คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลและโทเคน

Doge แปลว่า อะไร? จากมีมสู่รัฐบาล: อีลอน มัสก์ เขย่าโลก!

เคยได้ยินคำว่า “Doge” (โดจ) ไหมครับ? ถ้าเป็นคอคริปโทฯ หรือคนที่เล่นโซเชียลมีเดียหน่อยๆ คงจะนึกถึงเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีรูปน้องหมาชิบะอินุหน้าตากวนๆ ใช่ไหมครับ เหรียญที่เริ่มจากมีมขำๆ กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างปรากฏการณ์ราคาพุ่งกระฉูดและดิ่งเหวได้ในเวลาอันสั้น ส่วนหนึ่งเพราะพลังของชุมชนออนไลน์ และที่ขาดไม่ได้เลยคืออิทธิพลจากบุคคลระดับโลกอย่าง “อีลอน มัสก์”

แต่ที่น่าแปลกใจคือ ช่วงนี้คำว่า “Doge” ดันไปโผล่ในอีกบริบทที่คาดไม่ถึง นั่นก็คือในแวดวงการเมืองของสหรัฐอเมริกาครับ! มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวใหญ่ๆ อย่างบีบีซีนิวส์ทั้งจากลอนดอนและวอชิงตัน ดีซี (อ้างอิงข้อมูลช่วงเดือน ก.พ. 2025) ว่ามีหน่วยงานใหม่ที่ปรึกษาด้านรัฐบาลถูกจัดตั้งขึ้น โดยได้ฉายาว่า “กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล” ซึ่งผู้คนก็เรียกกันเล่นๆ ว่า “Doge” นี่แหละครับ และที่น่าตะลึงกว่านั้นคือ คนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำหลักในการขับเคลื่อนหน่วยงานนี้ก็คือคนเดิมครับ… อีลอน มัสก์ อีกแล้ว!

**จากมีมสู่กระทรวง (ไม่เป็นทางการ) อะไรคือ “Doge” ภาคการเมือง?**

หน่วยงานที่ว่านี้ไม่ใช่กระทรวงอย่างเป็นทางการที่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส แต่เป็นเหมือนกลุ่มที่ปรึกษาพิเศษที่ตั้งขึ้นโดยคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ครับ เป้าหมายหลักคือการ “ทำให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ฟังดูดีใช่ไหมครับ? พวกเขาอยากจะลดขนาดรัฐบาล ลดจำนวนพนักงานภาครัฐที่มองว่ามากเกินไป ตัดงบประมาณที่สิ้นเปลือง ปรับปรุงระบบไอทีที่ล้าสมัย เพื่อประหยัดเงินภาษีประชาชน และที่สำคัญคือเพื่อช่วยลดภาระ “หนี้สาธารณะ” มหาศาลของสหรัฐฯ ที่ตอนนี้พุ่งไปถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากๆ ถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,200 ล้านล้านบาทครับ

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 5 ปีหลังสุดที่ขาดดุลปีละมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี 2020 เคยพุ่งสูงสุดทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว การขาดดุลและหนี้มหาศาลนี้คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิดแนวคิดในการตั้งหน่วยงาน “Doge” ภาคการเมืองขึ้นมา เพื่อพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ครับ

ทีมงานในหน่วยงานนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะอีลอน มัสก์ เองก็มาจากแวดวงนี้ และเขาก็ทำงานในฐานะ “ลูกจ้างพิเศษของรัฐบาลที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน” ครับ ผู้สนับสนุนมองว่า การที่หน่วยงานนี้ไม่ยึดติดกับระบบราชการแบบเดิมๆ จะทำให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าในการชี้เป้าและตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การลดงบโครงการที่ถูกวิจารณ์ว่า ‘โวก’ (Woke Projects) หรือลดบทบาทหน่วยงานช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง USAID รวมถึงเสนอแนวคิดสุดโต่งอย่างการให้ข้าราชการลาออกถึง 2 ล้านตำแหน่ง และพยายามเข้าควบคุมหรือปิดสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงิน (CFPB) ด้วย

อย่างไรก็ตาม หน่วยงาน “Doge” ภาคการเมืองนี้ก็เผชิญอุปสรรคไม่น้อยครับ ทั้งข้อจำกัดด้านกฎหมาย เพราะไม่ใช่กระทรวงเต็มตัว อาจไม่มีอำนาจบังคับใช้จริงจัง ถูกข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และความกังวลว่าการลดขนาดรัฐบาลอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบด้านลบได้

**เมื่อ “Doge” คริปโทฯ ถูกขับเคลื่อนด้วยทวีตของ “Doge” ภาคการเมือง**

หันกลับมาที่ Dogecoin (DOGE) ที่เราคุ้นเคยกันดี เหรียญนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2013 โดยสองวิศวกรซอฟต์แวร์ Billy Markus และ Jackson Palmer พวกเขาแค่อยากสร้างเหรียญคริปโทฯ ที่เป็นมิตรและสนุกสนาน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมีมยอดฮิตในตอนนั้นที่ใช้รูปน้องหมาพันธุ์ชิบะอินุ ซึ่งนั่นแหละครับที่มาของชื่อ `doge แปลว่า` สุนัขชิบะในบริบทของมีมนั้นเอง เทคโนโลยีเบื้องหลัง Dogecoin คล้ายกับ Litecoin ใช้ระบบ Proof-of-Work ในการยืนยันธุรกรรม สร้างบล็อกใหม่ได้ใน 1 นาที และที่สำคัญคือ ไม่มี “จำกัดอุปทาน” ต่างจาก Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัด

แรกเริ่ม Dogecoin ถูกใช้เป็น “ทิป” ให้กันบนโซเชียลมีเดีย ต่อมาเริ่มมีการใช้จ่ายในสินค้าและบริการบางประเภท เช่น Tesla ของอีลอน มัสก์ ก็รับชำระด้วย Dogecoin ครับ แต่สิ่งที่ทำให้ราคา Dogecoin ผันผวนรุนแรงและเป็นที่จับตาของนักลงทุนรายย่อยและทั้งโลกคือ “อิทธิพล” ของชุมชนออนไลน์และบุคคลสำคัญอย่างอีลอน มัสก์

ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทุกครั้งที่อีลอน มัสก์ ทวีตถึง Dogecoin ราคาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วและรุนแรงครับ บางครั้งราคาพุ่งขึ้น 400% ภายในวันเดียว เคยทำราคาสูงสุดถึง 0.73995 USDT (เทียบเท่าประมาณ 20 กว่าบาทไทยในตอนนั้น) สร้างความมั่งคั่งให้ใครหลายคน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก เคยร่วงลงจากจุดสูงสุดกว่า 86% มาแล้ว การปลุกกระแสบนโซเชียลมีเดียโดยกลุ่มอย่าง Wall Street Bets ก็เป็นอีกปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคา Dogecoin ครับ แม้จะเป็นเหรียญมีม แต่ Dogecoin ก็มี Market Cap (มูลค่าตลาดรวม) สูงติดอันดับต้นๆ ของเหรียญคริปโทฯ ทั่วโลก เคยทำได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจุบันก็ยังอยู่ในระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของชุมชนและการรับรู้ในวงกว้าง

**เมื่อสอง “Doge” มาบรรจบ: อิทธิพลของบุคคลต่อโลกการเงินและรัฐบาล**

เรื่องราวของ “Doge” ทั้งในบริบทคริปโทฯ และในบริบทหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ถ้ามองให้ลึกจะเห็นเส้นบางๆ ที่เชื่อมโยงอยู่ นั่นคือ “อีลอน มัสก์” เขาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของบุคคลที่มีอิทธิพลมหาศาลในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในโลกธุรกิจและเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงตลาดการเงิน (ผ่าน Dogecoin และการลงทุนอื่นๆ) และกำลังจะมีบทบาทสำคัญในแวดวงนโยบายภาครัฐของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ด้วย

การที่อีลอน มัสก์ สามารถนำพาเหรียญมีมที่เริ่มต้นจากความตลกให้มีมูลค่ามหาศาลและเป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีให้มาช่วยแก้ปัญหาหนี้สาธารณะและงบประมาณที่ซับซ้อน แสดงให้เห็นว่าในโลกที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนรวดเร็ว พลังของบุคคลผู้มีชื่อเสียงสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งกระแสในโลกดิจิทัลและกระบวนการตัดสินใจในระดับชาติ

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ Dogecoin ก็เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสและอิทธิพลของบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก การลงทุนโดยไม่ได้ศึกษาพื้นฐานหรือตามกระแสเพียงอย่างเดียวอาจนำมาซึ่งความเสียหายได้ง่ายๆ ครับ ส่วนการพยายามปฏิรูประบบราชการและแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องซับซ้อนและมีมิติทางกฎหมาย การเมือง และเศรษฐกิจที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

**สรุปและข้อคิดสำหรับผู้อ่าน**

จากเรื่องราวของสอง “Doge” ที่เกี่ยวพันกับอีลอน มัสก์ เราได้เห็นภาพที่น่าสนใจหลายอย่างครับ ทั้งพลังของชุมชนออนไลน์ในโลกคริปโทฯ อิทธิพลของบุคคลต่อราคาและความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงความท้าทายทางการคลังของประเทศมหาอำนาจ และความพยายามในการปฏิรูปภาครัฐ

สำหรับใครที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะเหรียญที่มีลักษณะเป็นมีมคอยน์อย่าง Dogecoin ต้องเข้าใจก่อนว่านี่คือการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก ราคาถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสข่าว อารมณ์ตลาด และทวีตจากบุคคลสำคัญมากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเทคโนโลยีหรือการใช้งานจริงจัง การพิจารณาลงทุนควรใช้เงินเย็นที่พร้อมสูญเสียได้ทั้งหมด และศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ใช่แค่ตามกระแสครับ

ส่วนเรื่องราวในแวดวงรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน่วยงาน “Doge” ภาคการเมืองเกิดขึ้นนั้น แม้จะฟังดูน่าแปลกใจและอาจมีข้อกังวล แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาหนี้และงบประมาณที่สะสมมานาน การติดตามข่าวสารด้านเศรษฐกิจมหภาคเหล่านี้ก็เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจภาพรวมของตลาดและการลงทุนด้วยครับ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็น “Doge” ในโลกคริปโทฯ หรือ “Doge” ในแวดวงรัฐบาล ทั้งคู่ต่างแสดงให้เห็นว่า โลกของเราเชื่อมโยงกันมากขึ้นเรื่อยๆ และอิทธิพลของบุคคลเพียงคนเดียวก็สามารถส่งผลกระทบได้ในวงกว้าง ตั้งแต่ตลาดการเงินดิจิทัล ไปจนถึงการบริหารประเทศเลยทีเดียวครับ การเป็นนักลงทุนหรือพลเมืองที่รอบรู้และติดตามข่าวสารจึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอครับ

⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

LEAVE A RESPONSE