คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

Bitcoin Dominance คืออะไร? ไขความลับตลาดคริปโตฯ เพื่อพอร์ตปัง!

“นี่บิตคอยน์ ดอมินานซ์ (Bitcoin Dominance) คืออะไรเหรอปาล์ม? เห็นข่าวพูดถึงกันเยอะเลย ไม่รู้มันสำคัญยังไงกับพอร์ตคริปโทฯ ของเราบ้าง?”

เสียงใสๆ ของเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ “ปาล์ม” ทักมาถามผมเมื่อเช้า เป็นคำถามที่พบบ่อยมากในหมู่นักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะมือใหม่ ที่มักจะงงๆ กับศัพท์แสงเทคนิคอลต่างๆ ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ผมในฐานะนักเขียนคอลัมน์การเงินที่คลุกคลีในวงการนี้มานาน เลยได้โอกาสหยิบเรื่องนี้มาไขข้อข้องใจให้ทุกคนฟังกันครับ

ถ้าเปรียบตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเหมือนอาณาจักรที่มีสกุลเงินดิจิทัลหลากหลายสกุล ดินแดนแห่งนี้ก็มี “ราชา” หรือ “พี่ใหญ่” อย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นผู้ครองบัลลังก์มานานแสนนาน ตัวชี้วัดที่บอกว่าบัลลังก์ของบิตคอยน์ยังคงแข็งแกร่ง หรือกำลังถูกท้าทายจากเหรียญอื่นๆ ก็คือ “บิตคอยน์ ดอมินานซ์” (Bitcoin Dominance) หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า BTC.D นั่นเองครับ

**บิตคอยน์ ดอมินานซ์ คืออะไร? ทำไมต้องสนใจ?**

พูดให้เข้าใจง่ายๆ “บิตคอยน์ ดอมินานซ์ คือ” ค่าที่บอกว่า “จากเงินทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เหรียญบิตคอยน์กินส่วนแบ่งไปเท่าไหร่?” หรือจะบอกว่ามันคือ “สัดส่วนมูลค่าตลาดของบิตคอยน์เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด” ก็ได้ครับ วิธีการคำนวณก็ตรงไปตรงมาครับ แค่นำมูลค่าตลาดของบิตคอยน์ หารด้วย มูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด แล้วแสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าสมมติว่ามูลค่าตลาดรวมของคริปโทฯ ทั้งหมดอยู่ที่หนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบิตคอยน์มีมูลค่าตลาดอยู่ห้าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าบิตคอยน์ ดอมินานซ์ก็จะอยู่ที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั่นเองครับ ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ?

แล้วไอ้ค่า “dominance คือ” นี่มันสำคัญยังไงล่ะ? สำคัญมากครับ เพราะมันเป็นเหมือน “เข็มทิศ” ที่ช่วยให้นักลงทุนอย่างเราๆ มองเห็น “สุขภาพ” และ “ทิศทาง” ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวมได้ชัดเจนขึ้น ลองนึกภาพว่าบิตคอยน์เปรียบเสมือนเรือธงของกองทัพเรือ ถ้าเรือธงลำนี้ยังคงแข็งแกร่งและกินพื้นที่ส่วนใหญ่ ก็แสดงว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงอยู่ที่บิตคอยน์เป็นหลักครับ ในทางกลับกัน ถ้าค่าดอมินานซ์เริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเม็ดเงินกำลังไหลไปสู่ “เหรียญทางเลือก” (Altcoins) หรือเหรียญอื่นๆ ที่ไม่ใช่บิตคอยน์มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งข้อมูลจากแหล่งน่าเชื่อถืออย่างบิตคับ บล็อก (Bitkub Blog) หรือฟินโนมีนา (Finnomena) ต่างก็ชี้ตรงกันว่าค่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการประกอบการตัดสินใจซื้อขายเหรียญต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

**ปัจจัยอะไรบ้างที่เขย่าบัลลังก์ Bitcoin Dominance?**

แน่นอนครับว่าไม่มีอะไรอยู่นิ่งเฉยในตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความผันผวนสูง ค่าบิตคอยน์ ดอมินานซ์เองก็ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยหลักๆ ครับ เหมือนกับบัลลังก์ของพระราชาที่ไม่ได้แข็งแกร่งเสมอไป:

* **ราคาบิตคอยน์:** อันนี้ตรงไปตรงมาที่สุดครับ หากราคาบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ความสนใจและเม็ดเงินก็จะไหลกลับเข้าสู่บิตคอยน์ ทำให้ค่าดอมินานซ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะนักลงทุนเชื่อมั่นใน “พี่ใหญ่” มากขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาบิตคอยน์ดำดิ่งลง ค่าดอมินานซ์ก็จะลดลงได้เช่นกัน เพราะนักลงทุนอาจจะมองหาที่พักพิงในเหรียญอื่นๆ แทน
* **ประสิทธิภาพของเหรียญทางเลือก (Altcoins):** ลองนึกภาพว่าเหรียญน้องใหม่อย่างอีเธอเรียม (Ethereum) โซลานา (Solana) หรือคาร์ดาโน (Cardano) อยู่ดีๆ ก็มีข่าวดี มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น หรือราคาพุ่งกระฉูดจนน่าจับตา นักลงทุนจำนวนมากก็อาจจะโยกเงินจากบิตคอยน์ไปลงทุนในเหรียญทางเลือกเหล่านี้เพื่อแสวงหากำไรที่มากกว่า ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์ลดลง และค่าดอมินานซ์ก็พลอยลดลงไปด้วยครับ
* **ปัญหาด้านกฎระเบียบและกฎหมาย:** อันนี้เป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญมากๆ ครับ ลองนึกภาพว่ารัฐบาลทั่วโลกหรือหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศเริ่มออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากๆ กับการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี หรือมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับมาตรการควบคุมต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนก็จะเกิดความไม่มั่นใจและระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ทำให้เม็ดเงินอาจไหลออกจากตลาดคริปโทฯ หรือชะลอการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีผลทำให้ค่าดอมินานซ์ของบิตคอยน์ลดลงได้ครับ ข้อมูลจากบิตคับ บล็อก ก็ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของปัจจัยนี้อย่างมาก
* **การเพิ่มขึ้นของจำนวนเหรียญทางเลือก:** ยิ่งมีเหรียญใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้นเท่าไหร่ นั่นหมายถึงมูลค่าตลาดรวมของคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถ้าบิตคอยน์ไม่ได้เติบโตเร็วเท่ากับจำนวนและมูลค่าของเหรียญทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้สัดส่วนค่าดอมินานซ์ของบิตคอยน์ลดลงไปโดยปริยาย เหมือนกับการที่เค้กก้อนเดิมถูกแบ่งให้กับแขกที่มางานเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ

**วัฏจักรของ Bitcoin Dominance: อ่านใจตลาดเพื่อวางแผนการลงทุน**

ถ้าเราย้อนดูประวัติศาสตร์ของบิตคอยน์ ดอมินานซ์จะพบว่ามันมี “วัฏจักร” ที่น่าสนใจครับ ก่อนปี พ.ศ. 2560 หรือประมาณ 6-7 ปีก่อน ค่าดอมินานซ์ของบิตคอยน์นั้นสูงลิบลิ่วมากครับ เคยพุ่งไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะในยุคแรกๆ บิตคอยน์แทบจะเป็นสกุลเงินดิจิทัลเดียวที่ผู้คนรู้จัก แต่หลังจากปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา ที่เริ่มมีการเสนอขายเหรียญครั้งแรก หรือ Initial Coin Offering (ICO) กันอย่างคึกคัก ทำให้เหรียญทางเลือกอื่นๆ เริ่มเติบโตและได้รับความนิยมมากขึ้น ค่าดอมินานซ์ของบิตคอยน์ก็เริ่มลดลงมาอย่างต่อเนื่อง

การวิเคราะห์วัฏจักรของดอมินานซ์นี้ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจ “การไหลเวียนของเม็ดเงิน” ระหว่างบิตคอยน์และเหรียญทางเลือกได้ชัดเจนขึ้นครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าค่าดอมินานซ์ของบิตคอยน์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มูลค่าตลาดรวมของเหรียญทางเลือกเพิ่มขึ้น นี่มักจะเป็นสัญญาณของสิ่งที่นักลงทุนเรียกกันว่า “อัลต์คอยน์ ซีซัน” (Altcoin Season) หรือ “ฤดูกาลของเหรียญทางเลือก” ครับ เป็นช่วงเวลาที่เม็ดเงินจำนวนมากไหลจากบิตคอยน์ไปสู่เหรียญทางเลือก ทำให้เหรียญเหล่านี้มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนที่เข้าใจวัฏจักรนี้จะสามารถปรับพอร์ตการลงทุน จัดสรรสัดส่วนการลงทุนในบิตคอยน์และเหรียญทางเลือกได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรนั่นเองครับ แหล่งข้อมูลอย่างฟินโนมีนา (Finnomena) และมันนี่บัฟฟาโล (MoneyBuffalo) ก็มักจะอธิบายถึงปรากฏการณ์นี้เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจกลไกตลาดมากขึ้น

**ใช้ Bitcoin Dominance อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?**

ถึงแม้ว่า “บิตคอยน์ ดอมินานซ์ คือ” ตัวชี้วัดที่ทรงพลังและมีประโยชน์มาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไม้กายสิทธิ์เสกได้ทุกอย่างนะครับ เหมือนเครื่องมือทุกชนิด มันก็มีข้อควรพิจารณาและข้อจำกัดเช่นกันครับ การคำนวณค่าดอมินานซ์อ้างอิงจาก “มูลค่าตลาด” (Market Cap) ซึ่งคล้ายคลึงกับการวัดค่าในตลาดหุ้น แต่บิตคอยน์ไม่ได้มีสินค้าหรือบริการที่ชัดเจนเหมือนบริษัททั่วไป ดังนั้น การใช้แค่ค่าดอมินานซ์เพียงตัวเดียวในการตัดสินใจ อาจไม่ให้ความแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ครับ

นักลงทุนที่ชาญฉลาดและชำนาญตลาด มักจะประยุกต์ใช้บิตคอยน์ ดอมินานซ์ร่วมกับเครื่องมือและปัจจัยอื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจลงทุนที่แม่นยำขึ้น เหมือนกับนักเดินเรือที่ไม่พึ่งแค่เข็มทิศเพียงอย่างเดียว แต่ยังดูแผนที่ สภาพอากาศ และปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เครื่องมือที่นิยมใช้ร่วมกันมีดังนี้ครับ:

* **ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index):** อันนี้เหมือนเครื่องวัดอารมณ์รวมของนักลงทุนในตลาดครับ โดยมีระดับตั้งแต่ “ความกลัวอย่างรุนแรง” (Extreme Fear) ไปจนถึง “ความโลภอย่างรุนแรง” (Extreme Greed) ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจว่าตลาดกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน ยิ่งนักลงทุนกลัวมาก ยิ่งมีโอกาสในการเข้าซื้อที่ดี และในทางกลับกันครับ
* **โททอลทู (TOTAL2):** ตัวเลขนี้แสดงถึงมูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด *โดยไม่รวมมูลค่าตลาดของบิตคอยน์* ครับ พูดง่ายๆ คือมันเป็นตัวแทนของมูลค่าตลาดของ “เหรียญทางเลือก” ทั้งหมดนั่นเอง หากค่า TOTAL2 พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่บิตคอยน์ ดอมินานซ์ลดลง นี่ก็ยิ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเม็ดเงินกำลังไหลเข้าสู่ Altcoins ครับ
* **อาร์เอสไอ (RSI):** หรือดัชนีวัดโมเมนตัมที่ใช้วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคา นักลงทุนมักใช้ RSI เพื่อดูว่าสินทรัพย์นั้น “ซื้อมากเกินไป” (Overbought) หรือ “ขายมากเกินไป” (Oversold) เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อหรือขายครับ

ข้อมูลจาก Digital Trader และ MoneyBuffalo ต่างก็แนะนำให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ควบคู่กันไป เพื่อให้การวิเคราะห์ตลาดมีความรอบด้านและน่าเชื่อถือมากขึ้นครับ การรวมข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกันจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของตลาดที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ ไม่ใช่แค่การเดาแบบงมเข็มในมหาสมุทร

**สรุปและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทย**

การทำความเข้าใจว่า “บิตคอยน์ ดอมินานซ์ คือ” อะไร และทำงานอย่างไร ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเกินไปอย่างที่คิดใช่ไหมครับ? มันเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราไขปริศนาการเคลื่อนไหวของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และอ่านใจนักลงทุนทั่วโลกได้ว่า พวกเขากำลังมองหาอะไร กำลังโยกย้ายเงินทุนไปทางไหน

ในฐานะนักลงทุนในประเทศไทย การติดตามค่าบิตคอยน์ ดอมินานซ์และปัจจัยที่เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะการเปลี่ยนแปลงในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาบิตคอยน์ ประสิทธิภาพของเหรียญทางเลือก หรือแม้แต่กฎระเบียบของภาครัฐ ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมการลงทุนและพอร์ตการลงทุนของเราได้ทั้งสิ้น

**คำแนะนำจากใจ:**
ก่อนจะตัดสินใจ “โดด” เข้าไปในตลาดคริปโทฯ หรือปรับสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน” ครับ ใช้บิตคอยน์ ดอมินานซ์เป็นเครื่องมือหนึ่งในการวิเคราะห์ แต่อย่าลืมมองภาพรวมจากเครื่องมืออื่นๆ อย่างดัชนีความกลัวและความโลภ หรือ TOTAL2 ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้คุณมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ

⚠️ **ข้อควรระวัง: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และไม่ควรลงทุนในจำนวนที่เกินกว่าที่ตนเองจะรับความเสียหายได้ครับ**

จำไว้เสมอว่า ในโลกของการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความรู้และความเข้าใจคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดของคุณครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้ชัดเจนขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ!

LEAVE A RESPONSE