล้วจะเล่น “หุ้น” หรือ “คริปโต” ดีกว่ากัน? เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ผมจะมาเปรียบเทียบให้ดูเลยครับว่าเจ้าสองสิ่งนี้มันต่างกันยังไง เหมือนกับเรากำลังเลือกว่าจะไปเที่ยวทะเล (คริปโต) ที่มีคลื่นลูกใหญ่ๆ ให้สนุกสุดเหวี่ยง กับไปเที่ยวภูเขา (หุ้น) ที่สงบเงียบแต่ก็สวยงามไม่แพ้กัน
**หุ้น (Stock): เพื่อนเก่าที่คุ้นเคย**
* **นิยาม:** หุ้นก็คือตราสารทุนที่แสดงถึงการเป็น “เจ้าของ” ส่วนหนึ่งของบริษัทครับ เมื่อคุณซื้อหุ้น นั่นหมายความว่าคุณได้เป็นเจ้าของกิจการนั้นๆ ตามสัดส่วน คุณก็มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลหรือร่วมออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้
* **คุณสมบัติ:**
* **สร้างความมั่งคั่งระยะยาว:** หุ้นเหมาะกับการลงทุนระยะยาว ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินได้
* **บริหารความเสี่ยง:** ใช้เป็นเครื่องมือกระจายการลงทุนในพอร์ตได้
* **สภาพคล่องสูง:** ซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์
* **ผลตอบแทน:** ได้เงินปันผลจากผลกำไรของบริษัท และส่วนต่างราคา
* **ความเสี่ยงและความผันผวน:** โดยทั่วไปแล้วหุ้นจะผันผวนน้อยกว่าคริปโตครับ ราคาขึ้นลงตามผลประกอบการของบริษัท สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยมหภาคอื่นๆ
* **เวลาทำการของตลาด:** มีเวลาเปิด-ปิดที่ชัดเจน ส่วนใหญ่ก็คือช่วงเวลาทำการปกติของวันธรรมดา หยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
* **แหล่งซื้อขาย:** ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
* **การกำกับดูแล:** มีหน่วยงานทางการเงินกำกับดูแลอย่างชัดเจน ทำให้มีความมั่นคงและปลอดภัยกว่ามากครับ
**คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency): เพื่อนใหม่สุดซ่า**
* **นิยาม:** คริปโตคือสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย ดำเนินการบนบล็อกเชน (Blockchain) ที่เป็นระบบกระจายอำนาจ นั่นหมายความว่าไม่มีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งควบคุมมันได้ครับ
* **คุณสมบัติ:**
* **อิสระเสรี:** ไม่ขึ้นกับการควบคุมของรัฐบาลหรือธนาคารกลาง
* **โปร่งใสและปลอดภัย:** ธุรกรรมทั้งหมดถูกบันทึกบนบล็อกเชน ตรวจสอบได้และแก้ไขไม่ได้
* **ลงทุนหรือเก็งกำไร:** ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือเก็งกำไรได้เหมือนหุ้นหรือฟอเร็กซ์
* **จำนวนจำกัด:** สกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่มีจำนวนจำกัด ทำให้มีคุณสมบัติต้านเงินเฟ้อในระยะยาว
* **ความเสี่ยงและความผันผวน:** นี่คือจุดที่ต้องเน้นย้ำเลยครับว่าคริปโตมีความผันผวนสูงมากกกก ตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว และที่สำคัญคือการถือคริปโตไม่ได้ให้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือการออกเสียงใดๆ แก่ผู้ถือ เหมือนกับการถือหุ้นนะครับ
* **เวลาทำการของตลาด:** เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันหยุด! ทำให้คุณสามารถทำธุรกรรมได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกลางวัน กลางคืน วันทำงาน หรือวันหยุดยาว
* **แหล่งซื้อขาย:** ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เรียกว่ากระดานแลกเปลี่ยนคริปโตฯ (Crypto Exchange) เช่น ไบแนนซ์ (Binance), คอยน์เบส (Coinbase), หรือในไทยก็มีไบแนนซ์ ทีเอช (Binance TH) และบิทคับ (Bitkub)
* **การกำกับดูแล:** เป็นเรื่องใหม่และยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในหลายประเทศครับ การกำกับดูแลยังอยู่ในช่วงพัฒนา ทำให้การลงทุนในคริปโตต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดกว่ามากครับ
—
**แล้วบริษัทไทยอย่าง บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) เกี่ยวข้องยังไงกับตลาดนี้?**
ทีนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยอย่าง บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BROOK ล่ะ เกี่ยวข้องกับเรื่อง หุ้นคริปโต ยังไง? จากข้อมูลที่ผ่านมา BROOK เป็นหนึ่งในบริษัทไทยที่เคยมีความเคลื่อนไหวและเข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งทำให้เป็นที่จับตาของนักลงทุนที่สนใจสินทรัพย์ประเภทนี้ครับ

จากข้อมูลล่าสุด (วันที่ 01 ก.ค. 2568 เวลา 02:24:58) ราคาหุ้น BROOK ปิดที่ 0.33 บาท มีการซื้อขายกว่า 6.8 ล้านหุ้น มูลค่า 2.27 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาค่อนข้างต่ำ แต่ปริมาณการซื้อขายก็แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนได้เช่นกันครับ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า “หุ้น” ของบริษัทต่างๆ ก็สามารถมีส่วนเชื่อมโยงกับโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลได้เช่นกันครับ
—
**บทสรุป: ไม่มีอะไรดีที่สุด มีแต่สิ่งที่เหมาะกับเราที่สุด**
มาถึงตรงนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะได้เห็นภาพรวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดหุ้นได้ชัดเจนขึ้นนะครับ ไม่มีใครบอกได้ว่า “หุ้น” หรือ “คริปโต” ดีกว่ากัน เพราะมันขึ้นอยู่กับ “ตัวคุณ” และ “ความเหมาะสม” ครับ เหมือนการเลือกซื้อรถยนต์นั่นแหละครับ บางคนชอบรถสปอร์ตแรงๆ (คริปโต) ที่ขับสนุก เร็วแรง แต่ก็ต้องระวังให้มากหน่อย บางคนชอบรถซีดานนั่งสบายๆ (หุ้น) ที่อาจจะไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าด แต่ก็นุ่มนวล ปลอดภัย และไปถึงที่หมายได้เหมือนกัน
**ข้อคิดและคำแนะนำที่อยากฝากไว้:**
1. **รู้จักตัวเอง:** คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน? ถ้าคุณเห็นเงินลงทุนของคุณลดลง 20-30% ได้โดยไม่หวั่นไหว คริปโตอาจจะเป็นทางเลือก แต่ถ้าเห็นลดแค่ 5% ก็ใจแป้วแล้ว หุ้นอาจจะเหมาะกับคุณมากกว่าครับ
2. **ศึกษาให้ละเอียด:** ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นหรือคริปโต การศึกษาข้อมูลพื้นฐานของสินทรัพย์นั้นๆ สำคัญที่สุดครับ อย่าลงทุนตามกระแส หรือตามเพื่อน บอกว่าอะไรดีก็กระโดดเข้าใส่ มันเสี่ยงมากๆ
3. **กระจายความเสี่ยง:** อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวครับ ลองแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภทดูบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ต
4. **เงินเย็นเท่านั้น:** สำคัญมากครับ! อย่าเอาเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเงินที่ต้องใช้ในอนาคตอันใกล้มาลงทุนในสินทรัพย์ที่ผันผวนสูงอย่างคริปโตเด็ดขาด เพราะหากตลาดผันผวนติดลบ คุณอาจไม่มีเงินมาใช้จ่ายตามแผนได้
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกเส้นทาง “หุ้น” หรือ “คริปโต” ขอให้จำไว้ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” เสมอครับ! ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนในโลกการเงินยุคใหม่นะครับ