คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

ราคาลูน่า: จากดาวรุ่งดับ สู่ LUNA 2.0 จะรุ่งหรือร่วงต่อ?

จำกันได้ไหมครับ? ช่วงเวลาที่ข่าวใหญ่สะเทือนวงการคริปโตเคอร์เรนซีไปทั่วโลก ชื่อของ Terra หรือ LUNA กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในชั่วข้ามคืน จากดาวรุ่งพุ่งแรงสู่การล่มสลายที่สร้างความเสียหายมหาศาล หลายคนอาจจะยังสับสนว่า เอ๊ะ! แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเหรียญนี้กันแน่? ทำไมยังมีชื่อคล้ายๆ กันอยู่สองตัว ทั้ง Terra Classic (LUNC) และ Terra (LUNA) หรือที่เรียกกันติดปากว่า LUNA 2.0 วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ ชำแหละเรื่องราวทั้งหมดแบบเข้าใจง่าย สไตล์เพื่อนคุยกันเหมือนเดิมครับ

ก่อนอื่นต้องย้อนความกันนิดหน่อย โปรเจกต์ Terra เนี่ย ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2018 โดยสองหัวเรือใหญ่ชาวเกาหลีใต้ คือ Daniel Shin และ Do Kwon ซึ่ง Do Kwon ก็รับหน้าที่เป็น CEO ของบริษัท Terraform Labs ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์นี้ ความฝันดั้งเดิมของพวกเขาคือการสร้างระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัล โดยเฉพาะการชำระเงินด้วย Stablecoin (สเตเบิลคอยน์) หรือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ ผูกกับเงินตราจริงๆ เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของคริปโตฯ ทั่วไป ฟังดูดีใช่ไหมครับ? ช่วงแรกๆ ก็ไปได้สวยเลยทีเดียว LUNA ซึ่งเป็นโทเค็นหลักของระบบนิเวศนี้ เคยทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง $119.18 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว ใครถือไว้ตอนนั้นคงยิ้มแก้มปริ

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เหมือนตึกสูงที่สร้างมาอย่างดีเกิดรอยร้าวและถล่มลงมา กลไกที่ออกแบบมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของ Stablecoin ในระบบ เกิดผิดพลาดอย่างรุนแรง ส่งผลให้มูลค่าของทั้ง Stablecoin และเหรียญ LUNA ดิ่งเหวแบบไม่มีใครคาดคิด จากราคาร้อยกว่าดอลลาร์ฯ ร่วงลงมาเหลือแทบจะศูนย์ภายในไม่กี่วัน สร้างความเสียหายให้นักลงทุนทั่วโลกเป็นวงกว้าง เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงและเป็นวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ของวงการคริปโตฯ

หลังจากการล่มสลายครั้งนั้น ทีมงาน Terra ก็ไม่ได้ยอมแพ้ครับ พวกเขาพยายามหาทางกอบกู้สถานการณ์ นำมาสู่สิ่งที่เรียกว่า “การฮาร์ดฟอร์ก” (Hard Fork) พูดง่ายๆ ก็เหมือนการแยกสายการพัฒนาของบล็อกเชนเดิมออกมาเป็นสายใหม่ ทำให้เกิดเป็นสองเหรียญที่เราเห็นกันในปัจจุบัน:

1. **Terra Classic (LUNC):** นี่คือเหรียญ LUNA “ตัวเดิม” บนบล็อกเชน “สายเก่า” ที่ประสบปัญหาครับ หลังจากการแยกสาย บล็อกเชนเดิมก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Terra Classic และเหรียญ LUNA เดิมก็เปลี่ยนชื่อเป็น LUNC เพื่อไม่ให้สับสนกับเหรียญใหม่
2. **Terra (LUNA) หรือ LUNA 2.0:** นี่คือเหรียญ LUNA “ตัวใหม่” ที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน “สายใหม่” ที่แยกออกมา วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ Terra ขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Stablecoin ตัวเดิมที่เคยเป็นปัญหา

ทีนี้ เรามาเจาะลึกกันทีละตัวดีกว่า ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มจากพี่ใหญ่ที่ผ่านมรสุมมาก่อนอย่าง Terra Classic (LUNC)

สำหรับ LUNC ต้องบอกตรงๆ ว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูงมากครับ ด้วยประวัติที่ผ่านมาและความผันผวนที่ยังคงมีอยู่ ข้อมูล ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2025 (ซึ่งราคามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเสมอ) ราคา LUNC อยู่ที่ประมาณ $0.000078 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหรียญ ลองนึกภาพตามนะครับ จากที่เคยสูงสุด $119.18 ดอลลาร์ฯ ตอนนี้ราคาลดลงไปกว่า 99.9% เลยทีเดียว! แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ราคาดีดตัวขึ้นมาบ้าง อย่างในช่วง 7 วันก่อนหน้าข้อมูลนี้ ราคาบวกขึ้นมา 23.21% แต่มองในภาพรวมระยะยาว ก็ยังถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับอดีต

มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) หรือขนาดของตลาด LUNC อยู่ที่ราวๆ $427.17 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งทำให้ติดอันดับประมาณ 140 ของโลกคริปโตฯ แม้จะดูเหมือนเยอะ แต่เมื่อเทียบกับเหรียญชั้นนำอื่นๆ ก็ยังถือว่าไม่ใหญ่มากนัก ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) ในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ $21.13 ล้านดอลลาร์ฯ แสดงว่ายังคงมีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายเก็งกำไรกันอยู่พอสมควร จุดที่น่าสนใจคือ อุปทานหมุนเวียน (Circulating Supply) ของ LUNC มีจำนวนมหาศาลถึง 5.49 ล้านล้านเหรียญ! จำนวนเหรียญที่เยอะขนาดนี้ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้ราคาต่อเหรียญต่ำลงได้ครับ

ถ้ามองในมุมของการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือการดูจากกราฟและอินดิเคเตอร์ต่างๆ สัญญาณโดยรวม ณ ช่วงเวลาของข้อมูล ชี้ไปทาง “สัญญาณขาย” หรือ “เป็นกลาง” เสียส่วนใหญ่ ความผันผวนของราคาก็ยังคงสูงอยู่ ประมาณ 3-4% ต่อวัน ซึ่งหมายความว่าราคาเหวี่ยงขึ้นลงได้แรงในแต่ละวัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยงสูงและติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดเท่านั้นครับ การลงทุนใน LUNC ตอนนี้จึงเหมือนกับการเดิมพันกับการฟื้นตัวของชุมชนและความพยายามในการ “เผาเหรียญ” เพื่อลดอุปทาน ซึ่งยังไม่มีอะไรรับประกันความสำเร็จได้ 100%

แล้ว ราคาลูน่า ตัวใหม่ หรือ Terra (LUNA) 2.0 ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง?

LUNA ตัวใหม่นี้ ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง บนบล็อกเชนใหม่ที่ไม่มีพันธะกับกลไก Stablecoin เดิมที่ล่มสลายไป ข้อมูล ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2025 ราคาลูน่า (LUNA 2.0) อยู่ที่ประมาณ $0.1598 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหรียญ จะเห็นว่าราคาสูงกว่า LUNC อย่างชัดเจน แต่ก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุดที่ LUNA ตัวเดิมเคยทำไว้มาก ราคาสูงสุดที่ LUNA 2.0 เคยทำได้คือ $19.54 ดอลลาร์ฯ ซึ่งปัจจุบันก็ลดลงมากว่า 99% เช่นกัน ส่วนราคาต่ำสุดที่เคยลงไปคือ $0.1370 ดอลลาร์ฯ

มูลค่าตามราคาตลาดของ LUNA 2.0 อยู่ที่ประมาณ $112.84 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งน้อยกว่า LUNC และทำให้อยู่ในอันดับประมาณ 196 ของโลก ปริมาณการซื้อขายในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ราวๆ $12.67 ล้านดอลลาร์ฯ (เมื่อเทียบกับ TetherUS) ส่วนอุปทานหมุนเวียนอยู่ที่ 709.98 ล้าน LUNA ซึ่งน้อยกว่า LUNC หลายเท่าตัว

สัญญาณทางเทคนิคของ LUNA 2.0 ณ ช่วงเวลาเดียวกัน ก็ยังคงผสมผสานระหว่าง “สัญญาณขาย” และ “เป็นกลาง” คล้ายๆ กับ LUNC ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนและความเชื่อมั่นของตลาดที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ ความผันผวนของราคาก็ยังสูงเช่นกัน

คุณอาจจะถามว่า แล้วแบบนี้ ราคาลูน่า ตัวใหม่จะไปต่อได้ไหม? การลงทุนใน LUNA 2.0 ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูงไม่แพ้กันครับ แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ แต่ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากในการสร้างแอปพลิเคชัน (dApps) และดึงดูดนักพัฒนาและผู้ใช้งานกลับเข้ามาในระบบนิเวศใหม่นี้ให้ได้ ความสำเร็จของ LUNA 2.0 ขึ้นอยู่กับการพัฒนาโครงการในอนาคตและการยอมรับจากชุมชนคริปโตฯ โดยรวม ซึ่งยังต้องใช้เวลาในการประเมิน

**สรุปแล้ว LUNC กับ LUNA มันต่างกันยังไง?**

ให้จำง่ายๆ แบบนี้ครับ:
* **LUNC (Terra Classic):** เหมือนบ้านหลังเก่าที่เคยพังทลายลงมา กำลังพยายามซ่อมแซม แต่โครงสร้างเดิมยังอยู่ เป็นเหรียญของบล็อกเชนดั้งเดิม มีอุปทานมหาศาล ความเสี่ยงสูงมาก เน้นการเก็งกำไรและความหวังจากชุมชนเป็นหลัก
* **LUNA (Terra 2.0):** เหมือนบ้านหลังใหม่ที่สร้างขึ้นข้างๆ บ้านหลังเก่า เริ่มต้นใหม่บนบล็อกเชนใหม่ ไม่มีปัญหาเดิมติดตัวมา มีอุปทานน้อยกว่า LUNC แต่ก็ยังต้องสร้างความเชื่อมั่นและพิสูจน์ตัวเอง ความเสี่ยงก็ยังสูงอยู่ แต่มีเป้าหมายในการฟื้นฟูระบบนิเวศที่ชัดเจนกว่า

**ลงทุนตอนนี้เสี่ยงไหม? ควรทำอย่างไร?**

ไม่ว่าจะ LUNC หรือ LUNA 2.0 ทั้งคู่จัดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูงมากครับ การลงทุนในเหรียญเหล่านี้ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ราคาลูน่า และ LUNC มีความผันผวนสูง เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา คุณอาจเห็นเงินเพิ่มขึ้นเร็ว แต่ก็อาจหายไปได้เร็วพอๆ กัน

ก่อนตัดสินใจลงทุนในเหรียญใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะเหรียญที่มีประวัติศาสตร์อันซับซ้อนอย่าง LUNC และ LUNA คุณควร:

1. **ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด (Do Your Own Research – DYOR):** ทำความเข้าใจว่า LUNC และ LUNA คืออะไร ต่างกันอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง อย่าเชื่อแค่คำบอกเล่าหรือกระแสในโซเชียลมีเดีย
2. **ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้:** ถามตัวเองว่าถ้าเงินที่ลงทุนไปหายไปทั้งหมด คุณจะเดือดร้อนหรือไม่? ให้ลงทุนเฉพาะเงินเย็นที่คุณสามารถสูญเสียได้ทั้งหมดเท่านั้น
3. **กระจายความเสี่ยง:** อย่าใส่ไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียว การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียวมีความเสี่ยงสูง ควรพิจารณากระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย
4. **ติดตามข่าวสาร:** ตลาดคริปโตฯ เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ควรติดตามข่าวสารและพัฒนาการของโปรเจกต์อย่างสม่ำเสมอ
5. **พิจารณาแหล่งซื้อขายที่น่าเชื่อถือ:** หากตัดสินใจจะลงทุน ควรเลือกใช้บริการตลาดแลกเปลี่ยน (Exchange) ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เช่น Binance, KuCoin หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ให้บริการในประเทศไทย แพลตฟอร์มอย่าง Moneta Markets ก็มีสินทรัพย์หลากหลายประเภท รวมถึง CFD ของคริปโตฯ ให้นักลงทุนได้เลือกศึกษาและพิจารณาตามความเหมาะสมกับกลยุทธ์ของตนเอง แต่ละแพลตฟอร์มก็มีเงื่อนไขและเครื่องมือแตกต่างกันไป ควรศึกษาให้ดีก่อนเปิดบัญชี

⚠️ **คำเตือนสำคัญ:** สำหรับนักลงทุนที่มีเงินทุนหมุนเวียนไม่คล่องตัว หรือมีภาระค่าใช้จ่ายที่แน่นอน การลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่าง LUNC และ LUNA อาจไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ควรพิจารณาทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจ

เรื่องราวของ Terra และ ราคาลูน่า เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจและเป็นบทเรียนสำคัญของโลกคริปโตฯ ครับ มันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความเสี่ยงและความเปราะบางที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและตัดสินใจอย่างมีสติเสมอครับ!

LEAVE A RESPONSE