โอเคครับ มาดูกันเลยว่าเหรียญหมาขวัญใจมหาชนอย่าง shibainu หรือ SHIB ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง จะพาไปเจาะลึกแบบเข้าใจง่ายๆ เหมือนคุยกับเพื่อน ไม่ต้องปวดหัวกับศัพท์เทคนิคเยอะๆ ครับ

เหมือนว่าพักนี้เราจะเห็นชื่อ shibainu ผ่านตาบ่อยๆ อีกแล้วนะครับ ทั้งตามข่าว ตามโซเชียล หรือแม้แต่เพื่อนๆ ที่พอรู้ว่าเราสนใจเรื่องคริปโตก็มักจะมาถามว่า “SHIB เนี่ย มันจะไปต่อได้ไหม?” หรือ “ราคาตอนนี้เป็นยังไง เห็นมันนิ่งๆ จัง” คำถามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นเลยว่า shibainu ยังคงเป็นเหรียญที่หลายคนให้ความสนใจ ทั้งจากคนที่ถืออยู่แล้ว หรือคนที่กำลังมองหาโอกาสลงทุนใหม่ๆ ครับ

ย้อนกลับไปหน่อย shibainu เนี่ยเริ่มต้นมาจากการเป็น ‘เหรียญมีม’ (Meme Coin) ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับ Dogecoin (DOGE) บนเครือข่าย Ethereum เลยตั้งใจทำออกมาให้มีจำนวนมหาศาลแต่แรก ซึ่งตอนนั้นกระแสมาแรงมากๆ เพราะขับเคลื่อนโดยชุมชนคนรักน้องหมาเป็นหลัก แต่ SHIB ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นนะครับ เขาค่อยๆ พัฒนาตัวเองจากแค่เหรียญขำๆ สู่ ‘ระบบนิเวศ’ (Ecosystem) ที่มีอะไรให้ใช้งานจริงๆ จังๆ มากขึ้น ทั้งเหรียญอื่นๆ ในเครืออย่าง BONE, TREAT, LEASH หรือแพลตฟอร์มอย่าง Shibaswap (กระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ หรือ DEX) และที่สำคัญคือ Shibarium (โซลูชัน Layer-2) ซึ่งเปรียบเสมือนทางด่วนที่ทำให้การทำธุรกรรมเกี่ยวกับ shibainu และโปรเจกต์อื่นๆ ในเครือข่ายเร็วขึ้น ถูกลง และรองรับคนได้เยอะขึ้น แถม Shibarium ยังมีกลไก ‘การเผาเหรียญ’ (Burning) SHIB ด้วยนะ ซึ่งการเผาเหรียญเนี่ยแหละที่หลายคนเชื่อว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดจำนวน SHIB ในตลาด ทำให้เหรียญที่เหลือมีมูลค่ามากขึ้นในอนาคตได้

ทีนี้ มาดูตัวเลขตลาดล่าสุดกันบ้างนะครับ ราคา shibainu ช่วงนี้ก็ยังคงผันผวนอยู่ตามสไตล์คริปโต จากข้อมูลที่รวบรวมมา ราคาขยับอยู่ในช่วงประมาณ 0.000012 ถึง 0.000017 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้ามองตั้งแต่ต้นปีมาราคา SHIB ก็ลดลงไปแล้วประมาณ 31.1% ครับ ส่วน ‘มูลค่าตลาด’ (Market Cap) ก็อยู่ในช่วงประมาณ 7.2 พันล้านถึง 9.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ shibainu ยังคงเป็นหนึ่งในคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงติดอันดับต้นๆ ของโลกอยู่ครับ แต่ถ้าเทียบกับ ‘ราคาสูงสุดตลอดกาล’ (ATH – All-Time High) ที่เคยทำไว้ที่ 0.00008845 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปลายปี 2564 ราคาวันนี้ก็ยังห่างไกลอยู่มาก ลดลงไปถึง 80.88% เลยทีเดียวครับ ส่วน ‘ปริมาณการซื้อขาย’ (Trading Volume) ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาก็ค่อนข้างหลากหลาย แต่บางช่วงก็ดูเหมือนจะน้อยกว่าเหรียญมีมยอดนิยมอื่นๆ บางสกุลนะ

แล้วอนาคตล่ะ shibainu จะไปทางไหนต่อ? เป้าหมายในฝันที่นักลงทุน SHIB หลายคนตั้งตารอคอยเลยก็คือ 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้นได้จริงๆ คนที่ถือมาตั้งแต่ต้นก็จะได้กำไรมหาศาลเลยครับ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในชุมชนก็เชื่อว่าเป้าหมาย 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐฯ นี้ ‘เป็นไปได้’ นะ อาจจะเกิดขึ้นใน ‘วัฏจักรตลาดขาขึ้น’ (Bull Cycle) รอบนี้ หรืออาจจะต้องใช้เวลานานกว่านั้นหน่อย เช่น ภายในปี 2572 ก็มีคนคาดการณ์ไว้เหมือนกัน แต่การที่จะไปถึง 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ ราคาจะต้องเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันถึงประมาณ 587% เลยนะครับ ก็ถือว่าเป็นการเดินทางที่ยาวไกลพอสมควร

อย่างไรก็ตาม สัญญาณในระยะใกล้ก็บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิด ‘ความผันผวน’ (Volatility) อยู่เหมือนกันครับ เราเห็นราคา SHIB ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยประมาณ 7.8% หลังจากที่ขาดทุนไปเยอะในไตรมาสแรก แต่ถ้าไปดูสถิติย้อนหลัง เดือนมิถุนายนเนี่ยประสิทธิภาพราคาของ shibainu มักจะเป็นไปในทิศทางลบนะ อันนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่ต้องจับตาดูครับ

ทีนี้ มาดูสัญญาณจาก ‘การวิเคราะห์ทางเทคนิค’ (Technical Analysis) กันบ้าง แบบดูจากกราฟ ดูตัวเลขสถิติ เขาบอกอะไรเรา? ตอนนี้ราคา shibainu เหมือนจะเข้าใกล้ภาวะ ‘ตลาดหมี’ (Bearish) ในระยะสั้นแล้ว หลังราคาลดลงไปกว่า 17% จากจุดสูงสุดของเดือนนี้ ราคากำลังวนเวียนอยู่แถวๆ ‘เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Exponential’ (EMA) 100 วันบนกราฟรายวัน ซึ่งเส้นนี้เหมือนเป็นแนวรับแนวต้านแบบพลวัตอย่างหนึ่งครับ

แต่ก็มีสัญญาณกราฟที่เป็นบวกให้เห็นเหมือนกันนะ อย่าง ‘รูปแบบ Cup and Handle’ (ถ้วยและหูจับ) บนกราฟรายวัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามรูปแบบนี้ อาจบ่งชี้ถึงเป้าหมายราคาที่เป็นไปได้ที่ 0.00002443 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ‘รูปแบบ Ascending Triangle’ (สามเหลี่ยมขาขึ้น) บนกราฟ 4 ชั่วโมง (เมื่อปลายเดือน พ.ค.) ที่บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวประมาณ 17% หลังการ ‘Breakout’ ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง และยังมี ‘รูปแบบ Bull Flag’ (ธงกระทิง) บนกราฟรายวัน ซึ่งอันนี้ถ้าทะลุแนวต้านไปได้ อาจมีศักยภาพพุ่งขึ้น 43% สู่เป้าหมาย 0.000021 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยครับ

ตัวชี้วัดอื่นๆ อย่าง ADX ที่ลดลงก็สนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกจาก Bull Flag ในขณะที่ RSI (ตัวชี้วัดว่าซื้อมากไปหรือน้อยไป) ที่อยู่แถวๆ 50 ก็สะท้อนว่าความเชื่อมั่นยังเป็นกลางๆ ไม่ได้เอนเอียงไปทางไหนมากครับ ส่วน ‘ปริมาณการซื้อขาย’ (Trading Volume) ที่ยังต่ำอยู่ ก็เหมือนกับว่าตลาดกำลังรอ ‘ปัจจัยใหม่’ (Catalyst) อะไรบางอย่างมากระตุ้นให้ราคาขยับแรงๆ ครับ

แล้วอะไรคือปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคา shibainu ล่ะ? ปัจจัยแรกที่เห็นชัดๆ คือ ‘แนวต้าน’ (Resistance) สำคัญทั้งทางจิตวิทยาและทางเทคนิคที่ประมาณ 0.000020 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตรงนี้เป็นเหมือนกำแพงด่านแรกที่ต้องผ่านไปให้ได้ครับ นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “กำแพงอุปทาน” (Supply Wall) ที่แข็งแกร่งมากๆ อยู่ในบริเวณราคา 0.000015 ถึง 0.000019 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตรงนี้มีคนจำนวนมากที่ซื้อ shibainu ในราคานั้นแล้วยัง ‘ติดดอย’ (ขาดทุน) อยู่ครับ พอราคาขึ้นมาแถวนี้ คนที่ติดดอยก็อาจจะอยากขายเพื่อตัดขาดทุน ทำให้มีแรงขายจำนวนมาก กดดันไม่ให้ราคาขึ้นไปได้ง่ายๆ ครับ

อีกปัจจัยที่น่าเป็นห่วงคือพฤติกรรมของ ‘นักลงทุนรายใหญ่’ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘วาฬ’ (Whales) ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าวาฬเหล่านี้มีการขาย shibainu ออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม ลดการถือครองไปกว่า 18 ล้านล้านโทเค็นเลยทีเดียวครับ แม้แต่กลุ่ม ‘เงินอัจฉริยะ’ (Smart Money) ก็มีการขายเหรียญ SHIB เช่นกัน ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณเชิงลบว่านักลงทุนกลุ่มใหญ่ๆ กำลังถอยออกมา หรืออาจจะย้ายเงินไปลงทุนในเหรียญมีมอื่นๆ ที่กำลังเติบโตเร็วกว่าในช่วงนี้ครับ

นอกจากนี้ ‘อัตราการเผาเหรียญ’ (Burn Rate) ของ shibainu ที่เคยเป็นจุดเด่นและสร้างความหวังให้กับชุมชน ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากครับ ล่าสุดลดลงไปถึง 85% ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลเสียต่อ ‘ความเชื่อมั่น’ (Sentiment) ของผู้ถือครับ เพราะการเผาเหรียญน้อยลง หมายถึงจำนวนเหรียญในตลาดก็ยังคงเยอะอยู่ การที่ราคาจะพุ่งขึ้นแรงๆ ก็ยิ่งทำได้ยากขึ้น

แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้างนะครับ อย่าง ‘ปริมาณโซเชียล’ (Social Volume) ที่พุ่งขึ้น 155% ล่าสุด แสดงว่าคนกลับมาสนใจพูดถึง shibainu กันเยอะอีกแล้ว หรือที่เรียกว่า ‘Hype’ ซึ่งในอดีตกระแสบนโซเชียลที่แรงแบบนี้เคยนำไปสู่การขึ้นราคามาแล้วครับ และอีกสัญญาณหนึ่งที่น่าสนใจจากข้อมูลบนเครือข่าย (On-Chain) คือ ‘อัตราส่วน Network Realized Profit/Loss’ ที่ติดลบอย่างมาก ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ถือส่วนใหญ่กำลังขาดทุนครับ แต่ในอดีต สัญญาณแบบนี้มักจะนำไปสู่การฟื้นตัวของราคา หรือเป็นสัญญาณของ ‘จุดต่ำสุด’ (Bottom) ก่อนจะกลับตัวขึ้นครับ ความเชื่อมั่นในชุมชน shibainu ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเชิงบวกนะครับ ยังคาดหวังถึงการพัฒนาจากระบบนิเวศอยู่

ถ้ามองในภาพรวมของตลาดคริปโต shibainu ก็ยังเป็น ‘เหรียญมีมอันดับสอง’ รองจาก Dogecoin ครับ และก็มีการคาดการณ์ถึงศักยภาพที่ shibainu อาจจะ ‘พลิกแซง’ Dogecoin ได้ในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อ shibainu มี ‘ยูทิลิตี้’ (Utility) หรือการใช้งานจริงที่มากขึ้นผ่านระบบนิเวศของตัวเองครับ สภาวะตลาดโดยรวมตอนนี้ก็เริ่มมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจจะเข้าสู่ ‘ฤดูกาลของ Altcoin’ (Altcoin Season) ซึ่งเป็นช่วงที่เหรียญทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Bitcoin มักจะมีประสิทธิภาพที่ดีครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นบวกต่อ shibainu ครับ

แน่นอนว่าโลกคริปโตยังมีเหรียญอื่นๆ ที่น่าจับตาอีกเยอะครับ อย่างในข้อมูลที่ได้มา มีการยกตัวอย่าง Unilabs (UNIL) ซึ่งเป็นเหรียญใหม่ในกลุ่ม Layer-2 บนเครือข่าย Solana ที่เน้นด้านแพลตฟอร์มการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วย AI และมีโมเดลแบ่งปันผลกำไร ซึ่งก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่นำเสนอ ‘พื้นฐานยูทิลิตี้’ ที่แตกต่างออกไปจากการเก็งกำไรบนเหรียญมีมแบบดั้งเดิมนะครับ อันนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นครับ

สรุปแล้วสถานการณ์ของ shibainu ตอนนี้ก็เหมือนกำลังยืนอยู่ที่ทางแยก มีทั้งปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นในชุมชน พัฒนาการของระบบนิเวศ และสัญญาณทางเทคนิคบางอย่างที่ดูดี แต่ก็มีปัจจัยลบกดดันอยู่ ทั้งแรงขายจากวาฬ อัตราการเผาเหรียญที่ลดลง และแนวต้านสำคัญที่ยังไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

สำหรับคนที่สนใจ shibainu หรือกำลังถืออยู่ จะทำยังไงต่อดี? ไม่มีคำแนะนำทางการเงินที่ตายตัวนะครับ เพราะการลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูงมาก แต่อาจลองพิจารณาแนวทางเหล่านี้ดูได้ครับ

1. **ถ้าเชื่อมั่นในอนาคตระยะยาว:** อาจเลือกใช้วิธี ‘ถือยาว’ (HODL) โดยมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นไป เน้นไปที่พัฒนาการของระบบนิเวศ Shibarium และการใช้งานจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
2. **ถ้าถนัดการดูกราฟ:** อาจใช้ ‘การวิเคราะห์ทางเทคนิค’ เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาลงมาใกล้แนวรับ หรือขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปใกล้แนวต้าน หรือรอดูสัญญาณ Breakout จากรูปแบบกราฟต่างๆ
3. **ถ้าอยากรอดูสถานการณ์:** อาจจะยังไม่เข้าลงทุนเพิ่ม หรือลดขนาดการลงทุนลงไปก่อน รอดูว่าปัจจัยลบอย่างแรงขายจากวาฬ หรืออัตราการเผาเหรียญ จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือไม่ หรือรอดูว่า SHIB จะสามารถทะลุแนวต้านสำคัญอย่าง 0.000020 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปได้ไหม
4. **กระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรนำเงินทั้งหมดมาลงทุนใน SHIB หรือเหรียญใดเหรียญหนึ่ง ควรแบ่งไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ด้วยเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอครับ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ **ลงทุนเท่าที่พร้อมจะเสียได้** และ **ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน** ก่อนตัดสินใจเสมอครับ shibainu ยังคงเป็นเหรียญที่มีเรื่องราวให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ ทั้งในแง่ของพัฒนาการและกระแสจากชุมชน แต่การเดินทางสู่เป้าหมายที่หลายคนคาดหวังยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากครับ

⚠️ การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูงมาก อาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งหมด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน.