คริปโตพลัส

ศูนย์รวมความรู้คริปโต เคล็ดลับลงทุน และอัปเดตราคาเหรียญแบบเรียลไทม์

ความรู้คริปโตและวิเคราะห์ราคา

ใครคือผู้สร้างบิทคอยน์? เปิดตำนาน Satoshi Nakamoto และอนาคตบิตคอยน์

เคยสงสัยไหมว่าเงินที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ใครเป็นคนสร้าง? รัฐบาล ธนาคารกลาง ใช่ไหมล่ะ? แล้วถ้าเป็นเงินดิจิทัลที่กำลังมาแรงอย่าง ‘บิทคอยน์’ (Bitcoin) ล่ะ? ใครคือผู้สร้างกันแน่? นี่คือหนึ่งในปริศนาที่น่าทึ่งที่สุดในโลกการเงินยุคใหม่ เรื่องราวของผู้ที่โลกรู้จักในนามแฝงว่า ผู้สร้างบิทคอยน์ นามว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nakamoto)

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2552 โลกได้รู้จักกับสิ่งใหม่ที่เรียกว่า บิทคอยน์ มันถูกนำเสนอผ่านเอกสารทางวิชาการสั้นๆ ที่เรียกว่า Whitepaper (เอกสารอธิบายหลักการทำงาน) โดยชาย (หรืออาจจะเป็นหญิง หรือกลุ่มคน) ที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ แนวคิดคือการสร้างระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer (P2P) หรือระบบบุคคลต่อบุคคล ที่ผู้ใช้สามารถโอนเงินหากันได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารเลย ฟังดูน่าทึ่งใช่ไหมล่ะ? กุญแจสำคัญของระบบนี้คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเหมือนสมุดบัญชีสาธารณะขนาดใหญ่ที่ทุกคนเข้าถึงได้และแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ ทำให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใสและปลอดภัย

แต่ความน่าทึ่งของบิทคอยน์ไม่ได้มีแค่มิติทางเทคโนโลยีนะ ลองดูการเติบโตของมันสิ ตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ ในเดือนตุลาคม ปี 2552 มูลค่าแทบจะไม่มีเลย มีข้อมูลบอกว่า บิทคอยน์ 1,309 เหรียญ แลกได้แค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐเองนะ! ถ้าตีเป็นเงินไทยสมัยนั้นก็ประมาณ 2.67 สตางค์ต่อ 1 บิทคอยน์ เท่านั้นเอง คือซื้อลูกอมยังไม่ได้เลยมั้ง

แต่เวลาผ่านไป 10 ปี โลกก็ต้องตกตะลึง! ในวันที่ 16 กันยายน ปี 2562 มูลค่าของ 1 บิทคอยน์ พุ่งทะยานไปถึงประมาณ 10,351.98 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 315,631 บาท! โอ้มายก๊อด! นี่มันเติบโตขึ้นประมาณ 13.5 ล้านเท่าภายในทศวรรษเดียว! จากเศษสตางค์ กลายเป็นหลักแสนบาทต่อเหรียญ คิดดูสิว่าถ้าใครเก็บไว้ตั้งแต่แรกจะเป็นยังไง?

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567) อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ทั้งระบบมีมูลค่ารวมกันกว่าสองล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้วนะ บิทคอยน์เองก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ มีบริษัทการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาซื้อขาย แถมบางประเทศยังรับเป็นสกุลเงินที่ใช้ได้จริงอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย

สิ่งที่ทำให้บิทคอยน์มีความน่าสนใจและมีมูลค่าสูงขึ้นส่วนหนึ่งคือ “ความหายาก” เหมือนทองคำนั่นแหละ ผู้สร้างบิทคอยน์ ได้กำหนดไว้ชัดเจนในระบบเลยว่า บิทคอยน์จะมีจำนวนจำกัดแค่ 21,000,000 เหรียญทั่วโลกเท่านั้น ตอนนี้ (ข้อมูลเมษายน 2566) มีบิทคอยน์ที่ถูกสร้างขึ้นและหมุนเวียนอยู่ในระบบประมาณ 19,355,918 เหรียญแล้ว ที่เหลือก็จะต้องค่อยๆ ถูกสร้างขึ้นจากการทำเหมือง (Mining) ซึ่งเป็นกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์แก้โจทย์คณิตศาสตร์ซับซ้อนเพื่อยืนยันธุรกรรมในบล็อกเชน และรางวัล (Block Reward) ที่ผู้ทำเหมืองได้รับก็จะลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 210,000 บล็อก ซึ่งเป็นกลไกที่เรียกว่า Halving (การลดรางวัลลงครึ่งหนึ่ง) เพื่อควบคุมปริมาณและสร้างความหายาก ตอนนี้รางวัลต่อบล็อกอยู่ที่ 6.25 บิทคอยน์

มาถึงปริศนาที่ใหญ่ที่สุด: ซาโตชิ นากาโมโตะ คือใคร? หลังจากเปิดตัวบิทคอยน์และร่วมพัฒนาในช่วงแรก เขาก็หายตัวไปจากชุมชนออนไลน์อย่างเงียบๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) ทิ้งไว้เพียงผลงานชิ้นเอกและนามแฝงที่กลายเป็นตำนาน

ลองคิดดูสิว่าทำไมเขาถึงต้องปกปิดตัวตน? มีหลายทฤษฎีนะ
1. **เรื่องความปลอดภัย:** ถ้าโลกรู้ว่าใครคือผู้สร้างระบบการเงินแบบใหม่ที่ท้าทายอำนาจของธนาคารและรัฐบาล มีหวังชีวิตคงไม่อยู่สุขแน่ๆ อาจถูกกดดัน คุกคาม หรือแม้กระทั่งอันตรายถึงชีวิต
2. **เรื่องความเป็นส่วนตัว:** บางทีเขาก็แค่อยากสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อโลก โดยไม่ต้องการชื่อเสียงหรือความวุ่นวายในชีวิตส่วนตัว
3. **เรื่องอุดมการณ์การกระจายอำนาจ:** นี่อาจเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด ผู้สร้างบิทคอยน์ อยากให้บิทคอยน์เป็นระบบที่กระจายอำนาจอย่างแท้จริง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมีอิทธิพลเหนือระบบได้มากเกินไป ลองนึกถึงกรณีของ ชาร์ลี ลี (Charlie Lee) ผู้สร้างเหรียญ Litecoin (ไลท์คอยน์) ที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศขายเหรียญ Litecoin ส่วนตัวของเขาออกไป เหตุการณ์นั้นทำให้คนในตลาดกังวลและมองว่าผู้สร้างมีอิทธิพลต่อราคามากเกินไป ซาโตชิอาจจะอยากหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ ปล่อยให้บิทคอยน์เติบโตและถูกพัฒนาไปโดยชุมชนจริงๆ โดยไม่มีเงาของผู้ก่อตั้งมาครอบงำ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามมากมายที่จะตามหาตัวตนของ ซาโตชิ นากาโมโตะ มีการคาดเดาผู้คนมากมายว่าเป็นเขา ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนโปรแกรมยุคแรกๆ ที่ทำงานกับบิทคอยน์ เช่น แฮล ฟินนีย์ (Hal Finney) หรือนักวิชาการที่เคยเขียนถึงแนวคิดเงินดิจิทัลมาก่อนอย่าง นิค ซาโบ (Nick Szabo) แม้กระทั่งคนธรรมดาที่ชื่อคล้ายๆ กันอย่าง โดเรียน นากาโมโตะ (Dorian Nakamoto) ที่เคยถูกสื่อ Newsweek (นิวส์วีค) พุ่งเป้าว่าเป็น ซาโตชิ ตัวจริง แต่สุดท้ายก็ไม่มีหลักฐานไหนที่ยืนยันได้ 100%

ที่น่าสนใจคือ ยังมีบางคนอ้างตัวว่าเป็น ซาโตชิ นากาโมโตะ ด้วยนะ ที่ดังที่สุดก็คือ เครก ไรต์ (Craig Wright) นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวออสเตรเลีย เขาพยายามพิสูจน์ว่าเป็น ซาโตชิ มาหลายปี ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลในลอนดอน แต่จนถึงตอนนี้ ศาลก็ยังไม่ยอมรับหลักฐานที่เขานำเสนออยู่ดี

แล้วรู้ไหมว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ คนลึกลับคนนี้ ถือครองบิทคอยน์ไว้ประมาณ 1 ล้านเหรียญนะ! ลองคิดดูสิ ตอนที่ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงไปแตะหลักหลายแสนบาทต่อเหรียญ เขาคนเดียวก็กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว! ความมั่งคั่งมหาศาลนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้คนอยากรู้ว่าเขาคือใคร และถ้าเขาคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้า ซาโตชิ นากาโมโตะ เปิดเผยตัวตนขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ คาดว่าโลกจะปั่นป่วนแน่นอน สื่อทั่วโลก รัฐบาล ธนาคาร นักลงทุน และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีจะต้องพุ่งความสนใจไปที่เขาคนนี้ทันที คำพูดหรือการกระทำของเขาสามารถส่งผลกระทบมหาศาลต่อราคาของบิทคอยน์และทิศทางของวงการนี้ได้เลย อาจจะดีก็ได้ หรืออาจจะสร้างความไม่แน่นอนก็ได้ ใครจะไปรู้?

ไม่ว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้างบิทคอยน์ จะเป็นใคร เป็นคนเดียว หรือเป็นกลุ่มคน หรืออาจจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วจริงๆ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เขาทิ้งมรดกชิ้นสำคัญไว้ให้กับโลก คือ บิทคอยน์ และเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงโลกการเงินและเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวปริศนาของเขา ยิ่งทำให้บิทคอยน์มีความน่าสนใจและเป็นตำนานมากขึ้นไปอีก

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มสนใจในบิทคอยน์หรือคริปโทเคอร์เรนซี สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การศึกษา” ทำความเข้าใจจริงๆ ว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน อย่าเพิ่งรีบกระโดดเข้าสู่ตลาดเพียงเพราะเห็นราคาที่พุ่งขึ้น หรือเห็นข่าวคนรวยจากการลงทุนนี้

⚠️ ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูงมาก มูลค่าอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และก็สามารถลดลงอย่างรุนแรงได้เช่นกัน คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ควรใช้เงินเย็น หรือเงินที่พร้อมจะสูญเสียได้เท่านั้นในการลงทุน และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากไม่แน่ใจ

การรู้จักเรื่องราวของ ผู้สร้างบิทคอยน์ นามว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจโลกของสกุลเงินดิจิทัลอันน่าทึ่งนี้ ยังมีอะไรอีกมากมายให้เราเรียนรู้และติดตามต่อไปครับ

LEAVE A RESPONSE