บริษัทไทยฟินเทค: ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เปลี่ยนชีวิตคนไทยให้ง่ายขึ้นจริงหรือ?

เอาล่ะทุกคน วันนี้เรามาคุยเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนอาจจะเคยเจอ หรือกำลังสนใจอยู่ก็ได้นะ เคยไหม? เวลาเห็นของที่อยากได้มากๆ ล่อตาล่อใจอยู่บนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว โน้ตบุ๊กสเปกเทพสำหรับทำงานหรือเล่นเกม หรือแม้แต่เครื่องซักผ้าฝาหน้าสุดหรูที่จะทำให้ชีวิตแม่บ้าน (หรือพ่อบ้าน) ง่ายขึ้นเป็นกอง แต่พอก้มมองกระเป๋าตังค์ เอ๊ะ… เงินสดไม่พอ บัตรเครดิตก็ไม่มี หรือมีแต่วงเงินเต็มไปแล้ว! ความฝันเหมือนจะสลายไปในพริบตา
แต่เดี๋ยวก่อน! ในยุคดิจิทัลแบบนี้ อะไรๆ มันก็ง่ายขึ้นเยอะ ปัญหาแบบนี้มีทางออกแล้วนะ เคยได้ยินคำว่า “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” หรือที่เรียกกันติดปากแบบอินเตอร์ๆ ว่า Buy Now Pay Later (BNPL) กันไหม? มันคือบริการที่กำลังมาแรงมากๆ เปรียบเหมือนยาวิเศษที่ช่วยให้เราเป็นเจ้าของสินค้าที่ต้องการได้ทันที โดยไม่ต้องควักเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว แล้วค่อยๆ ทยอยผ่อนจ่ายตามกำลังที่เราไหว ฟังดูดีใช่ไหมล่ะ?
ทีนี้ พอพูดถึง BNPL ในเมืองไทย ชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง หรืออาจจะเคยเห็นผ่านตาตามโฆษณาออนไลน์ ต้องมีชื่อของ “Thisshop” (อ่านว่า ดิสช็อป) โผล่ขึ้นมาแน่นอน แล้ว Thisshop นี่มันคือใครมาจากไหน? เกี่ยวอะไรกับ BNPL? วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันแบบถึงกึ๋น กับบริษัทที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มสุดฮิตนี้ นั่นคือ บริษัทไทยฟินเทค จำกัด นั่นเอง เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปทำความรู้จักพวกเขากันเลย!
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2560 หรือ ค.ศ. 2017 ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังเริ่มบูมสุดๆ ในบ้านเรา บริษัทไทยฟินเทค จำกัด ได้ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมกับความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะ “ยกระดับคุณภาพการบริโภคด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต” ฟังดูยิ่งใหญ่เนอะ แต่ถ้าพูดภาษาบ้านๆ ก็คือ พวกเขาอยากให้คนไทยเข้าถึงสินค้าดีๆ ได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ผ่านโลกออนไลน์นั่นแหละ และไม่ใช่แค่การสร้างร้านค้าออนไลน์ธรรมดาๆ นะ แต่พวกเขาเล็งเห็นช่องว่างสำคัญในตลาด คือ กลุ่มคนที่ไม่มีบัตรเครดิต ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลยในประเทศไทย คนกลุ่มนี้มักจะพลาดโอกาสในการซื้อสินค้าออนไลน์ หรือต้องเก็บเงินก้อนนานมากกว่าจะได้ของที่ต้องการ
บริษัทไทยฟินเทค เลยปิ๊งไอเดีย พัฒนาแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า “Thisshop” ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิก เป็นรายแรกๆ ในไทยเลยก็ว่าได้ ที่นำเสนอบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” หรือ BNPL อย่างเต็มรูปแบบ ลองนึกภาพตามนะ มันเหมือนกับการที่เราไปซื้อของตามห้าง แล้วขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ นั่นแหละ แต่นี่คือการทำทุกอย่างผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้เลย ไม่ต้องเดินไปที่ร้าน ไม่ต้องใช้เอกสารยุ่งยากเหมือนการขอสินเชื่อแบบเดิมๆ ที่สำคัญคือ ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็ทำได้! นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Thisshop โด่งดังและเติบโตอย่างรวดเร็วมากๆ
คุณอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วมันต่างจากบัตรเครดิตยังไง? ทำไมคนถึงหันมาสนใจ BNPL กันเยอะจัง? คำตอบง่ายๆ เลยคือ “ความเข้าถึงง่าย” ครับ บัตรเครดิตเนี่ย กว่าจะสมัครได้ ต้องมีสลิปเงินเดือน ต้องมีรายได้ประจำตามเกณฑ์ ซึ่งน้องๆ นักศึกษา หรือคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ รับจ้างทั่วไป อาจจะไม่มีคุณสมบัติตรงนี้ ทำให้การเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้าเป็นไปได้ยาก แต่ BNPL อย่าง Thisshop เนี่ย เปิดกว้างกว่าเยอะ กลุ่มเป้าหมายหลักของเขาคือคนรุ่นใหม่ นักศึกษา คนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือใครก็ตามที่อาจจะยังไม่มีบัตรเครดิต แต่มีความต้องการสินค้าและมีความสามารถในการผ่อนชำระ
ลองนึกถึงน้องเมย์ นักศึกษาปี 3 ที่อยากได้ iPad สักเครื่องไว้จดเลคเชอร์ ทำรายงานส่งอาจารย์ จะขอเงินพ่อแม่ก้อนใหญ่ก็เกรงใจ บัตรเครดิตก็ยังทำไม่ได้

พอมาเจอ Thisshop ที่ให้ผ่อนจ่ายรายเดือนได้สบายๆ ไม่ต้องใช้บัตร แค่มีคุณสมบัติตามที่เขากำหนดนิดหน่อย (ซึ่งมักจะเข้าถึงง่ายกว่าบัตรเครดิต) น้องเมย์ก็สามารถมี iPad เป็นของตัวเองได้ ความฝันไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ นี่แหละคือสิ่งที่ บริษัทไทยฟินเทค ต้องการจะมอบให้ คือการเติมเต็มช่องว่าง ทำให้ทุกคนเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น
แล้วเบื้องหลังความง่ายดายนี้ มันมีอะไรซับซ้อนไหม? บริษัทไทยฟินเทค เขาไม่ได้ปล่อยสินเชื่อกันง่ายๆ แบบไม่มีการตรวจสอบนะ ไม่งั้นบริษัทคงเจ๊งไปนานแล้ว! พวกเขาใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากๆ อย่าง ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินความเสี่ยงของผู้ซื้อแต่ละคน ลองนึกภาพเหมือนมีหุ่นยนต์อัจฉริยะคอยดูข้อมูลต่างๆ (แน่นอนว่าต้องได้รับความยินยอมจากเราก่อนนะ) เพื่อประเมินว่าเราน่าจะผ่อนไหวไหม จะให้วงเงินเท่าไหร่ดี ระบบนี้ช่วยให้กระบวนการอนุมัติรวดเร็ว และยังช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับบริษัทได้ด้วย ถือเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจริงๆ สมกับเป็นบริษัทฟินเทค (Fintech ซึ่งย่อมาจาก Financial Technology)
ทีนี้ มาดูกันบ้างว่าบนแพลตฟอร์ม Thisshop เนี่ย เขามีอะไรให้เราช้อปกันบ้าง บอกเลยว่าละลานตาสุดๆ เหมือนยกห้างสรรพสินค้ามาไว้ในมือถือเลยก็ว่าได้ หมวดหมู่สินค้ามีครบครันมากๆ ไล่ตั้งแต่ของยอดฮิตอย่าง
* **มือถือและอุปกรณ์ IT:** iPhone, Samsung, realme รุ่นใหม่ๆ, iPad, หูฟังบลูทูธ AirPods, ลำโพง Marshall สุดเท่, คีย์บอร์ดเกมมิ่ง LOGITECH, Power Bank
* **เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน:** ทีวีจอใหญ่ WEYON Smart TV, หม้อหุงข้าว, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, เครื่องปริ้นเตอร์ Canon PIXMA
* **สินค้าความงาม:** น้ำหอมแบรนด์ดังอย่าง YSL LIBRE, ลิปมาส์ก Dr.PONG, สกินแคร์ต่างๆ
* **ดิจิทัลและแกดเจ็ต:** แก็ดเจ็ตล้ำๆ อื่นๆ อีกเพียบ
* **แฟชั่น:** เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ตามเทรนด์
* **บ้านและที่อยู่อาศัย:** ราวตากผ้าสแตนเลส, เฟอร์นิเจอร์เล็กๆ น้อยๆ
* **กีฬา:** สเต็ปเปอร์ เครื่องออกกำลังกาย RIFOAMXN
* **การศึกษา:** สินค้าเกี่ยวกับการเรียนรู้
* **ยานยนต์:** อุปกรณ์เกี่ยวกับรถ
* **สินค้ามือสอง:** ตัวเลือกประหยัดสำหรับคนงบน้อย
* **เติมเงินมือถือ:** อันนี้ก็สะดวกสุดๆ
เรียกว่าอยากได้อะไร Thisshop มีให้เกือบหมด แถมยังการันตีว่าเป็น **สินค้าแบรนด์แท้** ด้วยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอของปลอม และที่สำคัญคือ สินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถใช้บริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ผ่านระบบที่เรียกว่า **TPayLater** ซึ่งเป็นชื่อบริการ BNPL เฉพาะของ Thisshop นั่นเอง
เวลาเราเลือกซื้อสินค้าบน Thisshop แล้วอยากจะผ่อนชำระ ก็แค่เลือกวิธีการชำระเงินเป็น TPayLater ระบบก็จะแสดงรายละเอียดการผ่อนชำระให้เราดูว่าต้องจ่ายงวดละเท่าไหร่ กี่งวด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับราคาสินค้าและโปรโมชั่นในช่วงนั้นๆ ด้วย บางทีก็มีโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษ หรือผ่อน 0% ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นไปอีก นี่แหละคือกลยุทธ์ที่ทำให้ Thisshop สามารถดึงดูดลูกค้าและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในตลาดอีคอมเมิร์ซเมืองไทย
การที่ บริษัทไทยฟินเทค สามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และแก้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างตรงจุด ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในวงการฟินเทคและอีคอมเมิร์ซของไทย วิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็น “ผู้นำธุรกิจสินค้าออนไลน์ในไทย” และเป็น “ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ BNPL ในไทย” ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงเลย
แน่นอนว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ไม่ได้มาจากแค่ไอเดียและเทคโนโลยีที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยทีมงานที่มีคุณภาพด้วย บริษัทไทยฟินเทค มีพนักงานมากกว่า 300 คน ที่ทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ (อยู่ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสาทรเลยนะ) และทีมพัฒนาระบบที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว การมีทีมงานทั้งในไทยและต่างประเทศแบบนี้ ช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานชาวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และเพื่อให้ทีมงานทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ บริษัทไทยฟินเทค ก็ใส่ใจเรื่องสวัสดิการพนักงานไม่น้อยเลยนะ มีทั้งท่องเที่ยวประจำปี งานเลี้ยงสังสรรค์ วันหยุดพิเศษสำหรับแต่งงาน การตรวจสุขภาพประจำปี เบี้ยขยัน ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โบนัสประจำปี และการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงเห็นภาพรวมของ บริษัทไทยฟินเทค และบริการ Thisshop ชัดเจนขึ้นแล้วใช่ไหมครับ พวกเขาคือบริษัทฟินเทคสัญชาติไทย (แม้จะมีทีมพัฒนาบางส่วนที่จีน) ที่มองเห็นโอกาสและกล้าที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและการจับจ่ายใช้สอยของคนไทย ด้วยการนำเสนอทางเลือกใหม่ที่เรียกว่า “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ทำให้การเป็นเจ้าของสินค้าที่ต้องการไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่ไม่มีบัตรเครดิต
อย่างไรก็ตาม การใช้บริการ BNPL ก็เหมือนดาบสองคมนะครับ แม้จะสะดวกสบาย ช่วยให้เราได้ของที่ต้องการทันที แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามันคือ “หนี้” รูปแบบหนึ่งที่เราต้องรับผิดชอบในการชำระคืนให้ตรงเวลา การมีวินัยทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ก่อนตัดสินใจใช้บริการ BNPL ทุกครั้ง ควรถามตัวเองก่อนว่า
1. **จำเป็นจริงๆ ไหม?** สินค้าชิ้นนั้นเป็นของที่จำเป็นต้องใช้ หรือเป็นแค่ความอยากได้ชั่ววูบ?
2. **ผ่อนไหวหรือเปล่า?** คำนวณรายรับรายจ่ายให้ดี ดูว่ายอดผ่อนต่อเดือนอยู่ในระดับที่เราจ่ายได้สบายๆ โดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ หรือไม่?
3. **เงื่อนไขเป็นอย่างไร?** อ่านรายละเอียด เงื่อนไขการผ่อนชำระ ดอกเบี้ย (ถ้ามี) และค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้เข้าใจถ่องแท้ โดยเฉพาะค่าปรับกรณีจ่ายล่าช้า ซึ่งอาจจะสูงกว่าที่คิด!
⚠️ **ข้อควรระวัง:** หากตอนนี้สภาพคล่องทางการเงินของคุณไม่ค่อยดีนัก หรือมีภาระผ่อนอย่างอื่นอยู่แล้ว การก่อหนี้เพิ่มจาก BNPL อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แนะนำให้ประเมินสถานการณ์ของตัวเองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจนะครับ การวางแผนการเงินที่ดีคือหัวใจสำคัญของการใช้จ่ายอย่างมีความสุขและไม่สร้างปัญหาในระยะยาว
โดยสรุปแล้ว บริษัทไทยฟินเทค และแพลตฟอร์ม Thisshop ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการนำเทคโนโลยีทางการเงินมาปรับใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล การให้บริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ และเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ในฐานะผู้บริโภค เราก็ต้องใช้บริการเหล่านี้อย่างมีสติและมีความรับผิดชอบ เพื่อให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การสร้างภาระหนี้สินจนเกินตัวนะครับ!