คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

อนาคตเหรียญ LUNA: เสี่ยงวัดใจ หรือโอกาสทอง?

หวัดดีครับทุกคน! วันนี้เรามาชวนคุยเรื่องร้อนๆ ในวงการคริปโตเคอร์เรนซีกันหน่อย ไม่นานมานี้ เพื่อนผมคนนึงไลน์มาถาม “เฮ้ยแกรู้จักเหรียญ LUNA ไหม? เห็นราคาเคยพุ่งไปสูงลิ่ว แต่แล้วก็ร่วงแบบน่าใจหาย สรุปแล้ว อนาคตเหรียญ luna มันจะเป็นยังไงวะ น่าสนใจอีกไหม?” โอ้โห คำถามนี้จี้ใจดำนักลงทุนหลายคนเลยทีเดียว เพราะเรื่องราวของ LUNA นี่มันเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาดีๆ นี่เอง จากดาวรุ่งพุ่งแรงกลายเป็นดาวร่วงในชั่วข้ามคืน สร้างทั้งความตื่นเต้น ดีใจ และน้ำตาให้กับคนในวงการ วันนี้เราจะมาลองย่อยเรื่องยากๆ ของ LUNA ให้เข้าใจง่ายๆ เหมือนนั่งคุยกับเพื่อน พร้อมหาคำตอบกันว่า ตกลงแล้วเจ้าเหรียญตัวนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่ แล้วเราควรมองมันต่อไปยังไงดี

ก่อนจะไปถึงเรื่องวิกฤต เรามาทำความรู้จัก LUNA กันก่อนดีกว่าว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร LUNA (ลูน่า) ไม่ใช่แค่เหรียญดิจิทัลธรรมดาทั่วไป แต่มันเป็นหัวใจหลักของระบบนิเวศบล็อกเชนที่ชื่อว่า Terra (เทอร์ร่า) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Terraform Labs (เทอร์ร่าฟอร์ม แล็บส์) ที่มี Do Kwon (โด ควอน) และ Daniel Shin (แดเนียล ชิน) เป็นผู้ร่วมก่อตั้งในปี 2018 เป้าหมายหลักของ Terra คือการสร้างระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi – ดีไฟ) ที่ใช้งานง่าย โดยมีพระเอกนางเอกคู่กันคือ LUNA และเหรียญ Stablecoin (สเตเบิลคอยน์) อย่าง TerraUSD หรือ UST (ยูเอสที)

ลองนึกภาพตามง่ายๆ นะครับ UST ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าเทียบเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เสมอ เหมือนเป็นเงินบาทดิจิทัลที่เราใช้กัน แต่เป็นเวอร์ชันดอลลาร์ ส่วน LUNA มีหน้าที่สำคัญเปรียบเสมือนพี่เลี้ยง คอยประคับประคองให้ UST มีค่าคงที่ 1 ดอลลาร์ให้ได้ กลไกมันทำงานแบบนี้ครับ: ถ้าความต้องการ UST สูงขึ้น คนอยากได้เยอะ ราคา UST อาจจะขยับเกิน 1 ดอลลาร์ ระบบก็จะเปิดให้คนเอา LUNA มา “เผา” (Burn – เบิร์น คือการทำลายเหรียญทิ้งจากระบบ) เพื่อสร้าง UST ใหม่ในราคา 1 ดอลลาร์ได้ ทำให้มี UST ในระบบมากขึ้น ราคาก็จะกลับมาที่ 1 ดอลลาร์เหมือนเดิม ในทางกลับกัน ถ้าคนต้องการ UST น้อยลง เทขายเยอะ ราคาอาจจะต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ระบบก็จะเปิดให้คนเอา UST ไปแลกเป็น LUNA ที่มีมูลค่า 1 ดอลลาร์ได้ ทำให้ UST ในระบบน้อยลง ราคาก็จะดีดกลับมาที่ 1 ดอลลาร์ กลไกนี้เรียกว่า Algorithmic Stablecoin (อัลกอริทึมิก สเตเบิลคอยน์) คือใช้โค้ดและแรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ควบคุมราคา ไม่ต้องมีสินทรัพย์จริงๆ ค้ำประกันเหมือน Stablecoin แบบอื่นๆ นอกจากนี้ คนที่ถือ LUNA ยังได้รับสิทธิ์ในการโหวตทิศทางของแพลตฟอร์ม Terra และได้รับส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างๆ ในระบบอีกด้วย ช่วงต้นปี 2021 ถึงต้นปี 2022 ระบบนี้บูมมาก คนแห่กันเข้ามาใช้ UST และถือ LUNA กันเพียบ เพราะมีโปรโตคอลชื่อ Anchor (แองเคอร์) ที่ให้ผลตอบแทนจากการฝาก UST สูงถึงเกือบ 20% ต่อปี! สูงจนไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะครับ?

แต่ความสวยงามมักอยู่ไม่นาน… เดือนพฤษภาคม ปี 2022 เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เหมือนพายุลูกใหญ่ที่ซัดเข้าวงการคริปโตเต็มๆ จู่ๆ เหรียญ UST ที่ควรจะมีค่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เสมอ เกิด “หลุด Peg” (หลุดเพ็ก) คือมูลค่ามันร่วงลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์อย่างรุนแรง และไม่สามารถกลับขึ้นไปได้ตามกลไกที่วางไว้ พอน้อง UST ป่วยหนัก พี่เลี้ยงอย่าง LUNA ก็งานเข้าสิครับ ตามกลไกที่เล่าไป พอ UST ราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ คนก็ควรจะแห่เอา UST ไปแลกเป็น LUNA มูลค่า 1 ดอลลาร์ใช่ไหม? ปัญหาคือตอนนั้นคนตื่นตระหนก เทขาย UST กันมหาศาล ทำให้ต้องมีการ “ผลิต” (Mint – มิ้นท์) เหรียญ LUNA ออกมาในระบบเยอะมากๆๆๆ เพื่อมารับซื้อ UST คืน ลองนึกภาพเหมือนธนาคารกลางพิมพ์เงินออกมาไม่หยุดเพื่อพยุงค่าเงินตัวเอง ผลคืออะไรครับ? เงินเฟ้อมหาศาล! LUNA ก็เหมือนกัน การที่เหรียญถูกผลิตออกมาไม่หยุด ทำให้มูลค่าของ LUNA แต่ละเหรียญดิ่งเหวแบบสุดๆ จากที่เคยซื้อขายกันอยู่แถวๆ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงมาเหลือไม่ถึงเซ็นต์ในเวลาไม่กี่วัน! นักลงทุนที่ถือ LUNA ไว้ เรียกว่าแทบจะหมดตัวกันเลยทีเดียว วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้กระทบแค่คนที่ลงทุนใน LUNA หรือ UST นะครับ แต่มันสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตโดยรวม โดยเฉพาะกับเหรียญ Stablecoin ที่ใช้กลไกซับซ้อนแบบนี้ มันทำให้ทุกคนเห็นว่า อะไรที่ดูเหมือนจะมั่นคง ก็อาจพังครืนลงมาได้ถ้าพื้นฐานมันไม่แข็งแรงพอ หรือเจอสถานการณ์สุดขั้ว (Black Swan Event – แบล็กสวอนอีเวนต์)

คำถามยอดฮิตที่ตามมาคือ “แล้วตอนนี้ LUNA มันหายไปเลยหรือยัง? หรือยังมีให้เทรดอยู่?” หลังจากการล่มสลายครั้งใหญ่ ทีมพัฒนา Terra ก็ไม่ได้ยอมแพ้ครับ พวกเขามีการโหวตในชุมชนและตัดสินใจสร้างบล็อกเชนใหม่ขึ้นมาชื่อว่า Terra 2.0 และสร้างเหรียญ LUNA ใหม่ขึ้นมาบนเชนนั้น ส่วนเหรียญ LUNA เดิมที่อยู่บนเชนเก่า (ที่เกิดวิกฤต) ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Luna Classic (ลูน่า คลาสสิก) หรือใช้ตัวย่อว่า LUNC (แอลยูเอ็นซี) ดังนั้น เหรียญที่เราเห็นซื้อขายกันในกระดานเทรดส่วนใหญ่ตอนนี้ ที่ราคาต่ำมากๆ (ประมาณ 0.00008 ดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เวลาที่เขียนบทความนี้) ก็คือ LUNC หรือ LUNA ตัวเก่านั่นเอง

ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญที่เพื่อนผมถาม และเชื่อว่าหลายคนก็อยากรู้: อนาคตเหรียญ luna (หรือ LUNC ในปัจจุบัน) ยังน่าสนใจอยู่ไหม? ควรเข้าไปเสี่ยงดีหรือเปล่า? ต้องบอกตามตรงว่า การลงทุนใน LUNC ตอนนี้มีความเสี่ยงสูงมากๆๆๆ ครับ เหมือนการซื้อลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะพื้นฐานเดิมของระบบมันพังไปแล้ว ความเชื่อมั่นก็หายไปเยอะ แต่ในโลกคริปโต อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ยังมีกลุ่มนักลงทุนที่เชื่อมั่น (หรืออาจจะแค่เก็งกำไร) ใน LUNC อยู่ มีการรวมตัวกันในชุมชน พยายามผลักดันให้มีการ “เผา” เหรียญ LUNC เพื่อลดจำนวนเหรียญในระบบลง หวังว่าราคาจะขยับขึ้นได้บ้าง มีนักวิเคราะห์คริปโตบางคน เช่น Javon Marks (จาวอน มาร์คส์) ออกมาคาดการณ์ว่า LUNC อาจจะมีโอกาสทะลุกรอบราคาสำคัญ และมีเป้าหมายราคาที่ 0.000593 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าเป็นจริง ก็หมายถึงกำไรกว่า 600% จากราคาปัจจุบัน! ฟังดูน่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ? แต่เดี๋ยวก่อน! ต้องย้ำว่านี่เป็นเพียงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าจะเกิดขึ้นจริง ตลาด LUNC ยังคงผันผวนอย่างหนัก ข่าวเล็กๆ น้อยๆ ก็ส่งผลต่อราคาได้ อย่างล่าสุดมีข่าวว่า Exchange (เอ็กซ์เชนจ์) ซื้อขายคริปโตอย่าง Gemini (เจมินาย) ประกาศจะถอดเหรียญ LUNC ออก แต่ราคาก็ยังไม่ได้ร่วงลงไปมากนัก แสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก

ถ้ามองภาพรวมตลาดคริปโตในบ้านเราล่ะ? จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงต้นปี 2024 พบว่า เหรียญที่มีอัตราส่วนการซื้อขายสูงสุดในไทยคือ Tether (USDT) ซึ่งเป็น Stablecoin อีกตัวที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ใช้สินทรัพย์ค้ำประกันจริง ครองส่วนแบ่งไปถึง 31% ตามมาด้วย Bitcoin (บิตคอยน์) ราชาแห่งคริปโตที่ 16% และ Ethereum (อีเธอเรียม) ที่ 6% ส่วนเหรียญอื่นๆ อย่าง Dogecoin (โดชคอยน์), LUNA (ซึ่งน่าจะหมายถึงทั้ง LUNA ใหม่และ LUNC รวมกันในข้อมูลนี้), NEAR (เนียร์), GALA (กาลา) มีสัดส่วนเท่ากันที่ 3% และเหรียญสัญชาติไทยอย่าง Bitkub Coin (KUB) มีสัดส่วน 1% ตัวเลขนี้บอกอะไรเราได้บ้าง? มันแสดงให้เห็นว่านักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังคงนิยมเหรียญหลักที่มีความน่าเชื่อถือและ Stablecoin ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า แม้จะมีความสนใจใน Altcoin (อัลต์คอยน์ – เหรียญทางเลือกอื่นๆ) อยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า

วิกฤต LUNA ยังส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมถึง ก.ล.ต. ของไทย หันมาให้ความสนใจและพิจารณาเรื่องการกำกับดูแล Stablecoin อย่างจริงจังมากขึ้น เพราะกลัวว่าหากเกิดปัญหากับ Stablecoin ตัวใหญ่ๆ อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบการเงินได้ในอนาคต ดังนั้น กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อ อนาคตเหรียญ luna และเหรียญอื่นๆ ที่ใช้กลไกคล้ายกัน

แล้วเราควรทำยังไงดี? ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมอง LUNC อยู่ หรือมีเพื่อนมาชวนลงทุน ผมอยากให้ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ก่อน:

1. **คุณเข้าใจความเสี่ยงของ LUNC แค่ไหน?** ยอมรับได้ไหมว่าเงินที่ลงไปอาจกลายเป็นศูนย์ได้ในพริบตา?
2. **เงินก้อนนี้เป็นเงินเย็นหรือเปล่า?** เป็นเงินที่คุณเสียไปแล้วไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันใช่ไหม?
3. **คุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ LUNC และชุมชนของเขามากพอหรือยัง?** เข้าใจไหมว่าพวกเขากำลังพยายามทำอะไรเพื่อฟื้นฟูเหรียญนี้?
4. **เป้าหมายการลงทุนของคุณคืออะไร?** หวังรวยเร็วจากการเก็งกำไร หรือเชื่อมั่นในพื้นฐานระยะยาว (ซึ่งตอนนี้แทบไม่มี)?

ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและยอมรับความเสี่ยงได้ การแบ่งเงินส่วนน้อยมากๆ (ย้ำว่าน้อยมากๆ) มาลองเสี่ยงกับ LUNC อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะมือใหม่ หรือคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง ผมคิดว่ายังมีสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่น หรือการลงทุนประเภทอื่นที่น่าสนใจและมีความเสี่ยงต่ำกว่านี้อีกมากครับ

**สรุปแล้ว อนาคตเหรียญ luna (LUNC) ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ** มันอาจจะเป็นตั๋วสู่ความร่ำรวยสำหรับคนที่โชคดีและกล้าเสี่ยง หรืออาจจะเป็นแค่เศษซากดิจิทัลที่รอวันเลือนหายไปตามกาลเวลา ไม่มีใครบอกได้แน่ชัด สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ประเมินความเสี่ยงที่คุณรับได้ และตัดสินใจลงทุนด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่มองเห็นโอกาสเพียงอย่างเดียว

⚠️ **คำเตือนส่งท้าย:** หากคุณมีสภาพคล่องทางการเงินไม่สูง หรือเงินก้อนนี้จำเป็นต้องใช้ในอนาคตอันใกล้ การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง LUNC อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม แนะนำให้ศึกษาและพิจารณาทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ นะครับ จำไว้เสมอว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ!

LEAVE A RESPONSE